Bloggang.com : Koon Shy_Tour Dee : Go Together with Koon Shy...One Day in NAKHONPHANOM...Forever in SAKONNAKHON...Part 1

Go Together with Koon Shy...One Day in NAKHONPHANOM...Forever in SAKONNAKHON...Part 1

สวัสดีครับ วันนี้กระผมจะพาไปเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของเรานั่นเองครับ
นั่นคือนครพนมและสกลนครครับ แต่ก่อนที่จะไปชมสถานที่ต่างๆในจังหวัด อยากขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของนครพนมกันสักเล็กน้อย

คำขวัญประจำจังหวัดคือ "พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง"
นครพนมเมื่ออดีตเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีโคตบูร ตัวเมืองตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงซึ่งก็คือฝั่งลาวตรงข้ามกับอำเภอธาตุพนมในปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อพ.ศ.2280 พระธรรมราชาเจ้าเมืองศรีโคตบูรองค์สุดท้าย ได้ย้ายเมืองมาตั้งบนฝั่งขวา (ฝั่งไทย) เยื้องเมืองเก่าไปทางเหนือ
ขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองนคร จากนั้นมีการโยกย้ายชุมชนเมืองอีกหลายครั้ง
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2333 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมืองนครก็ได้ขอขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร โดยพระองค์ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า นครพนม

ในการมาเที่ยวนครพนมคราวนี้พี่ชายสุดหล่อและพี่สาวสุดสวยของเราอยากจะไปวัดพุทธและโบสถ์คริสต์มากเป็นพิเศษครับ
ซึ่งนครพนมก็มีวัดอยู่เยอะมากรวมทั้งวัดประจำวันเกิดด้วย แต่เนื่องจากเวลาจำกัดเพียง 1 วัน เราจึงเลือกไปเฉพาะที่ที่อยู่ใกล้ๆกันเท่านั้น

ไปกันเลยดีกว่าครับ

เริ่มที่แผนที่ของตัวจังหวัดกันก่อนนะครับ นครพนมอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 740 กิโลเมตร
กาเดินทางมาที่นี่มีอยู่ 2 วิธีคือ ทางรถยนต์กับทางเครื่องบินครับ

ตัวเมืองนครพนมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่มีสภาพเศรษฐกิจที่ดีทีเดียว

วัดแรกที่เราเดินทางมาถึง พระธาตุมหาชัย เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันพุธครับ

ประดิษฐานอยู่ ณ วัดธาตุมหาชัย บ้านมหาชัย ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 39 กิโลเมตร บนเส้นทางสกล-นครพนม

ที่วัดธาตุมหาชัยแห่งนี้มีพระพุทธรูปปางห้ามญาติสลักจากไม้ต้นสะเดาหวานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย
แต่ทำไมไม่ได้เก็บภาพมาล่ะเนี่ย อ่อ...หาไม่เจอครับ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระธาตุมหาชัยแห่งนี้
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2518

มาถึงตัวเมืองนครพนมกันแล้ว แวะจุดชมวิวเขื่อนหน้าเมืองกันสักหน่อย

ว่ากันว่าเป็นจุดชมชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามจุดหนึ่งของนครพนมเลย
ฝั่งตรงข้ามนั้นก็คือตำบลท่าแขกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวครับ

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่สาม นครพนม-ท่าแขก เปิดให้ใช้เมื่อไม่นานมานี้เอง
น่าจะทำให้การค้าขายระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวสะดวกมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งยังเป็นทางเชื่อมไปสู่ประเทศเวียดนามและจีนตอนใต้อีกด้วย
แดดดีทีเดียวครับ ดีจนหลังคอผมคล้ำไปเป็นเดือนเลย

วัดแห่งที่สองของวันนี้ครับ วัดโอกาส (ศรีบัวบาน)
วัดโอกาสนี้เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง เดิมมีชื่อว่า วัดศรีบัวบาน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1994 ในสมัยที่อาณาจักรศรีโคตบูรยังเจริญรุ่งเรืองอยู่
ต่อมาเมื่อจุลศักราชราชาได้ 1100 ตัวปีซึ่งตรงกับ พ.ศ.2281ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดโอกาส ดังที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน

บริเวณกลางวัดมีหออันเป็นที่ประดิษฐานของพระติ้วและพระเทียม พระติ้วจะประทับอยู่ทางด้านขวาของพระเทียม
พระติ้วเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำจากไม้ติ้วบุด้วยทองคำ มีขนาดหน้าตักกว้าง 39 เซนติเมตร สูง 60 เซนติเมตร สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตบูร เมื่อ พ.ศ. 1328
ส่วนพระเทียม มีลักษณะและขนาดเดียวกับพระติ้วลงรักปิดด้วยทองเปลว ถูกจัดสร้างขึ้นแทนพระติ้วองค์จริงที่คิดว่าถูกไฟไหม้ไปแล้ว

ต่อมาได้เกิดเรื่องแปลก มีชาวบ้านที่ออกปหาปลาพบ พระติ้ว ลอยขึ้นมาจากน้ำโขง จึงได้นำไปถวายพระเจ้าขัตติยะวงศา
พระองค์เกิดความศรัทธามาก จึงได้สละทองคำหนัก 30 บาท ให้ช่างบุทั่วทั้งองค์
โดยถวายสมัญญานามพระพุทธรูปองค์เดิมว่า พระติ้ว และพระพุทธรูปที่จัดสร้างขึ้นใหม่แทนองค์เดิมว่า พระเทียม ครับ

แต่ตอนที่เราไปนั้นพระเทียมถูกโจรใจบาปขโมยไปจากวัดซะแล้วครับ เป็นที่น่าเสียดายมากๆ เห็นติดป้ายประกาศจับไว้ที่กำแพงวัดด้วย

เราไปชมวัดไทยสองวัดแล้ว ลองไปชมโบสถ์คริสต์กันบ้างนะครับ
วัดนักบุญอันนา หนองแสง

ตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบเเขื่อนหน้าเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1926 โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อธิการโบสถ์

ในช่วงก่อนวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ดาวรูปแบบต่างๆแล้วแห่มารวมกันที่นี่ด้วยครับ

สถาปัตยกรรมสวยงามแปลกตาดีจัง

เริ่มหิวกันแล้ว ไปหาที่รับประทานอาหารเที่ยงกันดีกว่า

เราเลือกร้านนี้ครับ สวนอาหารวิวโขง อยู่ข้างๆโรงแรมวิวโขงทางไปอำเภอธาตุพนม
เปิดบริการตั้งแต่ 10.00 ถึง 24.00 ครับ

วิวโขงจริงๆครับ แถมลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบายดีทีเดียว

เครื่องดื่มที่สั่งมาแล้วครับ น้ำผลไม้รวมปั่น รสชาติดี อาจจะหวานไปนิดสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยชอบหวาน

อาหารจานแรก ปลาคังลวกจิ้ม สดอร่อยจริงๆ น้ำจิ้มก็รสเด็ดมาก ขอเบิ้ลเลยครับจานนี้

จานนี้ปลาบึกผัดฉ่า
ในตอนแรกทางในครัวเค้าอ่านผิดหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำเป็นปลาหมึกผัดฉ่ามาให้ แต่ทางร้านก็ทำมาให้ใหม่ครับ บริการดีทีเดียว

จานต่อไป ยำหัวปลี จานนี้ก็อร่อยเช่นกัน สรุปแล้วรสชาติอาหารดีทุกจานเลยครับ ให้คะแนน 8 เต็ม 10 ตัด 2 คะแนนเนื่องจากมีแมลงวันรบกวน
จริงๆมีอีกนะครับ แต่ไม่ได้เก็บภาพมา ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวแล้วครับในตอนนี้

ลำดับต่อไป พระธาตุนคร เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันเสาร์นะครับ
ประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ ถนนสุนทรวิจิตรเส้นเดิม

พระธาตุนครมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 5.85 เมตร สูง 24 เมตร

องค์พระธาตุก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2465 มีรูปแบบคล้ายพระธาตุพนมองค์เดิม องค์ก่อนที่จะสร้างขึ้นใหม่ที่เห็นในปัจจุบัน

ภายในบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำและของมีค่าต่างๆของพุทศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธานำมาถวาย

วัดมหาธาตุ ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.1150 โดยพระมหาอำมาตย์ (ป้อม) แม่ทัพใหญ่มาจากเวียงจันทน์ ผู้สร้างเมืองนครพนม และสร้างวัดมหาธาตุ เป็นวัดประจำเมืองนั่นเอง

ภาพสุดท้ายของพระธาตุนคร วัดมหาธาตุนี้ เดี๋ยวเราไปวัดอื่นกันต่อครับ

ออกจากตัวเมืองนครพนมมาประมาณ 50 กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าอำเภอเรณูนคร
ถึงแล้วครับ พระธาตุเรณู

พระธาตุเรณู เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันจันทร์ครับ

ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม

พระธาตุเรณู ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2460 โดยพระอุปัชฌาย์อินภูมิโย มีการจำลองรูปทรงมาจากพระธาตุพนมองค์เดิมในช่วงก่อนที่จะพังลงมาในปี พ.ศ.2518 แต่มีขนาดเล็กกว่า

ภายในพระธาตุบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ของมีค่า และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมืองไหนสมัยนั้น

นอกจากนี้ ในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานของพระองค์แสน อันเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองทั้งองค์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุนานกว่า 100 ปีมาแล้ว

มีการทำพิธีบรรจุพระบรมสาริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุเมื่อปี พ.ศ.2519 ถือเป็นพระธาตุที่ได้รับการเคารพสักการะมากแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยทีเดียว

พระองค์แสนถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนครพนม ที่ชาวนครพนมเคารพนับถือและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

หากปีใดเกิดฝนแล้งก็จะอัญเชิญหลวงพ่อพระองค์แสนแห่ไปตามที่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้เคารพบูชาและสรงน้ำเพื่อร่วมกันอธิษฐานให้ฝนตกลงมา
รวมถึงยังมีขบวนแห่อัญเชิญพระองค์แสนรอบเมืองในพิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์อีกด้วย

ภาพโดยรวมของพระธาตุเรณูซึ่งได้รับการบูรณะใหม่จากกรมศิลปากร เนื่องจากมีสภาพค่อนข้างทรุดโทรมแล้ว

มาถึงสถานที่สุดท้ายของนครพนมที่เรามากันในวันนี้ครับ
"พระธาตุพนม"

เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม

มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร

มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้าเป็นเนินดินที่สูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร

องค์พระธาตุพนมได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์หลายครั้ง โดยครั้งแรกและครั้งที่สองไม่มีการบันทึกไว้ว่าบูรณะเมื่อปีใด

ครั้งที่สามมีการบูรณะไปเมื่อปี พ.ศ.2157 ครั้งที่สี่มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้สูงขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2233
ครั้งที่ห้าเมื่อปี พ.ศ.2349 และครั้งที่หกมีการบูรณะครั้งใหญ่ไปเมื่อปี พ.ศ.2444

จนเมื่อปี พ.ศ.2518 องค์พระธาตุพนมได้ชำรุดล้มลงด้วยเหตุที่มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันหลายวันและเกิดจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุเอง

ทางราชการจึงได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่โดยให้คงสภาพเดิม
การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2522 และได้ยืนยงคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน มีเพียงทาสีใหม่เท่านั้น