|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
โรคหู+ผิวหนังในแมว
หน้า blog นี้มาจากส่วนหนึ่งของกระทู้ อยากได้ความรู้จากเพื่อนๆเรื่องโรคในหูแมวนะค่ะ //topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2007/05/J5411731/J5411731.html ในคลังกระทู้เก่า เนื่องจากไม่รู้ว่า กระทู้ในคลังจะโดนลบทิ้งเมื่อไหร่ จึงได้ทำการเก็บกระทู้ความรู้ที่น่าจะมีประโยชน์เอาไว้ใน blog แทน
-----------------------------------------------------------------
ไรขี้เรื้อนแห้ง เป็นโรคผิวหนังที่ติดต่อตัวอื่นๆได้ เกิดจากการติดไรขี้เรือนที่ชื่อ Sarcoptes
อาการ ขี้เรือนแห้งมักพบรอยโรคที่หัวและใบหู โดยขนจะร่วง เกา คัน และมีสะเก็ดแข็งๆ (แยกออกจากไรในหูคือ ขี้เรือนแห้งจะเป็นที่ใบหูและขอบหูเท่านั้น ไม่เป็นในรูหู)
การตรวจวินิจฉัย ขูดผิวหนังไปส่องกล้องหาตัวไร
การรักษา ---> ให้หมอรักษาดีที่สุดครับ ฮ่าฮ่าฮ่า (ในการรักษา โรคๆนึง มีหลายวิธีครับ ดังนั้นบางครั้งหมอแต่ล่ะคนก็รักษาไม่เหมือนกัน บางคนฉีดยา บางคนให้ยาผสมน้ำอาบ เช็ดตัว บางคนให้ยาหยอดหลัง ดังนั้นโรคอื่นๆก็เช่นกัน จะขอข้ามหัวข้อการรักษาไปล่ะกันนะครับ)

ไรในหู : Ear Mite
สาเหตุ เกิดจากการติดไรในหูที่มีชื้อว่า "Otodectes cynotis" หรือที่เราเรียกกันว่า "ear mite" มักชอบอยู่ในที่อับและมี ความชื้น
อาการ เกาที่ใบหูหรือสะบัดหัวไปมา ถ้าดูภายในหูจะพบขี้หูที่มีลักษณะเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้มเป็นจำนวนมาก รวมทั้งอาจพบน้ำ และบางกรณีอาจมีการอักเสบของหู ร่วมด้วยทำให้แมวรู้สึกคันมากและแมวจะแสดงออกโดยการเกาหรือสะบัดหัวไปมา
การตรวจวินิจฉัย ทำได้โดยการใช้ไม้สำลีแคะหู(Cotton bud)เก็บตัวอย่างขี้หูไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูตัวไร
ข้อสังเกตุ ไรในหูจะอาศัยอยู่แต่ภายในรูหูเท่านั้น ในขณะที่ไรขี้เรื้อนแห้งก็จะอยู่ที่ผิวหนังใบหู ขอบหูแต่ไม่เข้าไปในรูหูเช่นกัน (แต่สัตว์บางตัวก็อาจจะเป็นทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกันได้นะครับ)

รูหูชั้นนอกอักเสบ (กรณนี้จะพูดถึงการติดเชื้อในหูนะครับ) คือการอักเสบติดเชื้อของรูหูชั้นนอก
อาการ ผนังของรูหูอักเสบแดง มีเลือดหรือหนอง มีกลิ่นเหม็น
สาเหตุ - เกิดจากการติดเชื้อ เช่นแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ ไรในหู ***วันนี้จะพูดถึงกรณีนี้นะครับ*** - น้ำเข้าหูนานๆ โดยไม่เช็ดออก ---> หูอับชื้น/อักเสบ มีเชื้อต่างๆเข้ามาแทรกซ้อน - อาการแพ้ หรือภูมิแพ้ บางอย่างก็ออกอาการที่หูได้เช่นกัน
การตรวจวินิฉัย ทำคล้ายๆกับการตรวจหาไรในหู คือใช้ไม้สำลีแคะหูเก็บตัวอย่าง และนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ แต่ต่างกันตรงที่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ มีขนาดเล็กมากและ ใสไม่มีสี ดังนั้นจึงต้องย้อมสีก่อน เพื่อเวลาส่องกล้องจะได้มองเห็น
การรักษา ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเชื้อตัวไหน การรักษามีทั้งยากิน ยาฉีด ยาหยอดหู
*** กรณีที่เป็นเรื้อรัง รักษาไม่หายซักที อาจทำการเก็บตัวอย่างในรูหูไปเพาะเชื้อและทำการทดสอบหาความไวของยาด้วยก็ได้ จะได้จัดยาให้ตรงกับเชื้อ (การเป็นเรื้อรังรักษากันมานานๆ หรือเปลี่ยนคลินิกบ่อยๆ ได้ยาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จึงอาจต้องทำการทดสอบหาความไวของยา)
===============================================
ดังนั้นการรักษาหูอักเสบโดยทั่วๆไปจะมีดังนี้ครับ 1.รักษาที่สาเหตุ (ต้องตรวจให้รู้ก่อนว่าเกิดจากอะไร และรักษาให้ตรงกับสาเหตุ) 2.บรรเทาตามอาการ เช่นเกาคันมาก อาจต้องให้ยาลดคันร่วมด้วย 3.การป้องกันการทำร้ายตัวเอง ---> ใส่ collar ป้องกันการเกา ***สำคัญนะครับ*** บางตัวเกาจนเลือดโชกเลยก็มี 4.ป้องกันการติดต่อตัวอื่นๆ 5.ป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก
****ซึ่งการรักษา การกำหนดแนวทางการป้องกันต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าหูอักเสบที่เป็นเกิดจากสาเหตุอะไร ดังนั้นขั้นตอนที่อ๊อบคิดว่าสำคัญที่สุดคือการวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่าหูอักเสบที่เป็นเกิดจากอะไร
ปล.รูปรูหูอักเสบของแมวหายากจริงๆครับ เพราะปกติรูหูอักเสบจะพบในหมาเยอะกว่าในแมวมากๆ รูปที่เป็นตัวอย่างจะเป็นหูหมาแทนครับ แต่ลักษณะจะเหมือนๆกันครับ

ส่วนคำถามอื่นๆ
-ปัจจัยที่ทำให้เกิด เช่น อาบน้ำบ่อยๆ ? อาบน้ำบ่อยไม่ได้ทำให้เกิดหูอักเสบครับ แต่น้ำเข้าหูแล้วไม่เช็ดออกให้แห้งอันนี้ล่ะสาเหตุที่ทำให้หูอักเสบได้
-ลักษณะขี้หูปกติ เช่น ควรเป็นสีไร เยอะแค่ไหน ขี้หูปกติจะสีเข้มๆ เช่นน้ำตาลหรือดำ แต่ปริมาณไม่มาก และไม่เหม็นมากนัก
-การเช็ดหู ถ้าไม่มีขี้หู หรือไม่มีกลิ่นเห็มนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเช็ดบ่อยๆ 1-2 อาทิตย์ครั้งก็ได้ อย่างปุยฝ้ายที่บ้านอ๊อบเช็ด 2 อาทิตย์ครังนึง ใช้สำลีและ cotton bud ธรรมดา ไม่ได้ใช้น้ำยาเช็ดหู (ปล. น้ำยาเช็ดหูก็ทำให้หูอักเสบได้ ถ้าสัตว์ตัวนั้นแพ้)
-หยอดยาในหูนะค่ะ ไม่จำเป็นจริงไม่ควรใช้ยาครับ เด๋วดื้อยาหมดจะไม่มียารักษา
-ตามปกติถ้าเค้าไม่ได้เป็นไรก้อต้องเช็ดใช่มั้ยค่ะ นานๆครั้ง ตามปริมาณขี้หูครับ แมวไทยปกติ ถ้าไม่มีขี้หูก็ไม่ต้องเช็ดบ่อย ที่ต้องดูแลคือแมวขนยาว หรือแมวหูพับ ซึ่งหูจะอับชื้นได้ง่าย
-ควรใช้ยาเช็ดหรือหยอดยี่ห้ออะไรค่ะ อันนี้ถามเพื่อนๆคนอื่นดีกว่าครับ คงไม่เหมาะที่อ๊อบจะมาแนะนำยี่ห้อสินค้าต่างๆ
-แล้วเวลาเช็ดนี่ที่บอกว่าหูเค้าเป็นตัวแอลนะค่ะ คือว่าถ้าเช็ดแล้วเราจะเช็ดได้ลึกแค่ไหนค่ะ บิวมะค่อยกล้าเช็ดลึกค่ะ แต่เห็นขี้หูลึกๆแล้วก้ออยากล้วงไปมากเยย เช็ดได้ครับ ไม่ต้องกลัวว่า cotton bud จะไปแทงเยื่อแก้วหู เพราะรูหูเป็นรูปตัว L แต่เวลาเช็ดก็ทำด้วยความนุ่มนวลครับ เพราะการทำด้วยความรุนแรงกระแทกกระทั้น หรือแมวสะบัดหัว แล้วเราขืนแรงเอาไว้ทำให้ผนังรูหูบาดเจ็บได้ (ปล.cotton bud ยี่ห้อที่สำลีนุ่มๆหน่อยนะครับ บางยี่ห้อแข็งเหลือเกิน แคะหูตัวเองยังเจ็บเลย + ดูยี่ห้อที่สำลีปลายไม่ไม่หลุดง่ายๆด้วยนะครับ เคยมีกรณีแคะไปแคะมา พอเอาไม้ออกมา สำลีหลุดอยู่ในรูหูแมวก็มีนะครับ ฮาไม่ออกเลยทีเดียว)
-แล้วเวลาเช็ดเค้าเจ็บมัยค่ะ ทำด้วยความนุ่มนวลครับ หูปกติ คงไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่ถ้าหูอักเสบแล้ว เวลาเช็ดทำความสะอาดก็เจ็บพอสมควรครับ(แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องทำ)

เชื้อราในแมว / ขี้กลาก (Dermatophytosis, ringworm) เชื้อราชนิด dermatophyte ทำให้เกิดโรคในบริเวณที่มี keratin ได้แก่ ผิวหนังชั้นนอกสุด เส้นผมและเล็บ เกิดจากเชื้อ 3 genera คือ Trichophyton, Microsporum และ Epidermophyton ซึ่งอาศัยอยู่ในดิน คน และสัตว์ โดยเชื้อที่พบในแมวคือ Mycrosporum canis

ลักษณะรอยโรคของเชื้อราคือ ขนร่วงเป็นวงๆ ตรงกลางวงจะไม่ค่อยมีขน ส่วนที่ขอบๆของรอยโรคจะพบว่าเส้นขนบริเวณขอบๆนั้นจะหลุดร่วงได้ง่าย
ดูลักษณะรอยโรคเชื้อราตามรูปนะครับ

ความสำคัญของโรคเชื้อราคือเป็น โรคสัตว์ติดต่อสูคน/Zoonosis แต่ไม่แน่อาจจะมีเจ้าของคนใดซกมกเป็นเชื้อราก่อนแล้วเอาไปติดเจ้าเหมียวก็ได้ครับ ฮ่าฮ่าฮ่า (อันนี้ล้อเล่นนะครับ ขี้กลากเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย ใครเป็นไม่ได้หมายความว่าซกมกนะครับ)
ดังนั้นเมื่อสงสัยว่าแมวเป็นเชื้อราพาไปหาหมอตรวจด่วนก่อนที่จะติดต่อไปยังตัวอื่นๆหรือเจ้าของ
ปล.โรคเชื้อราเป็นโรคติดต่อ บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นคือผู้ที่เลี้ยงแมว(ที่เป็นเชื้อรา)อย่างใกล้ชิดและสัตวแพทย์นั่นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า (แต่เค้ายังไม่เคยเป็นนะตัวเอง)
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 3 เมษายน 2556 17:35:57 น. |
|
12 comments
|
Counter : 57266 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: me-o วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:40:57 น. |
|
|
|
โดย: annie l (Annie l ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:30:45 น. |
|
|
|
โดย: COOL ARTS (ครูอาร์ท ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:13:59 น. |
|
|
|
โดย: cool IP: 203.144.187.18 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:31:48 น. |
|
|
|
โดย: kittyob IP: 58.9.125.183 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:01:21 น. |
|
|
|
โดย: cool IP: 203.144.187.18 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:22:08 น. |
|
|
|
โดย: kittyob IP: 58.9.131.87 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:51:49 น. |
|
|
|
โดย: GottaBeMary วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:30:36 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องแบ๊ว IP: 203.146.83.92 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:15:31:37 น. |
|
|
|
โดย: Bento IP: 202.44.7.81 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:13:05:34 น. |
|
|
|
โดย: เด็กไม้แก่น IP: 118.175.188.215 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:32:36 น. |
|
|
|
โดย: ปุ้ย IP: 192.168.0.134, 203.144.144.164 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:19:19:35 น. |
|
|
|
| |
|
|
เป็นตัวเดียว ติดทั้งฝูงเลย
ตอนนั้นใช้วิธีหยอดยาที่หูค่ะ