|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
[How to] 3 เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของให้ยอดขายพุ่งกระฉูด |
|
เทคนิคเขียนแคปชั่นให้โดน กระตุ้นลูกค้าเข้าร้านในวันที่เพจเงียบเหงา ร้านค้าออนไลน์จะเน้นขายของอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะเรียกความสนใจจากบรรดาลูกค้าได้ ด้วยการโพสต์แคปชั่นเริ่ด ๆ สะกิดต่อมความสนใจของลูกค้าได้ ร้านจะได้ไม่เงียบเหงาวังเวงอีกต่อไป ทั้งนี้ การโพสต์แคปชั่นให้ดึงดูดความสนใจจะสามารถเขียนได้อย่างไร
เทคนิคเขียนแคปชั่นขายสินค้าให้ลูกค้าสนใจซื้อ จริงๆแล้วนั้นมีหลักการอยู่ วิธีการโดยรวมแล้วคือให้ลูกค้าเห็นถึงปัญหา และสินค้าของเราสามารถตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาให้กับเขาได้อย่างไรบ้าง
โดยบทความนี้จะอธิบายเทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของที่เป็นที่นิยมมากๆ 3 เทคนิคด้วยกันคือ - เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ FAB (Features x Advantages x Benefits)
- เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ BAB (Before x After x Bridge)
- เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ PAS (Pain x Agitate x Solve)
เรามาเริ่มกันที่บทความแรกกันเลยครับ 1. เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ FAB (Features x Advantages x Benefits)เป็นเทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของแบบพูดถึง คุณสมบัติ จุดเด่นของสินค้า และคุณประโยชน์ของสินค้า เป็นเทคนิคขั้นต้นที่ผู้เริ่มต้นขายของออนไลน์ควรเลือกใช้มากที่สุด เพราะว่าเป็นเทคนิคที่เริ่มต้นง่ายและสามารถเขียนโน้มน้าวลูกค้าได้ง่ายมากที่สุดเทคนิคนึง
Features - คุณสมบัติของสินค้า ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง Advantages - จุดเด่นของสินค้าตัวนี้ ว่ามีข้อดีที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างไรบ้าง Benefits - คุณประโยชน์ของสินค้า ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
สำหรับเทคนิคนี้นั้น วิธีการใช้คือเราควรจะต้องอธิบาย Features(คุณสมบัติ) ก่อนแล้วบอก Benefits(คุณประโยชน์) และตามด้วย Advantages(จุดเด่น) ของสินค้าของเราตัวอย่าง การเขียนแคปชั่นขายแบบ FAB (Features x Advantages x Benefits)เช่น ถ้าเราขาย Powerbank ก็สามารถเขียนแคปชั่นขายโดยใช้หลัก FAB ได้ว่า - แบตอยู่ได้นาน ลูกค้าไม่ต้องชาร์จบ่อย และใช้ชาร์จได้หลายเครื่องพร้อมกัน มีรับประกันนานกว่า
- สินค้าของเรามีขนาดเล็กที่สุดในตลาด
- รับประกัน 1 ปี ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่าซื้อไปแล้วจะใช้ได้แปปเดียวพัง
- ลูกค้าสามารถพกพาสะดวกไปได้ทุกที่ วัสดุคงทน ตกก็ไม่เป็นอะไร
- แข็งแรงและน้ำหนักเบา ด้วยวัสดุที่ทำทำจากโครงสร้างรถยนต์
2. เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ BAB (Before x After x Bridge)เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของให้ลูกค้ารู้ถึงปัญหา และเห็นว่าถ้าฉันสามารถแก้ปัญหานี้ได้ชีวิตฉันจะดีขึ้นได้อย่างไร และปิดท้ายด่วยนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์และช่วยให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นได้
Before - ปัญหาของลูกค้าคืออะไร หรือตอนนี้ลูกค้ามีปัญหาอะไรอยู่ ที่ทำให้เขากวนใจอยู่บ้าง After - ถ้าปัญหาของลูกค้าถูกจัดการออกไป ลูกค้าจะได้รับ สะดวกขึ้นอย่างไรบ้าง (เน้นเขียนให้ลูกค้าเก็นปลายทางที่ต้องการ) Bridge - อะไรที่ทำให้ลูกค้าไปถึงจุดที่เขาต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าของเรา หรือ การกระทำอะไรบางอย่างตัวอย่าง การเขียนแคปชั่นขายแบบ BAB (Before x After x Bridge)เช่น ถ้าเราต้องการเขียนแคปชั่นขายคอร์ส Facebook สำหรับคนที่ชอบโดนปิดบัญชี
Before - บัญชีโฆษณา Facebook โดนปิดทุกวัน ธุรกิจถูกแขวนไว้กับ Facebook ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี After - แล้วถ้าเรารู้เทคนิคที่ทำให้บัญชีโฆษณา Facebook ไม่ถูกปิด แถมยังสามารถขายสินค้าที่เสี่ยงผิดนโยบาย แบบไม่ผิดนโยบายละ Bridge - คอร์ส White Hat Facebook Ads ช่วยคุณได้ การันตีคืนเงิน 30 วันถ้าไม่ได้ผลตามที่โฆษณาไว้3. เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายแบบ PAS (Pain x Agitate x Solve)เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของแบบ ขยี้ความเจ็บปวดให้ลูกค้า เทคนิคนี้ผมคิดว่าเป็นเทคนิคที่คุณควรจะต้องจี้ปม และขยี้ให้ลูกค้าเจ็บปวดมากๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของเราให้มากขึ้น เป็นเทคนิคที่
Pain - คุณต้องเข้าใจถึงควรเจ็บปวดลูกค้าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ให้ได้เพื่อเปิดแผลนั้นของลูกค้า Agitate - ชี้ให้เห็นว่าแผลนั้นของลูกค้าถ้าไม่รีบแก้ไขโดยเร็วจะกระทบกับชีวิตเขาอย่างไรบ้าง และควรรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว Solve - สินค้าของเราสามารถช่วยแก้ปัญหานั้นของลูกค้าได้ และความเจ็บปวดคุณจะหมดไปโดยทันทีตัวอย่าง การเขียนแคปชั่นขายแบบ PAS (Pain x Agitate x Solve)เช่น ถ้าเราต้องการขายเตียงยางพารา แก้อาการปวดหลัง
Pain - นอนหลับไม่สนิท ปวดหลังขณะนอน Agitate - ส่งผลให้ตื่นเข้ามาแล้วไม่สดชื่น ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรืออารมณ์หงุดหงิดง่ายจากการนอนหลับไม่เพียงพอ Solve - เตียงยางพารารักษาอาการปวดหลังของเรา รองรับสรีระร่างกายได้ดี ไม่ปวดหลัง ปวดคอ นอนหลับสบายทั้งคืน ช่วยให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พร้อมรับวันใหม่กับความสดชื่น
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของ 3 เทคนิคที่เราเอามาจาก สำหรับผู้ที่มีความสนใจการเขียนเทคนิคอีกทางเราก็มีเทคนิคการเขียนอีก 27 วิธีให้คุณสามารถนำกลับไปใช้เขียนแคปชั่นเพื่อขายสินค้าของคุณต่อได้
สามารถไปอ่ารต่อกันที่บทความนี้ได้เลยครับ : 27 เทคนิคการเขียน แคปชั่นขายของ ให้ลูกค้าซื้อสินค้าแบบไม่รู้ตัว!!
Create Date : 09 มกราคม 2564 |
Last Update : 9 มกราคม 2564 13:45:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 894 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|