เมื่อพูดถึงเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีภาพของอากาศยานแสนสง่าสุดเพรียวลมอยู่ในหัว แต่ใครจะไปคิดว่าความสร้างสรรค์และความสามารถทางวิศวกรรมของคนเราจะทำให้เครื่องบินหน้าตาสุดแปลกประหลาดเหล่านี้บินได้จริง
เครื่องบินทรงกระบอกไร้ปีก Aerodyne
แม้จะสร้างมาตั้งแต่ปี 1959 แต่เชื่อได้เลยว่านี่คือหนึ่งในเครื่องบินที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา Aerodyne เครื่องบินไร้ปีกรูปทรงกระบอกลำนี้ทำการบินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง สามารถลอยลำอยู่ได้โดยอาศัยแรงลมผ่านใบพัดคู่ที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวเครื่อง ซึ่งลมจะถูกดูดเข้ามาปล่อยออกที่ปากปล่องทางตอนกลางของตัวเครื่อง และเครื่องบินสุดเพี้ยนลำนี้เองที่ได้กลายเป็นต้นแบบของเครื่องยนต์ไอพ่น รวมทั้งเป็นต้นแบบของเครื่องบินที่สามารถบินขึ้น-ลงจอดได้ในระยะสั้นอย่างเครื่องบินขับไล่ Harrier อีกด้วย
เครื่องบินหน้าตาสุดประหลาดราวกับจับเอาเครื่องบินธรรมดา 2 ลำมาต่อปีกเข้าด้วยกัน อันที่จริงแล้ว VMS Eve ลำนี้เป็นยานแม่ ทำหน้าที่ปล่อยยานลำลูกออกไปเหินฟ้าขึ้นสู่ห้วงอวกาศต่ออีกทอดหนึ่ง โดยโครงการอากาศยานทะลุห้วงอวกาศสุดล้ำเช่นนี้คงเป็นของใครอื่นไม่ได้นอกเสียจากท่านเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน อภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจเครือ Virgin Group ที่หวังจะเปิดกิจการทัวร์อวกาศ Virgin Galactic โดยมี VMS Eve ลำนี้เป็นหนึ่งในอากาศยานทดลอง เบิกทางให้การท่องเที่ยวอวกาศใกล้เป็นความจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยานบินที่ไม่ต้องการนักบิน Boeing X-45
ยานบินหน้าตาสุดแปลกประหลาดจนดูราวกับว่าไม่ได้ทำมาให้คนขับ ซึ่ง Boeing X-45 ลำนี้ก็ไม่ได้ทำมาให้นักบินจริง ๆ เพราะมันคืออากาศยานไร้คนขับสุดล้ำหน้า ที่อาจจะกลายเป็นนักล่าแห่งโลกอนาคตของกองทัพอากาศสหรัฐฯ การตัดเอาระบบการควบคุมโดยนักบินออก นอกจากจะปลอดภัยต่อชีวิตนักบินเองแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสร้างและพัฒนาเครื่องบินลำนี้เป็นอย่างมาก โดยนักบินอาจทำหน้าที่ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ แต่ X-45 ก็สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากมองในอีกมุมหนึ่ง อากาศยานไร้คนขับสุดล้ำหน้าแบบนี้ก็แอบแฝงความน่าสะพรึงกลัวของสมรภูมิสงครามในโลกอนาคตไว้ด้วยเช่นกัน
อาจดูเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนไปหน่อย แต่เจ้ารถบินได้คันนี้มีอยู่จริงมาตั้งแต่ปี 1946 เหินฟ้าได้ด้วยความเร็ว 177 กม./ชม. หรือถ้าอยากวิ่งบนพื้นก็สามารถถอดชิ้นส่วนของใบพัด, ปีก, หาง ฯลฯ ออกไปวิ่งเนียน ๆ บนท้องถนนได้ด้วยความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. เหมือนรถธรรมดา ๆ ทั่วไป น่าเสียดายที่แนวคิดของยานยนต์ติดปีกแบบนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ไม่เช่นนั้นทุกวันนี้เราคงสามารถเหินฟ้าได้สบาย ๆ กว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
เป็นใครเห็นก็คงต้องตั้งคำถามประมาณว่า "นี่มันบินได้จริงใช่ไหม?" เครื่องบินหน้าตาสุดประหลาดแต่ออกไปทางน่ารักลำนี้มีชื่อว่า Super Guppy ออกแบบมาเพื่อการขนส่งสัมภาระขนาดใหญ่ในภารกิจขององค์การนาซา ยกตัวอย่างเช่นปฏิบัติการล่าสุดเพื่อขนส่งถังเชื้อเพลิงจรวดขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าไม่ใช่ Super Guppy ลำนี้แล้ว คงยากที่จะหาอากาศยานลำอื่นลำไหนที่จะมาทดแทนได้ ภายในเครื่องบิน Super Guppy มีพื้นที่บรรุสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 34 เมตร บรรทุกน้ำหนักสูงสุดได้ 23.8 ตัน ถูกสร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปี 1950s แต่ยังคงทำหน้าอยู่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ปกติแล้วเครื่องบินก็ต้องมีปีกลู่ลมหันไปทางด้านหลัง แต่สำหรับเครื่องบินทดลอง Grumman X-29 ลำนี้ กลับมีปีกหันสวนทางไปด้านหน้าของตัวเครื่องเสียอย่างนั้น ด้วยรูปทรงปีกสุดแปลกนี้เองทำให้เครื่อง X-29 ต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมทางไกลจากศูนย์การบินภาคพื้น โดยทรงปีกแบบนี้มีประโยชน์ในเรื่องของการลดน้ำหนักของปีก และเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมขณะทำการจู่โจม แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าปีกสุดแปลกแบบนี้คงจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าเท่าที่ควร จึงทำให้ X-29 ไม่ได้ถูกสานต่อ แม้แต่เครื่องบินรบทดลอง Su-47 ของรัสเซีย ซึ่งมีปีกโน้มมาทางด้านหน้าเหมือนกัน ก็ยังไม่เคยถูกนำเข้าสู่สายการผลิตจริงเลย
ยานบินไร้คนขับทรงสามเหลี่ยม Boeing X-48B
สัมผัสอากาศยานสุดล้ำแห่งอนาคต เครื่อง Boeing X-48B ที่ออกแบบโดยใช้แนวคิดการผสานส่วนของปีกเข้ากับลำตัวเครื่อง ทั้งยังเน้นเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิง ปล่อยเสียงน้อย แต่เพิ่มความสามารถในการบรรทุกน้ำหนัก ที่สำคัญก็คือนักบินสามารถควบคุมเครื่อง X-48B ผ่านศูนย์ควบคุมภาคพื้น ทำให้ปลอดภัยต่อชีวิตของนักบินเอง ล่าสุดเครื่อง X-48B ได้รับการพัฒนาต่อไปเป็นเครื่อง X-48C ที่ยิ่งได้รับการพัฒนาให้มีความเงียบยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงจริง ๆ ที่อากาศยานไร้คนขับแบบนี้จะกลายเป็นเขี้ยวเล็บใหม่เหนือน่านฟ้าแห่งโลกอนาคต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1930 ในสมัยที่เครื่องบินน้ำหรือเรือบินยังคงมีประจำการกันในหลาย ๆ ประเทศ นี่คือเครื่อง Dornier Do X ที่ถือเป็นเครื่องบินน้ำขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดของ ณ ตอนนั้น สามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากที่สุดถึง 56 ตัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 610 แรงม้ารวม 12 เครื่องที่ติดอยู่บนปีก Dornier Do X ถูกนำมาใช้เป็นเรือบินโดยสารระดับหรูบนเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักอันใหญ่โตมโหฬารจึงทำให้เมื่อรวมน้ำหนักบรรทุกแล้ว มันสามารถบินได้สูงเพียง 500 เมตรเท่านั้น
ถ้าใครเป็นแฟนหนังสายลับเรื่องเจมส์ บอนด์ อาจจะพอคุ้นเคยกับเฮลิคอปเตอร์เล็กแบบเจ้าเครื่อง Kellett KH-15 ลำนี้บ้าง แม้จะดูเหมือนหลุดออกมาจากหนัง แต่ฮ.ขนาดจิ๋วแบบนี้ก็สามารถใช้งานได้จริง นอกจากใบพัดขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนแล้ว ฮ.ส่วนตัวลำนี้ยังมีเครื่องยนต์ขับดัน และถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนติดตั้งขนาบข้างที่นั่งคนขับ เรียกได้ว่าต้องมีทั้งความเชี่ยวชาญและความกล้าหาญมากจริง ๆ ถึงจะสามารถขับฮ.ลำนี้ได้ เพราะแม้ว่า KH-15 จะแสดงให้เห็นว่ามันสามารถขึ้นบินได้อย่างน่าประทับใจ แต่โครงการก็ต้องถูกยกเลิกไปในที่สุด
แผงโซลาร์เซลล์บินได้ Pathfinder
แผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบินได้ลำนี้มีชื่อว่า Pathfinder เป็นอากาศยานพลังงานแสงอาทิตย์ไร้คนขับรุ่นแรก ๆ ขององค์การนาซา ถูกสร้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 1970s เครื่อง Pathfinder บินได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ถูกสร้างมาให้สามารถบินได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพื่อการศึกษาวิจัยชั้นบรรยากาศ และทำหน้าที่เป็น "ดาวเทียมในชั้นบรรยากาศ" สำหรับการสื่อสารโทรคมนาคมต่าง ๆ โดยเมื่อปี 1997 เครื่อง Pathfinder ลำนี้ได้สร้างสถิติบินสูงสุดถึง 21,800 เมตร ถือเป็นความสูงสูงสุดของอากาศยานใบพัด ก่อนที่สถิติดังกล่าวจะถูกทำลายลงโดยเครื่องบินรุ่นใหม่กว่าที่พัฒนาต่อมาจาก Pathfinder นั่นเอง
เครื่องบินปีกคู่ Proteus
เครื่องบินที่หน้าตาดูผอมเพรียวซะจนแปลกตาลำนี้มีชื่อว่า Proteus อีกหนึ่งผลงานการร่วมออกแบบและทดลองขององค์การนาซา มีเป้าหมายเพื่อนำมาใช้เป็นอากาศยานอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการขนส่ง หรือเป็นยานสื่อสาร จุดเด่นของมันอยู่ที่ความประหยัดพลังงาน สามารถบินสูงถึงเกือบ 20 กม. ได้ต่อเนื่องนานกว่า 18 ชม.
เครื่องบินหน้าตาคล้ายบูมเมอแรงติดใบพัดนี้คือ Northrop XB-35 เครื่องบินทิ้งระเบิดในโครงการทดลองของกองทัพอากาศสหรัฐตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การออกแบบตัวเครื่องได้ตัดส่วนของหางและลำตัวเครื่องไปเสียหมด เหลือเพียงแต่ส่วนของปีกขนาดใหญ่ 52 เมตร ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของทุกอย่างตั้งแต่ห้องนักบิน, ระวางบรรทุกสัมภาระ รวมไปถึงระเบิด แต่เห็นหน้าตาแบบนี้ XB-35 ก็สามารถบรรทุกระเบิดได้หนักถึง 23 ตัน บินด้วยความเร็วสูงสุด 632 กม./ชม. ได้ไกลถึงกว่า 13,100 กม.เลยทีเดียว
ซุปเปอร์เฮลิคอปเตอร์ใบพัดคู่ Sikorsky X2
ถ้ารถยนต์มีหมวดหมู่ของรถซุปเปอร์คาร์ Sikorsky X2 ลำนี้ก็คงเป็นเหมือนกับซุปเปอร์เฮลิคอปเตอร์ งบประมาณในการวิจัยและพัฒนากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ผลออกมาเป็นนวัตกรรมเฮลิคอปเตอร์ใบพัดคู่แบบพิเศษ พร้อมด้วยใบพัดหลังที่ไม่ได้ทำหน้าหลักเพื่อการทรงตัวเหมือนกับฮ.ทั่วไป แต่เป็นเพื่อเพิ่มแรงผลักดันให้ X2 ลำนี้สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึงกว่า 460 กม./ชม. คว้าแชมป์เฮลิคอปเตอร์ความเร็วสูงสุดในโลกไปจนกระทั่งปลดประจำการเมื่อปี 2011
เฮลิคอปเตอร์ติดปีก เร็วสุดในโลก Eurocopter X3
เมื่อคุณได้เป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกก็คงต้องขอพื้นที่แสดงความภูมิใจกันหน่อย เหมือนกับที่เหล่านักบินและ CEO ของบริษัทผู้ผลิตกำลังโชว์ผลงาน Eurocopter X3 หน้าตาสุดแปลกประหลาดที่มี 2 ใบพัดขนาดเล็กติดตั้งขนาบข้างอยู่บนปีกคล้ายเครื่องบิน ทำหน้าที่สร้างแรงขับดันจนสามารถทำลายสถิติเก่าของเครื่อง Sikorsky X2 ด้วยความเร็วสูงสุด 472 กม./ชม.
เชื่อว่านี่คงจะเป็นเครื่องบินหน้าตาประหลาดที่ใครบางคนอาจจะเคยเห็นหน้าเห็นตากันมามากที่สุดแล้ว อันที่จริง
B-2 Spirit เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 1980s แต่รูปโฉมของมันก็ยังคงความล้ำยุคอยู่แม้ในทุกวันนี้ พื้นผิวตัวเครื่องสีดำทะมึนและรูปทรงเกือบแบนราบช่วยให้ B-2 Spirit กลายเป็นอากาศยานมรณะที่มีความสามารถในการหลบหลีกเรดาห์เหนือกว่าเครื่องบินทั่วไป และมีความเร็วสูงสุดเกือบถึงระดับความเร็วเสียง เป็นเหตุผลให้เครื่อง B-2 Spirit ถูกสร้างขึ้นรวมกว่า 21 ลำ (แม้ว่าแต่ละลำจะมีมูลค่าถึง 737 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ที่มา : tech.th.msn.com