เขื่อนเขาแหลม เมืองกาญฯ
เมื่อกลางปีที่แล้ว ได้ไป อช. เขาแหลม เป็นครั้งที่สอง (ครั้งแรกไปก่อนหน้านี้เกือบปี)เขาแหลมเป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง อ. ทองผาภูมิ กับ อ. สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี บางคนใช้ที่นี่เป็นแค่ทางผ่านไปสังขละบุรี แต่ที่นี่ก็มีความสวยที่ซ่อนอยู่เยอะแยะเลยเราออกจาก กทม. ตอนตีสี่ กะว่าให้ถึงเมืองกาญฯ ประมาณเจ็ดโมงเช้าไปแวะทานข้าวเช้ากันที่น้ำตกไทรโยคน้อย ไม่ได้เข้าไปดูน้ำตกหรอกนะแต่พี่ที่ไปด้วยวิ่งไปดูมา แล้วกลับมาพร้อมสีหน้าผิดหวังนิดๆ "เค้าปล่อยน้ำลงมาอ่ะ มันมาจากท่อเลย" พี่เค้าบอกว่างี้แหละ ดีที่เราไม่บ้าวิ่งไปด้วย หุหุหุ ดีที่เห็นเรื่องกินสำคัญกว่า ฮ่าๆๆกินเสร็จก็มุ่งหน้าต่อไปยัง อช. เขาแหลม พอถึงก็ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่ที่ทำการของอุทยานก่อน (ที่จริงก็ติดต่อมาก่อนแล้ว)เจ้าหน้าที่เค้าจัดคนไว้ให้เรียบร้อย พร้อมปืนนำทาง (เอาไว้เขี่ยๆพวกเราเวลาเดินไม่ทันมั้ง ฮ่าๆๆ) เจ้าหน้าที่ชุดที่ได้ คนละชุดกับที่นำทางเมื่อปีก่อนล่ะเราไปยังจุดเริ่มต้นที่วัดลิเจีย คงมีคนคุ้นๆชื่อวัดนะ ก็มันชื่อเดียวกับถ้ำที่เค้าไปขุดทองญี่ปุ่นกันนั่นแหละ แต่เราไม่ได้เข้าไปดูถ้ำหรอก (ขี้เกียจเดินอย่างเคย)วันนี้เราเดินสำรวจป่ากันไม่นาน ประมาณบ่ายโมงก็ลงมาแล้ว แต่ไอ้ที่ไม่นานนี้ก็เล่นเอาเหงื่อซกๆได้เหมือนกันแหละ (เมื่อครั้งที่แล้ว เข้าไปนอนในป่าคืนนึง เดินไปสิบกว่ากิโล ไปกลับก็ยี่สิบ ในแนวดิ่ง)ออกจากหน่วยลิเจีย เราไปเดินต่อกันที่หน่วยกระเต็งเจ็ง เดินชิลล์ๆ พร้อมกับแอบชำเลืองมองเท้ามองขา หาน้องทากกันหน่อย (ที่นี่เมื่อปีที่แล้วเราโดนทากกัดครั้งแรกในชีวิต มันกัดตอนสี่โมงเย็น เลือดหยุดเอาสี่ทุ่ม TOT)โม้มานาน ไปดูรูปดีกว่า รูปก็มั่วๆเอาจากทั้งสองครั้งที่ไปสภาพป่าตอนทางเข้าหลังวัดลิเจีย เป็นป่าไผ่ร่มๆ ครึ้มๆหน่อย ที่จริงก่อนเข้าป่าเป็นไร่มันเก่าๆของชาวบ้านแถวนั้นปลูกทิ้งๆขว้างๆไว้ แต่สภาพป่าจริงๆของเขาแหลมมันเป็นเบญจพรรณ แต่ส่วนที่เราเดินเข้าไปค่อนข้างชื้นมาก เพราะมันอยู่ใกล้ห้วยใกล้น้ำตกน้ำตกใกล้ๆทางเข้า แต่รูปนี้ถ่ายตอนขากลับ ที่นี่เท่าที่เห็น ชั้นของน้ำตกไม่สูงเท่าไหร่เข้าไปลึกๆก็ไม่สูง ที่จริงมันเป็นลำห้วยน่ะแหละ แต่เพื่อดูหรู เรียกว่าน้ำตกดีกว่า ต้นไม้ในป่า สีสวยดีนะ แดงตัดเขียวได้ใจมาก เราก็ไปเดินดูต้นไม้นี่แหละ สบายใจดี ไม่ต้องเอาที่ที่มันสวยงามมากหรือดังมากๆ แต่เดินแล้วมีความสุขเข้าข่ายเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆกล้วยป่า ขึ้นอยู่เยอะมากที่ กระเต็งเจ็ง ไม่เคยกินเหมือนกัน พอดีเดินป่าแล้วส่วนใหญ่แบกข้าวของเข้าไปเอง แต่ถ้าหลงป่าเมื่อไหร่ ไม่แน่อาจได้ลอง แต่อันนี้ยังกินไม่ได้ เอามายำอย่างเดียว มีกล้วยในป่าดีที่เป็นอาหารสัตว์แล้วยังดีที่ป้องกันไฟป่าได้ด้วยนะ กล้วยป่าเป็นแนวกันไฟได้ดีเลย แต่ป่าที่นี่คงไม่มีไฟป่าหรอกมั้ง ชื้นซะขนาดนั้นนี่ก็กล้วย แต่เป็นกล้วยไม้ พวกกล้วยไม้ดิน กลิ่นมันแรงมากถึงมากที่สุด คนอื่นมาหอมแต่เราว่าเหม็นเลยแหละ น้ำตกกระเต็งเจ็ง มีหลายชั้น แต่ก็ไม่สูงเท่าไหร่ อาจไม่สวยเท่าน้ำตกขึ้นชื่ออื่นๆ แต่ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก ยังไม่โดนรุกราน (ตอนเดินทางมาผ่านน้ำตกเกริงกระเวีย และได้แวะทานข้าวขากลับ เป็นน้ำตกที่ติดถนนเลย มีร้านรวงให้บริการเยอะแยะ แต่ให้ความรู้สึกประหลาดๆ)เราไปพักที่ป้อมปี่ บรรยากาศดี๊ดี เป็นเขื่อนเขาแหลมนั่นแหละ มีห้องพักให้บริการ มีห้องน้ำที่สะอาดและเข้ากับบรรยากาศให้บริการด้วย และที่นี่ พระอาทิตย์ตกสวยมากที่เล่ามาทั้งหมดในรูปข้างบน เราใช้บริการแค่ห้องน้ำ เพราะเราไปนอนในแพเก่าที่ลอยเท้งเต้งอยู่ในเขื่อน เป็นแพเก่าๆสองแพผูกติดกัน เป็นแพที่กรมป่าไม้ยึดมาเพราะผิดกฎหมาย เราผูกเปลนอนกันในแพ และทำอาหารกิน บรรยากาศดีอยู่หรอก ถ้าไม่ติดที่ต้องเดินขึ้นไปห้องน้ำที่อยู่ไกล และเกิดเหตุการณ์ไม้ที่ใช้พาดให้เดินข้ามมันหลุดจากดินที่วางทำให้แพลอยออกไปจากฝั่งเดินเข้าออกไม่ได้ต้องช่วยกันอยู่พักใหญ่แถมตอนเก็บของกลับ ก้าวพลาดตกน้ำลงไปด้วย เซ็งเลยอ้อ ครั้งนี้เราไปนอนแพ เพราะครั้งก่อนหน้านี้นอนที่ศาลาตรงข้ามร้านขายอาหารเล็กๆของที่ทำการ แล้วพอดึกๆมีพี่คนหนึ่งโดนไล่ ทำให้คืนนั้นพี่เค้าไม่กล้านอนอีกเลย คราวนี้เราเลยขอบาย ไม่ไปนอนตรงนั้นอีกแล้วบรรยากาศโดยรอบ งามซะ ชื่อเขื่อนเต็มๆ คือ เขื่อนวชิราลงกรณมีเรือชาวบ้านผ่านไปมาตอนเย็นๆ สวยดี และแถวนี้มีผู้ประกอบการแพริมเขื่อนด้วยน่าไปพักดี ถ้าเดินทางมาไกลๆ แวะพักที่ริมเขื่อนนี่ รับรองบรรยากาศดีสุดๆ หลังจากออกจากเขาแหลม ครั้งนี้เราต้องไปต่อที่ลำคลองงู น้ำตกนางครวญ และเขื่อนศรีนครินทร์ด้วย นอนเปลจนคิดถึงเตียงนุ่มๆไปเลยล่ะ
คราวหลังรู้จักชวนเพื่อนฝูงมั่งนะ ฮะๆ
เที่ยวครบทุกอช.ในประเทศไทยหรือยังล่ะ?