มกราคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
23 มกราคม 2549

คุณๆ คิดว่าตระกูลชินวัตร ขายหุ้น Shinเพื่ออะไรครับ

คุณๆ คิดว่าตระกูลชินวัตร ขายหุ้น Shinเพื่ออะไรครับ
ตามหัวข้อครับ
อยากให้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหน่อย
-ขายหุ้นเพื่ออะไร
-ใครได้ประโยชน์มากที่สุดจากTemasak& Shin Deal
-ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีโอกาสขาย tender offerไหม//Wink

จากคุณ : stangman


--------------------------------------------------------------------------------

- ขายเพื่ออะไร

ธุรกิจมือถือเริ่มถึงจุดอิ่มตัว กำไรเริ่มทรงตัวหรือน้อยลง

จากนี้ไปการแข่งขันในธุรกิจจะมีสูงขึ้น และการลงทุนในเครือข่ายระบบ 3G จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง

แนวโน้มธุรกิจในอนาคตต้องเปิดเสรีมากขึ้นไปอีก


- ใครได้ประโยชน์มากที่สุด

ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ (คิดยังไงก็กำไร)


- ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีโอกาสขาย tender offerไหม

เมื่อกี้ดูรายการเศรษฐกิจทางช่อง 11 คุณกรณ์ จาติกวาณิชย์ บอกว่า นอกจาก SHIN จะต้องทำเทนเดอร์แล้ว
อาจมีโอกาสที่ ADVANC รวมไปถึง ITV ก็อาจต้องมีการทำเทนเดอร์ด้วย

จากคุณ : Qoo ซัง


--------------------------------------------------------------------------------

เอ้าข่าวล่าสุด ครับ//www.asianewsnet.net/level3_template1.php?l3sec=2&news_id=51380

มีโอกาสที่Temasekจะซื้อshin100%แล้วครับ คือซื้อหุ้นทั้งหมดจากรายย่อยด้วย

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ที่กลัวจะเป็นหมัน ซื้อหลอกลืมได้แล้วครับ
HISTORIC TAKEOVER: Temasek boss flies in to seal Shin deal

SET to be advised today of Bt2.5-trln buyout by S’pore agency; BOT notes huge capital inflow. The chief executive of Singapore’s Temasek Holdings, Ho Ching, is to appear at a news conference on Monday to announce the takeover of Shin Corp Plc, according to a telecom industry source.

Ho made a one-day trip to Thailand yesterday to add a final touch to her organisation’s imminent takeover of the Thai conglomerate. Despite her Monday date with the media, the deal is expected to be notified to the Stock Exchange of Thailand today.

A source in Singapore said she had travelled to Bangkok yesterday and returned on the same day.

Regarded as one of Asia’s most influential women, Ho is the wife of Singapore Prime Minister Lee Hsien Loong. She is in charge of Temasek, which is the investment agency of the Singapore government. According to Temasek Review 2005, the company commanded an investment portfolio totalling S$103 billion (Bt2.47 trillion) last year, up 15 per cent from the previous year.

Temasek plans to acquire 49.6 per cent of Shin Corp’s shares from the Shinawatra and Damapong families, making the Bt76-billion takeover the largest deal in Thai corporate history.

Sources said Temasek and Shin Corp have agreed on a final price of about Bt51 per share. Shin Corp has 3 billion outstanding shares.

Big boss Temasekบินมาตกลงราคาเรียบร้อยกันแล้ว~51B
ดูจากกระแสเงินสดของTemasekนี่ซื้อหุ้นShin100%ง่ายๆครับ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

วันจันทร์23มีPress conferrenceแถลงข่าวใหญ่แล้วครับ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องขายหุ้นShinนี่ ทางทักษิณมาเหนือเมฆมากครับ คือตั้งใจที่จะ going global โดยจะไปถือหุ้น Singtel10%แล้วให้ทางSingtel ดำเนินการลงทุนที่อื่นในโลกรวมทั้งไทย พูดง่ายๆว่าแลกหุ้นกันครับ หุ้นshin49.6%(=51B)แลกกับ Temasek10% แล้วจะว่าshinราคาในตลาดไทยแพงไปไหม หรือ Temasekถูกไป งงไหมครับ

อย่างนี้ไม่เสียภาษีก็ไม่น่าเกลียดแล้ว หาทางออกได้สวยมาก ไม่ได้รับเป็นเงินสด

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ตอบง่ายมาก ขายเอาเงินและขายเอากำไรครับ เมื่อถึงเวลาที่ควรขายก็ขายซะ

จากคุณ : aeaw


--------------------------------------------------------------------------------

อย่างไรก็ตามเมื่อพฤหัสบดี (19)ที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เหตุผลที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ (สัปดาห์ที่ผ่านมา) ไม่เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันหรือ อาร์พีเมื่อวันที่ 18 มกราคมของ คณะกรรมการการเงิน แต่เกิดจากการซื้อ-ขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปและโบรกเกอร์นำเงินมาแลกในตลาด ทั้งนี้หลังผู้ว่าการธปท.ออกมาแถลงดังกล่าวมีกระแสข่าวว่า ทาง บมจ.ชินคอร์ป จะเปิดแถลงข่าวการซื้อ-ขายหุ้นในวันศุกร์ (20) และวันจันทร์ (23) มาดามลี ผู้บริหาร กองทุนเทมาเสก ลูกสะใภ้ของ นายลี กวนยิว อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์จะบินมาเซ็นสัญญา ก่อนที่ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ กรรมการ บมจ.ชินคอร์ป แจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทยังไม่ได้รับการยืนยันข้อมูลการซื้อ-ขายจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

จากคุณ : aeaw


--------------------------------------------------------------------------------

ที่ทักษิณไม่ตอบเรื่องนี้เพราะเหลือDealสุดท้ายที่จะเพิ่มเงินที่ขายshinจาก8หมื่นล้านเป็น 2แสนสี่หมื่นเจ็ดพันล้านบาทครับ

(According to Temasek Review 2005, the company commanded an investment portfolio totalling S$103 billion (Bt2.47 trillion--->10%ทักษิณ)

แถมยังเลี่ยงเรื่องที่ต้องเสียภาษีได้ด้วย

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

มามีผลอีกในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ตํากว่าที่อื่นๆในโลกเพราะคนไทยโดยเฉพาะพวกกองทุนไม่รู้จักของดีของไทยเอง ขายกันอย่างเดียว ทำให้รู้ว่าเรามีของดีที่ไปแลกกับของระดับโลกได้ไม่อายใคร

ผลทางอ้อมก็จะทำให้เงินไหลเข้ามาซื้อกิจการในไทย หรือร่วมทุน เงินไทยก็แข็งขึ้น เพราะการแลกหุ้นกันคราวนี้เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ

ต่อไปเราๆท่านๆก็ต้องคอยจ้องนะครับ ว่าต่างชาติจะมาร่วมทุนหรือTake Over บริษัทไหน ใครเก็งถูก โชคดีครับผม

นี่จากอีกwebครับ มีคนpostมา

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

เห็นด้วยครับ คนไทยชอบดูถูกคนไทยด้วยกันเอง
จะรู้ตัวก็ต่อเมื่อ มันหลุดลอยไปแล้ว

จากคุณ : aeaw


--------------------------------------------------------------------------------

ทิ้งสื่อสาร
เงินที่ขายได้ที่สิงคโปร์
กลับมาซื้อพลังงานในรูป nominee
พลังงานไปไกลกว่า...

จากคุณ : เดาล้วน


--------------------------------------------------------------------------------

ดูช่อง 11 เมื่อคืนแล้วเห็นคุณกรณ์พูดถึงเรื่อง ITV ด้วยว่า
ดีลการขายหุ้น Shin ครั้งนี้มี ITV พ่วงไปด้วย ถ้าเขาไม่
แยก ITV ออกมาขายให้คนอื่น(อย่างที่คาดการณ์กันว่า
ITV อาจถูกแยกขายออกมาภายหลัง เนื่องจากไม่ใช่ธุรกิจ
ที่เขาถนัด) ก็คงมีอะไรน่าติดตามกันอีกแน่ๆ เพราะ
จาเป็นการถือหุ้นสื่อสารมวลชน(Tv)ไทยโดยสิงคโปร์

จากคุณ : Vboy


--------------------------------------------------------------------------------

ผมเคยอ่านข้อมุลของการลงทุนของกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ คาดว่าจะสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมดังนี้

1. กลุ่มสถาบันการเงิน เช่น UBO DBS เป็นต้น
2. กลุ่มสื่อสาร เช่น สิงห์เทล เป็นต้น
3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น แคปปิตอลแลนด์ ซึ่งลงทุนทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และที่ใหญ่ ๆ คือการให้เช่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เป็นต้น
4. กลุ่มพลังงาน
5. กลุ่มคมนาคมและขนส่ง เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์

ที่น่าสังเกตคือ การลงทุนของกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ จะลงทุนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้าน Country Risk

การลงทุนของกองทุนจากสิงคโปร์ที่ผ่านมาในไทย เป็นทั้งการลงทุนทางตรงเพื่อบริหารเอง หรือเป็น Strategic Partner หรือเป็นการลงทุนทางอ้อมเพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่าง โดยที่ผ่านมาสามารถซื้อหุ้นในราคาถูกช่วงเศรษฐกิจของไทยตกต่ำมาก ๆ ในช่วงปี 40 ครับ ซึ่งเขาเข้ามา funding เงินในธุรกิจไทยค่อนข้างมาก เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในราคาที่ถูกมาก บางตัวซื้อแล้วเก็บยาว เอาปันผลซื้อตัวมันเอง ทำให้ Weath สูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการซื้อหุ้นของกองทุนจากสิงคโปร์ในหลาย ๆ ธุรกิจในช่วงนี้ จึงน่าจะเป็นการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่เป็นการเริ่มทำธุรกิจใหม่นะครับ ผมติดตามข้อมูลพบว่า ตอนนี้เขาพยายามต่อยอดไปยังกลุ่มสื่อสาร ตามที่ปรากฏ นอกจากนี้ยังต่อยอดไปยังกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองว่า ราคาที่ดินในเมืองไทยเมื่อเทียบกับบางประเทศในภูมิภาคนี้ยังค่อนข้างถูก เช่น ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นต้น และที่กำลังสนใจจะลงทุนเพิ่มคือ ภาคการขนส่งในโครงการเมกะโปร์เจ๊กซ์ของรัฐบาลครับ คอยจับตาดูกันต่อไปครับ

จากคุณ : ต่างมุมมอง (ต่างมุมมอง)


--------------------------------------------------------------------------------

สิงคโปร์ถนัดเรื่องพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างยิ่ง
เป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมไม่มีใครพูดถึงSC Assetเลยว่าทางTemasekจะยอมปล่อยหรือเปล่า

ที่น่าสนใจที่สุดคือเรื่องที่ทักษิญเอาการแลกหุ้นตัวเอง49.6%ในShin แลกกับ 10%ในTemasekว่าจะมีdeal อะไรพ่วงไปด้วย ถ้ามีdeal เหล่านี้พ่วงไปแสดงว่าทางTemasekหรือพรรคพวก(Singtelถือได้ว่าเป็นบริษัทลูกของTemasek)สนใจกิจการเหล่านี้ในเมืองไทย

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือเรื่องการJoint venjor กับกิจการต่างๆทั้งเรื่องพลังงาน ที่ดิน ที่มีกฏหมายไทยขวางอยู่ จะต้องเปิดทางมากน้อยแค่ไหนกับกลุ่มทุนต่างชาติที่ทำท่าว่าจะParadeเข้ามา เชื่อว่า FTA ไทย สหรัฐ จบเมื่อไรทางกลุ่มทุนสหรัฐซึ่งถนัดมากทางนี้ต้องหาทางเข้ามาแน่ครับ ใครมีความเห็นไงบ้าง ชี้แนะด้วยครับ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

SC Asset เป็นของส่วนตัวนะครับ เท่าที่จำได้ ไม่ได้เป็นของ Shin Corp.

จากคุณ : anuchs


--------------------------------------------------------------------------------

จะวิเคราะห์ทักษิณต้องพยายามไล่ตามความคิดทักษิณให้ทัน............ซึ่งเป็นเรื่อง"ยากส์"มากๆ


ในอดีตเห็นว่าเคเบิ้ล ทีวี รัฐไม่ให้โฆษณาไปไม่รอด ทั้งๆที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ ๑ ก็ขาย ไอ บี ซี ให้ ยู ที วี จนกลายเป็น UBC ทุกวันนี้ รายการนี้พิสูจน์แล้วว่า CP เจ็บสาหัส เพราะยังกระเตาะกระแตะกับกำไร-ขาดทุนทั้งๆที่ผ่านมาร่วมเกือบ ๑๐ ปีแล้ว ที่ CP ยังสนับสนุนเชียร์ทักษิณก็เพราะต้องการให้แก้กฏให้เคเบิ้ลโฆษณาได้นี่แหละ แต่...ไม่รู้เมื่อไหร่?


ตอนทำโทรศัพท์ไร้สายยุคแรก"โฟนพ้อยท์"ที่มีเสารอากาศตามป้ายรถเมล์ ทำไปไม่เวิร์คก็ยกเลิกล้มดื้อๆ เช่นเดียวกันกับสัมปทาน"บัสเรดิโอ"

การขายชินก็เหมือนกรณีขาย ไอ บี ซี,เลิกโฟนพอยท์ และเลิก บัสซาวด์ นั่นแหละ

คือหาเป็นธุรกิจขาลงแล้วไม่มีทางจะฟื้น หยั่งงี้ต้อง"ขายทิ้ง" ไม่กลับไปกัดก้อนเกลือกินเหมือนสมัยวิ่งแลกเช็คยุคซื้อหนังบ้านทรายทองมาขายหร้อก........


............55555555.................

จากคุณ : กุษาณ


--------------------------------------------------------------------------------

ในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงแต่จะเป็นโครงการเพื่อการพัฒนาและขายเท่านั้น แม้แต่จุดแข็งของประเทศในเรื่องธุรกิจบริการ โรงแรม และล่าสุดที่กำลังรุกคืบไปอีกคือธุรกิจโรงพยาบาลครับ
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดนต่างประเทศฮุบ หลังเทมาเส็ก -อาหรับเอมิเรต ซื้อ 86.73 ล้านหุ้น ผ่านไทยเอ็นวีดีอาร์ ในราคาหุ้นละ 25 บาท จากบริหารสินทรัพย์ทวี พร้อมร่วมลงทุนใน บริษัท บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลงทุนในต่างประเทศ

นายปิติ สิทธิอำนวย รองประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า บริษัท บริหารสินทรัพย์ทวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร ได้ขายหุ้นสามัญของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ซึ่งประกอบธุรกิจโฮลดิ้ง จำนวน 86.74 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 2,168.53 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 11.88% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท จำนวน 730.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ พาร์หุ้นละ 1 บาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารและบริษัทย่อย ลดลงจาก30.53% เหลือ 18.65% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท

นายธนิต เธียรธนู กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2549 Istithmar PJSC ผู้ลงทุนจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท 43.37 ล้านหุ้น TLS Alpha Pte Ltd. ("TLS Alpha") ซื้อหุ้นของบริษัท 21.68 ล้านหุ้น และ Aranda Investments Pte Ltd. ("Aranda") ซื้อหุ้นของบริษัท 21.68 ล้านหุ้น โดย TLS Alpha และ Aranda เป็นบริษัทย่อยของ Temasek Holdings (Private) Limited ("Temasek") แห่งประเทศสิงคโปร์

โดยทั้ง 3 ราย ซื้อหุ้นจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์ทวี จำกัด บริษัทย่อยของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งธนาคารถือหุ้น 99.99 % ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คำนวณจากราคาตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ เวลาที่เริ่มการเจรจาซื้อขายหุ้น ซึ่งธุรกรรมดังล่าวเกิดเมื่อวันที่ 20 ม.ค.49 โดยการถือใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย หรือ NVDR (Non-Voting Depository Receipt)

ทั้งนี้ Istithmar จะถือหุ้นของโรงพยาบาลบรุงราษฎร์ ในสัดส่วน 5.94 % TLS Alpha ถือหุ้น 2.97% และ Aranda ถือหุ้น 2.97% ขณะที่บริษัท บริหารสินทรัพย์ทวี จำกัด จะถือหุ้น มีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงจากเดิม 23.97% เหลือ 12.09% ของมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัท

อย่างไรก็ตามในฐานะหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว (Long Term Strategic Partner) Istithmar และ Temasek ยังได้ทำบันทึกความเข้าใจกับบริษัท เพื่อตกลงในหลักการร่วมลงทุนใน บริษัท บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ("BIL") บริษัทย่อยเพื่อการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้น 99.99% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดอีกด้วย ทั้งนี้ การร่วมลงทุนจะขึ้นอยู่กับการตรวจสอบกิจการ (due diligence) และการอนุมัติจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

จากคุณ : ต่างมุมมอง (ต่างมุมมอง)


--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องธุรกิจสื่อสารที่ว่าเป็นขาลง ต้องขอแย้งหน่อยครับว่าไม่ใช่ ลืมเร่อง3Gที่จะเปิดประมูลกลางปีนี้หรือครับ ผมยังไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดเรื่องนี้มากนัก ใครทราบชี้แนะด้วยครับ

แต่ก็รู้ว่า3Gนี่ต้องถือว่าเป็นnext generation ทางสื่อสารที่ทำให้ก้าวต่อไปได้อีกหลายสิบก้าว คล้ายกับสมัยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้ใหม่ๆ

เรื่อง3G เป็นCakeก้อนโตที่ทางบริษัทสื่อสาร ยักย์จ้องประมูลเอาสัมปทานกัน ไม่ว่า Telenor หรือTemasek
หรือ BT/CT/HT /NT /DT/AT&T
(ถ้ายังเป็นShinเก่าคงสู้เขาไม่ได้ ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทักษิณต้องไปแลกหุ้นกับทางTemasek เข้าใจแลกก่อนการประมูลครั้งสำคัญ)

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

สำหรับการรุกคืบของกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ที่กำลังรุกคืบมายังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผ่าน กลุ่ม แคปปิตอล แลนด์ พร้อมเหตุผลการรุกคืบ ซึ่ง คุณเสริมสิน CEO N-PARK เคยฝันว่าอยากจะทำ Model ธุรกิจให้เหมือนกับกลุ่มนี้ด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีราคาที่ดินเพื่อการเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านของไทยมาประกอบด้วยครับ
เนื่องจากเศรษฐกิจสิงคโปร์ที่เริ่มชะลอตัว บวกกับราคาที่ดินซึ่งแพงกว่ากรุงเทพฯ ถึง 3 เท่า (โดยเฉลี่ย) ดังนั้น ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจึงมีกลุ่มทุนสิงคโปร์หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในโครงการคอนโดหรูที่กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วย

1. กลุ่มเคปเปล แลนด์ ลงทุนในโครงการ “วิลล่า อะคาเดีย” ศรีนครินทร์ โดยการรวมกิจการกับบริษัท ไฟว์ สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ในนามบริษัท “เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้”

2. กลุ่มแคปปิตอล แลนด์ เข้ามาลงทุนในโครงการคอนโด “แอทธินี เรสซิเดนซ์” ถนนวิทยุ ร่วมทุนกับบริษัท ที.ซี.ซี. ดีเวลลอปเม้นท์ ในนาม “ที.ซี.ซี.แคปปิตอล แลนด์”

3. กลุ่มเซ็นเตอร์พอยท์ พร็อพเพอร์ตี้ เข้ามาลงทุนในโครงการคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยร่วมทุนกับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน ในนามบริษัท “ริเวอร์ไซด์ โฮม ดิเวลลอปเม้นท์”

4. กลุ่มโฮเต็ล พร็อพเพอร์ตี้ส์ เข้ามาลงทุนเองในโครงการคอนโด “เดอะ เม็ท” ถนนสาทร

ราคาที่ดินใจกลางเมืองใหญ่ จากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพฯ

สนนราคาที่ดินในเมืองสำคัญของเอเชีย โดยประมาณ (จากคำบอกเล่าของผู้อำนวยการบริหาร HPL)

- ที่ดินในเมืองสิงคโปร์ ราคา 1,000 US$ ต่อ ตร.ฟุต
- ที่ดินในเมืองฮ่องกง ราคา 2,000 – 3,000 US$ ต่อ ตร.ฟุต
- ที่ดินในตัวเมือง ประเทศจีน (ไม่ระบุเมือง) ราคา 500 US$ ต่อ ตร.ฟุต
- ที่ดินบริเวณใจเมืองกรุงเทพฯ ราคา 300 – 400 US$ ต่อ ตร.ฟุต

จากคุณ : ต่างมุมมอง


--------------------------------------------------------------------------------

ละเอียดดีมากครับคุณต่างมุมมอง

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ได้ยินมาว่าขายเอาไปซื้อธุรกิจพลังงาน ก็ดูๆ อยู่ว่าเค้าจะเทคบริษัทไหนอีก ว่าแต่ว่า มีบริษัทไหนหล่ะที่มีโรงกลั่นของตัวเอง แล้วแนวโน้มดี ที่ชินเค้าคิดจะซื้อ คิดกันเล่นๆ

อ้อ เกี่ยวกับดีลนี้ ต้องบอกว่า น่าเกลืยดนิดๆ ตอนยูคอมทำ แทบจะไม่มีข่าวเลย จนวันท้ายๆ แต่นี่มีข่าวมาเป็นหลายเดือน แถมยังมีหน้าบอกว่าจะไม่ทำเทนเดอร์

จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น)


--------------------------------------------------------------------------------

ไม่แน่ใจว่า ขายหุ้น ในรูปแบบการแลกหุ้น หรือปล่าว
ต่างคน ต่างถือหุ้นของอีกฝ่าย

จากคุณ : Chaeh


--------------------------------------------------------------------------------

ครับ พรุ่งรู้ชัดละ
จากแหล่งข่าวล่าสุดที่ผมpostข้างบนนะ

จะแลกหุ้นกันอย่างนี้
Shin 49.6% แลกกับ Temasek 10%

ทีนี้จุดที่น่าสนใจ ทราบไหมครับว่าTemasek10%นี่มีมูลค่าเท่าไร ก็จะคิดตีกลับมาได้นะครับว่า หุ้นShinที่เขาแลกกะเรานี่เขาให้ราคาหุ้นละกี่บาท คิดเองนะครับ

คาดว่าอาจมีการSPหุ้น Shin+บริวารทั้งหมดครับ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ในประเด็นของเทคโนโลยี(นอกจากประเด็นธุรกิจกับการเมือง) ผมว่าเพราะ VOIP กำลังมาครับ
ล่าสุดได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่า SKYPE ทุ่มเงิน 1,000 ล้าน US เพื่อเปิดให้บริการให้ดีขึ้น ผลคืออะไรน่ะเหรอ สรุปสั้น ๆ ก็คือ ต่อไปในอนาคต พวกเราจะใช้มือถือกันเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ระบบเครือข่ายมันจะย้ายไปอยู่ใน Internet แทนที่จะเป็นเครือข่ายแบบปัจจุบัน ซึ่งมีผลทำให้ค่าโทรถูกลงมาก และสามารถโทรอัตราเดียวกันได้ทั่วโลก!!

ผมว่าทักษิณมองออกถึงจุดนี้นะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าควรจะปล่อยหุ้นซะตอนนี้ก่อนจะสายเกินไป(อย่างน้อยก็ก่อนที่พวกนักธุรกิจที่ไม่รู้เรื่อง Technology จะไหวตัวทัน เพราะถึงตอนนั้น ก็ดิ่งลงเหวแล้ว) แต่ธุรกิจอื่น ๆ เช่นการบินพวกนั้นกอดไว้ก่อนดีแล้ว

ไม่เกินสิบปีข้างหน้าระบบสื่อสารแบบเก่าโดนโละไปไม่มากก็น้อยแน่ ๆ

จากคุณ : resnick


--------------------------------------------------------------------------------

ถามคุณ resnick ครับ เอ๊ะถ้าทักษิณมองออกถึงจุดนั้นแล้ว แล้วสิงคโปร์มันโง่กว่าทักษิณที่จะมองไม่ออกหรือไงครับ ถึงไปซื้อกิจการที่จะเน่า

จากคุณ : เคมิส


--------------------------------------------------------------------------------

กิจการเกือบทุกอย่างถ้าไม่รู้จักปรับตัวก็อยู่ไม่รอดครับ
ธุรกิจสื่อสารไม่ใช่ว่าจะถึงทางตัน แต่กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ใครเปลี่ยนไม่ทันก็อยู่ไม่รอด แน่อยู่แล้วครับ

Temasek หรือ ทักษิณ ใครจะฉลาดกว่ากัน ไม่ทราบครับแต่ก็คงไม่โง่กว่ากันมากนักและรู้ทันกันครับ การแลกหุ้นคราวนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

ที่น่าแปลกใจคือทำไมTemasekมายอมให้ราคาหุ้นShinสูงกว่าราคาที่อยู่ในตลาดไทยมากนัก มีอะไรในกอไฝ่?

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ครับ พรุ่งรู้ชัดละ
จากแหล่งข่าวล่าสุดที่ผมpostข้างบนนะ

จะแลกหุ้นกันอย่างนี้
Shin 49.6% แลกกับ Temasek 10%

จากคุณ : KAi (stangman)

คงเป็นสิงเทล 10 %ไม่ใช่เหรอ

คงต้องจับตาดูว่า แลกหุ้นอย่างเดียว หรือว่ามีบางส่วนที่ต้องจ่ายเงินสดด้วย

ที่สำคัญ จะมีการทำเทรนเดอร์จากรายย่อยหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมกำลังสนใจตรงนี้มากกว่า

จากคุณ : S-sung


--------------------------------------------------------------------------------

ตัวเลขอะไรยังไม่แน่100%ต้องรอเขาประกาศเป็นทางการหลังจากที่เซ็นMOUแล้ว นี่มีข่าวมีว่าจะจ่าย69บาทแทน

Meanwhile, if the sale rumors are true, it will mean a good-sized profit for the Thaksin family. Reports suggest a takeover price of $2 billion would mean Temasek would pay 69 baht (less than $1.75) for Shin shares,

ยังคล้ายเป็นข่าวลือครับไม่แน่นอนจนกว่าเขาประกาศ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

แต่เรื่อง tenderนี่ตามกฎตลาดหลักทรัพย์ไทย
ถ้าซื้อหุ้น>25%ต้องทำtender เพื่อรับซื้อหุ้นจากรายย่อยในราคาเดียวกันครับ

รายการtenderจากรายย่อย ดูตัวเลขตามกฎตลาดแล้วหุ้นที่ต้องทำแน่นอน100%คือ
Shin Advancและ ITV

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ตอบความคิดเห็นที่ 25 ครับ

ถ้าเคยเล่นหุ้นก็น่าจะเข้าใจ ผมจะยกตัวอย่าง กรณี มีคนที่อยากจะออกจากหุ้นตัวนึงมาก ๆ แล้วก็ประกาศขาย ก็มักจะมีคนมารับซื้อต่อเสมอ นั้นก็เพราะว่าต่างคนต่างคิดครับ ราคาของธุรกิจนั้น ๆ มันขึ้นกับว่าแต่ละคนตีราคาและจะเอาไปทำกำไรได้เท่าไหร่ ซึ่งแต่ละคนก็มีมุมมองแตกต่างกัน

ผมจะไม่พูดต่อว่าเพราะอะไรนะครับ คิดว่าคุณน่าจะเข้าใจอยู่แล้ว เพราะผมดูแล้วคุณน่าจะเก่งพอตัวทีเดียว

บางครั้งมันก็ไม่ใช่ว่าใครมองออกหรือไม่ออกอย่างเดียว แต่ขึ้นกับว่าจะเข้าหรือออกธุรกิจตอนไหนต่างหาก

สำหรับทักษิณถึงแม้มีมองว่าเค้าก็อาจจะขายเร็วไปนิดนึง เพราะธุรกิจ GSM (2G) น่าจะอยู่ได้อีกหลายปี แต่ผมมองว่าที่เค้าขายเพราะปัจจัยทางการเมือง และทางอื่น ๆ ที่ผมว่าตรงนี้คงเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับทักษิณ ที่ยิงนกตัวเดียวได้หลายตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจนี้จะไม่ดีแล้วสำหรับคนอื่นครับ

จากคุณ : resnick


--------------------------------------------------------------------------------

เพราะต้องยอมรับว่าไม่มีเทคโนโลยีอะไรอยู่ค้ำฟ้า
ผมอยากถามว่าเมื่อสิบปีที่แล้วมีใครมีมือถือใช้มั้ยครับ แล้วคิดว่าอีกสิบปีข้างหน้าจะยังใช้มือถือในเทคโนโลยีเดิม ๆ งั้นเหรอ ผมว่าไม่ครับ (ไม่ได้หมายความว่าเลิกใช้มือถือนะครับ แต่จะเปลี่ยนไปในสิ่งที่ดีกว่า)

ธุรกิจทางเทคโนโลยีทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตลอด และถึงแม้ว่านักลงทุนทุกคนรู้ในจุดนี้แต่ก็มีคนซื้อหุ้นในธุรกิจเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอครับ เพราะมันหวือหวาดี

ถ้าคุณเป็น วอเรน บัฟเฟตก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นเค้าประกาศชัดเจนว่าจะไม่เล่นธุรกิจเทคโนโลยีเพราะ cycle ที่ไม่เกิน 10 ปี (บางทีไม่เกิน 5 ปี) ทำให้เดาอนาคตได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนสนใจในธุรกิจจำพวกนี้

จากคุณ : resnick


--------------------------------------------------------------------------------

ขายหุ้นเพื่ออะไร?

จากคุณ : หมูทุบ (pork)


--------------------------------------------------------------------------------

ฮิฮิ

จากคุณ : หมูทุบ (pork)


--------------------------------------------------------------------------------

H ทั้งshin+บริวารแล้ว11.45AM แถลงข่าว14.30PM

ดูจากVolume big lot เข้ามาทีเดียว8หมื่นล้าน

Temasekคงไม่เลี่ยง tender offer น่าจะตามด้วยSPจนได้ราคา tender ถึงเปิดซื้อขาย

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

สรุป
tender shin@49.25B.
Shin-w1@28.75 จากรายย่อย100%ครับ
คุณ S-sungคงจะสบายใจแล้วนะ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณครับ คุณkai
ผมเชื่อแล้ว ว่าหุ้น shin ดีกว่าที่ผมคิด
แต่ผมก็ยังถูกตรงที่ผมเคยคิดว่า advanc มันแพง
และมันก็แพงจริงๆ

จากคุณ : S-sung


--------------------------------------------------------------------------------

เดี๋ยวครับหยุดก่อนอย่าไปเข้าใจว่าที่เขาtender@72นี่เป็นของจริงนะครับ

จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

ที่ผมว่ามันแพง คือเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆครับ คุณ kai
ทั้ง shin, advanc เล่นกันที่ P/E ค่อนข้างสูง ในสายตาของผม เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ
แต่ในสายตาของต่างชาติ เขาอาจจะมองว่าไม่แพง ถ้าเทียบกับหุ้นบ้านเขา
แต่ก็อย่างว่า คนเรามองไม่เหมือนกัน
บางคนมองว่า kbank ไม่แพง แต่ผมกลับมองว่าแพง

จากคุณ : S-sung


--------------------------------------------------------------------------------

ครับ ถ้ามองด้านP/Eหรือความสามารถในการทำกำไรปัจจุบันนับว่าแพง

ที่เขาเจาะจงมาซื้อ Advanc เพราะเป็นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย แต่ติดข้อห้ามบางประการทางกฎหมายโทรคมนาคมเลยเลี่ยงไปTake Shinแทนซึ่งยุ่งยากเรื่องมีหุ้นลูกติดมาหายตัว แต่กฎหมายไทยอนุญาต

ตอนนี้แต่ละคนมองว่าเพื่อประมูล3G ซึ่งต้องใช้เงินทุนมหาศาล แต่ผมมองถึงWIMAXครับ บางทีประเทศไทยอาจผ่าน3Gไป WIMAXเลย เพราะใช้เงินทุนน้อยกว่ามาก คืนทุนเร็ว ถึงตอนนั้น advancจะราคาเท่าไรก็ไม่รู้
เราก็ได้ประโยชน็ถึงตอนนั้น ค่าโทรจะถูกจนคาดไม่ถึง
คนทั่วไปมองAdvancเรื่องมือถืออย่างเดียว อีกหน่อยไม่ใช่แล้วครับ

ผมมองออกทางTemasekก็ยิ่งมองออกครับ


จากคุณ : KAi (stangman)


--------------------------------------------------------------------------------

จริงด้วยครับ คุณ kai
เขาคงมองเรื่องการต่อยอดของธุรกิจในอนาคต
อนาคตที่มีการแข่งขันแบบเสรี
ทักษิณอาจสู้ไม่ได้ แต่สิงเทลสู้ได้

ขอบคุณครับ

จากคุณ : S-sung


กระทู้นี้เป็นกระทู้แนะนำในห้อง tech/harwareแล้วนะครับแต่รู้สึกจะโดนBlockไม่ให้แสดงความเห็นแล้ว ใครต้องการแสดงความเห็นอะไรเชิญที่นี่ได้เต็มที่เลยครับ




 

Create Date : 23 มกราคม 2549
28 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2549 17:07:22 น.
Counter : 1223 Pageviews.

 

ราคาหุ้น SHIN มีมูคค่าประมาณ 10% ของหุ้นทั้งหมดในกลุ่ม communication ที่ Temasek มีอยู่

ไม่ใช่ทั้งจากตัว Singtel แค่ตัวเดียว หรือจากมูลค่าของTemasek

Portfolio ของ Temasek มูลค่า ราวๆ 2.4 ล้านๆบาทไทย เป็นหุ้นในกลุ่ม communication 33%

 

โดย: อาเจ๊มาเอง IP: 61.91.77.146 27 มกราคม 2549 22:30:26 น.  

 

อืม....เจ๊มองลึกกว่านี้นะ คนอื่นอาจจะยังไม่มีจินตนาการหรือไม่ได้ค้นลึก แต่เจ๊ researched on Temasek มานานหลายเดือนแล้ว

เอาไว้จะเขียนใน Yahoo Group ให้แล้วกัน

 

โดย: อาเจ๊หมอ Stangman IP: 61.91.77.146 27 มกราคม 2549 23:38:29 น.  

 

ไม่มีอะไรมากนอกจากขายชาติ เพื่อมาบำเรอตระกูลของตัวเอง

 

โดย: รักแผ่นดินไทย IP: 61.90.241.38 31 มกราคม 2549 1:11:03 น.  

 

ขายเพื่อ ใช้ Temasek หรือในชื่ออื่นมาประมูล 3g ทำเองอาจจะเงินไม่พอ และน่าเกลียด ยังไงก็ได้แน่ๆ tot ก็ทำเองได้ แต่โดนบล็อคไว้ไม่ให้ทำ มือถือก็โดนเบรคจมล่มไปแล้ว ต่อไปอาจจะควบกิจการกับ tot เพื่อทำโทรศัพย์พื้นฐานด้วย และต่อไปก็จะไม่มีองค์การโทรศัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป เพราะตกไปเป็นของคนอื่นหมดแล้ว ..... แล้วเราจะทำยังไงดีหนอ คงต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างที่เดาไว้หรือเปล่า

 

โดย: ดักแด้กำลังจะบิน IP: 203.188.44.238 3 กุมภาพันธ์ 2549 10:30:01 น.  

 

ไม่มั่นใจน่ะครับว่าจะเป้นอย่างที่ผมคิดอ่ะป่าว......
คือผมว่าแกเผื่อชิ่งรึป่าว....บางทีปัญหาการเมืองอาจจะเกิดความรุนแรงมากขึ้นก็ได้....ก็เลยกำเงินสดเอาไว้เผื่อต้องชิ่งออกไปอยู่ต่างประเทศ...เพราะโจทย์แกเยอะมากอ่ะครับไม่ว่าจะเป็นพ่อค้ายาบ้า....เจ้าพ่อ....เจ้ามือหวย....เจ้ามือบ่อน.....
ไม่แน่น้าอาจเตรียมตัวไว้......

 

โดย: panajon IP: 58.8.100.19 4 กุมภาพันธ์ 2549 0:31:21 น.  

 

ผมมองอีกอย่าง
การเมืองใช้เงินมาก เข้าใจว่าเงินสดในตัก ทัสินเริ่มน้อยเลยมีคนออกมาต่อต้านมากเพราะจากที่ของ่ายๆตอนนี้มันไม่ง่ายแล้ว

ตอนนี้เมื่อได้เงินมาแล้วคิดว่าจะอยู่จนครบเทอมละครับคอยดูสิเสียงที่ต่อต้านหลัง4drจะเริ่มเบาลงๆ
เป็นเพราะอย่าที่ผมบอกไว้แหละ

 

โดย: KAi (stangman ) 4 กุมภาพันธ์ 2549 13:11:09 น.  

 

ตกลงตอนนี้แต่ละคนเชียรใครละคับ....อยากให้ใครเป้นนายกละคับลองใช้ความคิดของต้วเองนะคับ

 

โดย: เป็นกลาง IP: 203.154.97.196 16 กุมภาพันธ์ 2549 11:31:51 น.  

 

หลักการปกครองพื้นฐานคือต้องทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและไม่ผิดคุณธรรม
เหตุการณ์ในปัจจุบันนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฝ่ายไหนทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ฝ่ายรัฐบาลที่ดีควรทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยลาออกทั้งคณะและทูลเกล้าให้มีชุดรัฐบาลพระราชทานรักษาการณ์ดูแลบ้านเมืองและแก้รัฐ

ธรรมนูญใหม่ร่วมกับประชาชน ซึ่งจะก่อประโยชน์สุขโดยรวมแก่บ้านเมืองอย่างแท้จริง และแสดงถึงความมีคุณธรรมว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต รัก

ประชาชนอย่างยุติธรรม(ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย)

แต่รัฐบาลเราในตอนนี้กำลังทำในสิ่งที่สวนทางกับหลักการปกครองพื้นฐานที่ได้กล่าวไปแล้วอย่างสิ้นเชิง การห่วงตำแหน่งและปกปิดไม่กล้าเผชิญ

หน้ากับการตรวจสอบจากคำถามของคนในสังคมโดยไม่ยอมเปิดเผยการเจรจาหาข้อยุติปัญหาของชาติบ้านเมืองซึ่งคนในชาติมีสิทธิที่จะได้รับรู้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำถึงความไม่ชอบมาพากล(มีผลประโยชน์ทับซ้อน)ในการบริหารประเทศที่ผ่านๆมาแล้วของรัฐบาลนี้ การไม่ตอบคำ

ถามหรือให้คำตอบคลุมเครือให้คาใจ การพูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดยุแยง พูดเพ้อเจ้อ พูดโกหก (การพูดอย่างทำอย่าง) ของนายกก็ยิ่งทำให้

ภาพพจน์ความน่าเชื่อ(ความเชื่อมั่น)น้อยลงเข้าไปอีก การเลือกทางแก้ปัญหาชาติด้วยการยุบสภาเลือกตั้งใหม่นั้นมีประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงหรือ?

การรักษารัฐธรรมนูญจะสำคัญไปกว่าความสงบสุขของประชาชนได้อย่างไร? กฎระเบียบทุกอย่างมนุษย์ตั้งขึ้นมาล้วนมุ่งเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม

เป็นหลัก หากกฎระเบียบใดๆขัดต่อประโยชน์ดังกล่าวก็ควรแก้กฎนั้นเสีย การกระทำย่อมบ่งบอกความคิดว่าเป็นคนเช่นไร ? เห็นแก่ชาติหรือ

เห็นแก่ตัว? การเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้แข่งขันลงเลือกตั้งนั้นจะถือว่าเป็นธรรมได้อย่างไร? การหาเสียงก่อนยุบสภา การกำหนดระยะเวลาเลือก

ตั้งให้สั้นๆ การเสนอผลประโยชน์ต่อกลุ่มคนต่างๆ(ไม่ได้เป็นไปเพื่อส่วนรวม)เมื่อเกิดวิกฤตศรัทธา การจัดให้มีการส่งไปรษณีให้กำลังใจนายก

แข่งกับม็อบต่อต้าน(เป็นการยุให้ประชาชนแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน)แทนการตอบคำถามสังคมให้กระจ่าง อ้างกตัญญูต่อในหลวง

แต่ปากแต่สิ่งที่ทำอยู่มันตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ที่กระทำนั้นเป็นใคร
ความจริงผู้ที่เป็นคนดีที่พร้อมจะบริหารประเทศได้ดีก็มีไม่น้อยใช่ว่าทั้งประเทศนี้จะมีเพียงทักษิณเท่านั้น การเสียสละทักษิณเพียงคนเดียวแต่

บ้านเมืองจะกลับคืนสู่ความสงบสุขย่อมคุ้มเกินคุ้มเสียอีก มาถึงตอนนี้แม้จะมีการเลือกตั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไรความขัดแย้งก็ไม่สิ้นสุด นอกจากจะ

เสียทรัพย์สินของชาติแล้วยังแสดงถึงความเห็นแก่ตัวของผู้ทรงอำนาจอีกด้วยก็เท่านั้น

ฝ่ายม็อบต่อต้านก็พูดคำหยาบและรุนแรงจนเกินไป แต่เจตนาเพื่อส่วนรวม การที่เสนอให้มีชุดรัฐบาลรักษาการณ์นั้นเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

และเป็นทางออกที่ดีที่สุด การต่อสู้ของม็อบต่อต้านทักษิณจึงเป็นไปเพื่อส่วนรวม การชุมนุมโดยสงบถือหลักอหิงสาก็คือมีคุณธรรม การปกครองของ

ม็อบนี้จึงเป็นไปตามหลักการณ์ปกครองพื้นฐานข้างต้น
ม็อบหนุนทักษิณเจตนานั้นชัดเจนว่าเข้าข้างทักษิณ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ใครพูดจริงหรือเท็จยังไม่สำคัญในตอนนี้ ความจริงจะเป็นเช่นไรรอมีรัฐบาลพระราชทานก่อนก็ยังได้ ค่อยตรวจสอบกันตอนนั้น แต่ตอนนี้สิ่งที่

สำคัญที่สุดก็คือให้บ้านเมืองสงบสุขโดยเร็ว และเป็นการกตัญญูต่อในหลวงของเราอย่างแท้จริงอีกด้วย

 

โดย: เล็ก IP: 203.113.34.61 14 มีนาคม 2549 23:52:41 น.  

 

ไม่ได้คิดเข้าข้างทักษิณนะครับ แต่เห็นว่า
ที่ขายเพราะว่า ทุกวันนี้ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวของระบบโทรศัพท์แล้ว โลกแห่ง TI กำลังก้าวเข้ามาแทนโทรศัพท์ครับ แม้แต่ผมเองก็เหอะ ยังไม่เคยได้ใช้โทรศัพท์ในบ้านมานานแล้ว โทรกลับเมืองไทยที ก็โทรฟรีครับ ส่วนมือถือที่มี ก็เป็นแบบใช้บัตรเติมเงิน ปีนึงจะเติมสักครั้งเพื่อไม่ให้มันตัดเบอร์ทิ้ง(ถ้ามีแต่คนแบบผม orange จะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าพนักงานเนี่ย)

ด้วยเหตุนี้ ทักษิณ เป็นคนมองการไกลครับ แล้วเป็นคนทำอะไรไม่ชอบแข่งกับชาวบ้่าน (แย่งกันกินว่างั้นเหอะ) เพราะไหนๆวงการโทรศัพท์ ก็มีเจ้าสั่วใหญ อย่าง CP มาจับจองอยุ่แล้ว เขาจึงจำเป็นต้องขายกิจการออกไป เพื่อหาผลกำไรให้ตัวเอง ก่อนที่มันจะสายเกินไป มองกลับมา มีคนถามว่าแล้วทำไมไม่ขายให้คนไทย แล้วคนไทยที่ไหนจะมีเงินเยอะขนาดนั้นซื้อหละครับ จึงต้องขายให้ต่างประเทศไป เมื่อต่างประเทศได้กิจการไปครอบครอง ความเจริญก็จะมีเข้ามาอีกครับ ่ต่างชาติคงไม่ยอมปล่อยให้กิจการตัวเองอยู่กับที่แน่นอน แต่รัฐก็ยังคงได้ภาษีจากการค้ากำไรของคนต่างชาติมากกว่าเดิมอีก สัมประทาน ยังไงก็เป็นของประเทศไทย เป็นของรัฐอยุ่ดี ยิ่งสิงค์โปรมาซือดาวเทียมข่องเราไป ผมบอกได้เลยว่า ใจเขาใหญ่จริงๆครับ เพราะมันเป้นของไทย ที่รัฐสามารถยึดคืนได้ทุกเมื่อ หากทำอะไรผิดปกติ ฉีกสัญญาทิ้งยึดคืนได้เสมอ นี่แหละครับ ที่ผมคิดว่า สิงค์โปรมาด้วยใจจริงๆ

ส่วนตัวทักษิณเอง ไม่ได้ไปไหนหรอก ยังคงทำกิจการต่อไปในเมืองไทย ผมมองไปถึงระบบการขนส่งครับ เป็นกิจการที่กินตลอดชีวิต คิดว่าทักษิณมองตัวนี้ จึงได้มีการผลักดัน การสร้างสนามบินใหญ่ที่สุดในเอเชีย จะตามด้วยท่าเรือ แล้วการขนส่งทางรถไฟอีก

ผมมองว่า ทักษิณ กำลังดำเนินการแบบประเทศเบลเยี่ยมในยุโรปครับ ดูแล้วเห็นว่ามันเหมือนกันทุกอย่างเลย ทุกวันนี้ เบลเยี่ยมแทบไม่สนใจในสินค้าส่งออกเลย คอยเก็บแต่ค่าผ่านทาง รวยจนไม่รุ้จะรวยยังไง อยากให้ทักษิณทำสำเร็จครับ ความเจริญมันตามเข้ามาเยอะ

ที่ทักษิณเปิดการค้าเสรี มันก็เหมือนกับเบลเยี่ยมที่เปิดการค้าเสรี สินค้าไทย ถูกฝรั่งปิดกั้นทางการค้า แต่ทำไมยังเห็นว่ามีสินค้าไทยถูกนำเข้ามาจำหน่่ายในฝรั่งเศส เพราะเบลเยี่ยมไงครับ ก็เบลเยี่ยมมันเปิดการค้าเสรี เมื่อสินค้าเข้ามาในเบลเยี่ยมแล้ว ก็จะสามารถส่งผ่านไปยังประเทศต่างๆในยุโรปได้ แบบไม่เสียภาษีด้วย เสียแต่ค่าผ่านทาง ดีเนาะ

แล้วถามว่า ตั้งแต่เรามีนายกมา เคยมีครั้งไหนบ้างที่จะมีประธานาธิบดี ต่างชาติมาเยี่ยมคุยเรื่องการลงทุนกับเรา ไม่เคยมีเลย แต่ทักษิณทำได้ครับ ฝรั่งเศสยอมรับมากๆว่า ทักษิณนี่เป็นพระเอกขี้ม้าขาว มาช่วยประเทศไทยจริงๆ

แล้วนายกทักษิณคนนี้แหละ ที่เป็นคนแรกที่แสดงให้ต่างชาติเห็นถึงความเข้มแข็งของประเทศไทย โดยการระงับการสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศ ถ้าต่างประเทศระงับการสั่งซื้อสินค้าจากเราก่อน ทำให้เราไม่ได้ ไม่เสียดุลการค้าด้วย

แต่ที่เสียดุลทุกวันนี้ หลายคนอาจมองไปถึงการเปิดการค้าเสรี ที่จะทำให้มีแต่สินค้าเข้า อันนี้ ต้องโทษคนของเราครับ ที่ไม่เคยคิดจะส่งออก เก่งแต่เรื่องนำเข้าอย่างเดี่ยว ที่ไม่ส่งออกเพราะ หาตลาดไม่เป็น ภาษาไม่ได้ ไม่รุ้กฏหมายบ้านเมืองเขา ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะการศึกษาของคนไทย ยังไม่เข้าขั้นครับ ด้วยตัวเองไงทักษิณถึงได้มีโครงการผลักดันให้เด็กไทยได้เรียนสูงๆ

ยังมีอีกหลายเรื่อง แต่บอกได้เลยว่า โครตรักทักษิณเลย

 

โดย: coucou IP: 82.216.81.139 16 มีนาคม 2549 5:41:41 น.  

 

ขอบคุณ สำหรับคำวิจารณ์ครับ

 

โดย: KAi (stangman ) 18 มีนาคม 2549 14:34:37 น.  

 

กบ จะออกจากกะลาแล้ว

 

โดย: naigod 20 มีนาคม 2549 20:02:39 น.  

 

"ความเท็จอยู่ไม่นานความจริงอยู่ชั่วกาล"
คนเราแม้จะปกปิดเก่งกาจเพียงใดแต่สักวันย่อมเพยพิรุธให้จับได้ เพียงแต่เราต้องมองการกระทำของเขาโดยตลอดและนานพอก็จะรู้ได้ว่าเขาเป็นคนยังไง
การคบคนและตัดสินคนๆหนึ่งจึงต้องดูการกระทำอยู่นานกว่าจะตัดสินได้ แต่ถ้าเป็นคนดีจริงไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังดีเสมอต้นเสมอปลาย ความดีที่ได้บ่มเพาะไว้อย่างเต็มที่จะเป็นที่สรรเสริญไปชั่วกาล เมื่อมีการกล่าวถึงก็จะทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกยกย่องยินดีเป็นที่น่าประทับใจ
สัจธรรมนั้นเป็นความจริงที่ไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนกฎหมาย(กฎระเบียบ)คือกติกาที่ตั้งขึ้นเพื่อให้เกิดความผาสุขในการอยู่ร่วมกัน สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสมกับเหตุการณ์ และป้องกันไม่ให้เกิดความบาดหมางกันขึ้น
สันติสุขและการปรองดองกันจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเมื่อเรารู้จักใช้กติกาให้เป็น แก้ไขกติกาให้เป็นธรรมอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อยุติปัญหา
เมื่อเกิดข้อขัดแย้งที่ไม่สามารถใช้กติกาเดิมแก้ไขได้ก็ต้องตั้งกติกาซะใหม่โดยการระดมสมองหาทางออกของปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก
กติกาที่ตั้งขึ้นต้องอยู่บนความยุติธรรม(มีคุณธรรม)และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ
ดังนั้นสัจธรรมกับกติกาจึงยึดถือได้ต่างกัน สัจธรรมยึดถือได้เลยไม่ต้องปรับเปลี่ยนใดๆ แต่กติกา(กฏหหมาย)ยึดถือไม่ได้เสมอไป ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ให้เกิดประโยชน์(ความผาสุข)อย่างแท้จริง

เมื่อใดก็ตามที่กติกาไม่เป็นธรรมย่อมเกิดความขัดแย้ง การยุติความขัดแย้งจะต้องมีคนกลางที่ยุติธรรมเป็นที่ยอมรับนับถือทำการไกล่เกลี่ย โดยมีอำนาจเหนือกว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่าย คู่กรณีทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาโดยปราศจากอาวุธและเคารพคำตัดสิน การเจรจาจึงจะสำเร็จ

หากทั้งสองฝ่ายต่างก็ถืออาวุธอยู่ในมือ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมวางอาวุธ ต่างยุให้อีกฝ่ายวางอาวุธก่อน แล้วคนกลางก็ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือหรือไม่มีอำนาจอยู่เหนือคู่กรณีทั้งสอง การเจรจาย่อมไม่อาจสำเร็จลงได้
สถานการณ์ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราก็ตกอยู่ในสภาพนี้ ดังนั้นทางออกของปัญหานี้ก็คือต้องมีคนกลางที่ว่า นั่นก็คือคณะรัฐบาลพระราชทาน(รักษาการณ์ชั่วคราวจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งที่เป็นธรรม)
เป็นผู้ใหญ่(คนกลางตรวจสอบไกล่เกลี่ยปัญหาของคู่กรณีพิพาทที่เป็นอยู่นี้)ตัดสินชี้ขาด ฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบันนี้ก็ต้องลงจากอำนาจ(วางอาวุธ) ฝ่ายม็อบต้านนายกก็เลิกชุมนุม(วางอาวุธ) แล้วค่อยมาเจรจากันจึงจะยุติปัญหาได้อย่างชัดเจน

การขอพระราชทานคณะรัฐบาลพระราชทานรักษาการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ ซึ่งแต่เดิมทีก็ปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองของไทยว่าเมื่อเกิดความขัดแย้งมากๆในบ้านเมืองก็ขอให้ในหลวงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีขึ้นบริหารประเทศ เช่น ป๋าเปรม นายอานันท์ เป็นต้น พระมหากษัตริย์ของเรามีอำนาจอันชอบธรรมนี้อยู่นานแล้ว และเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศ การอ้างว่าคณะรัฐบาลพระราชทานเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงเป็นการพูดที่ไม่รู้ธรรมเนียม อาจถูกมองว่าหมิ่นเบื้องสูงได้

อำนาจหน้าที่ที่คณะรัฐบาลพระราชทานรักษาการณ์ควรมีก็คือ
ทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เหมาะสม เป็นธรรม
ช่วยให้มีการสรรหาจัดตั้งองค์กรอิสระที่มีความเป็นธรรม
อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเก่าขององค์กรตรวจสอบการบริหารแผ่นดิน เช่น สตง.
ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม

แนวทางการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ที่ผมคิดว่าน่าจะมีคือ
ในการเลือกตั้งนั้นต้องเป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง(ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง) ดังนั้นทุกพรรค(ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง)ที่ลงเลือกตั้งต้องไม่มีอำนาจในการบริหารแผ่นดินทั้งทางตรงทางอ้อม
เมื่อมีการยุบสภา คณะรัฐบาลเดิมต้องลาออกไป และมีคณะรัฐบาลพระราชทานหรือคณะบุคคลที่เป็นกลางเป็นที่ยอมรับนับถือมาบริหารชั่วคราวจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งที่เป็นธรรมมาบริหารประเทศ

ความจริงแล้วผู้แทนราษฎรควรขึ้นกับราษฎร ทำประโยชน์เพื่อราษฎร ราษฎรสามารถถอดถอนผู้แทนราษฎรของตนได้ (เมื่อแต่งตั้งได้ก็ควรถอดถอนได้ด้วย) ผู้แทนราษฎรกับผู้ว่าราชการจังหวัดควรเป็นคนเดียวกัน ผู้แทนราษฎรควรร่วมกันบริหารประเทศโดยดูแลจังหวัดของตนและรับนโยบายรัฐบาลไปทำ
คณะรัฐบาลควรมาจากการเลือกตั้งผู้ที่มีความรู้ความสามารถในตำแหน่งนั้นๆโดยเฉพาะ และมีการสอบคุณธรรมจริยธรรมอาจมีการประชันความคิดเห็นกัน มีการแสดงแผนงานบริหารประเทศที่เป็นรูปธรรมชัดเจนพอมองออกว่าต้องการให้ประเทศไปในทิศทางใด
ไม่ควรมีฝ่ายค้านอีก แต่ควรมีฝ่ายตรวจสอบ(องค์กรอิสระ)ซึ่งราษฎรสามารถมีส่วนร่วมได้ ฝ่ายตรวจสอบทำหน้าที่แทนฝ่ายค้านได้
วุฒิสภาก็ควรอยู่ในฝ่ายตรวจสอบด้วย ผู้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ได้ต้องเป็นนักวิชาการ หรือเป็นที่ยอมรับนับถือ วุฒิสภานั้นทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายรัฐบาลและการร่างกฎหมายของรัฐบาลแล้ว เสนอแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง
พรรคการเมืองควรเป็นเสมือนสโมสรของผู้แทนที่มีความคิดตรงกัน แต่ผู้แทนต้องไม่ขึ้นกับพรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมืองต้องไม่มีสิทธิรับเลือกตั้ง เพื่อป้องกันการเล่นพรรคเล่นพวก

เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรบ้าง? ควรแก้ไขอะไรอีก?

 

โดย: lek IP: 203.113.16.250 22 มีนาคม 2549 1:08:46 น.  

 

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม"
พระราชดำรัสของในหลวงนี้น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีในราษฎรทุกหมู่เหล่า
จากพระราชดำรัสดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่าในหลวงของเรามีอำนาจโดยชอบธรรมในการปกครองประเทศ ถ้าจะกล่าวในแง่ของสิทธิหน้าที่ที่ได้รับโดยกระบวนการประชาธิปไตยคือจากการเลือกตั้ง ที่ถือว่าผู้ที่ได้คะแนนเสียงข้างมากจะได้รับอำนาจหน้าที่ปกครองประเทศไป ในหลวงของเราก็ทรงมีอำนาจหน้าที่ในการปกครองแผ่นดินนี้ตามระบอบประชาธิปไตยอย่างใสสะอาดที่สุด เพราะได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนไทยทุกคน โดยไม่ต้องทำการเลือกตั้งก็ทราบดีในใจคนไทยทุกคน
เพราะคนไทยนั้นรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยแสดงให้เห็นในธงชาติไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางของชาติ(เป็นเจ้าของผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า ประชาชน ทรัพย์สมบัติของชาติ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ) ศาสนา(ทรงเป็นศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา) จึงกล่าวได้ว่าในหลวงทรงเป็นศูนย์รวมใจคนไทยทั้งชาติ ซึ่งไม่มีในประเทศอื่น
เมื่อเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในชาติ ในหลวงของเราก็ทรงมีอำนาจการปกครองโดยชอบธรรมที่จะขจัดปัดเป่าความขัดแย้งนั้นให้หมดไป เพราะอำนาจการปกครองของไทยเรานั้นได้มาจากพระมหากษัตริย์ (ไม่ใช่ได้มาจากการใช้กำลังแย่งชิงมา) ที่เรามีประชาธิปไตยก็เพราะพระมหากษิตริย์ทรงพระราชทานให้ อำนาจการปกครองนี้เดิมทีเป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว เพียงแต่ทรงมีพระราชานุญาติให้เราใช้อำนาจนี้แทนเท่านั้น

และจากพระราชดำรัสที่กล่าวไว้ข้างต้น แสดงให้เราเห็นว่าทรงเป็นนักปกครองที่ดี ทรงปกครองแผ่นดินโดยถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ถือหลักธรรมเป็นเกณฑ์ตัดสินใจ (นายกรัฐมนตรีทั้งหลายพึงสำเนียกไว้ พิจารณาตนเองว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์หรือยัง ยุติธรรมพอไหม หลักการปกครองนี้ควรจะนำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม)

จากเหตุผลทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วนี้ การขอพระราชทานคณะรัฐบาลพระราชทานจากในหลวง จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เหตุการณ์บ้านเมืองที่บานปลายใหญ่โตนี้ก็จะยุติได้โดยง่าย ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ
การใช้มวลชนเป็นเกราะกำบังใช้อำนาจรัฐเป็นอาวุธก็จะหมดไป ประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังมวลชนเข้าสู้ คณะรัฐบาลพระราชทานรักษาการณ์แทน ทำหน้าที่ตรวจสอบผลงานรัฐบาลที่ผ่านมา ร่วมจัดการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้มีความรัดกุม เป็นระเบียบ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด ป้องกันรักษาสมบัติของชาติให้อยู่ ไม่มีการขายสมบัติชาติอีก และริบสมบัติชาติคืนจากต่างชาติให้หมด(ปตท.ทศท. กสท. รัฐวิสาหกิจทั้งหลายต้องห้ามนำขายทอดตลาดเป็นอันขาด) จัดการเลือกตั้งให้เป็นธรรม

สังเกตุได้ว่าเมื่อมีทรราชเกิดขึ้น ราษฎรเป็นทุกข์แต่ราษฎรไม่อาจยับยั้งได้ด้วยกฎหมาย เพราะทรราชเปลี่ยนกฎหมายเข้าข้างฝ่ายตน ทรราชมักเป็นนายทุน นายทุนมักสนับสนุนพรรคการเมือง สุดท้ายการเมืองตกอยู่ในการควบคุมของนายทุน แล้วเราจะมีพรรคการเมืองไว้ให้นายทุนใช้ปกครองประเทศกันทำไม? ผู้แทนราษฎรถ้าไม่ขึ้นตรงกับราษฎรแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เดี๋ยวนี้ขึ้นตรงกับพรรคการเมือง พรรคการเมืองขึ้นตรงกับนายทุน แล้วเมื่อไหร่จะได้คนที่ดีจริง?
จากเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ควรมีพรรคการเมือง(เป็นที่ชุมนุมของเหล่านายทุนร่วมฮั้วกันกินบ้านกินเมือง) เมื่อไม่มีพรรคการเมืองเส้นสายก็สั้นลง สังคมตรวจสอบได้ง่ายขึ้น (ไม่มีอำนาจเถื่อนขนาดมโหฬารอย่างที่เคยเป็นอยู่มาขัดขวาง) เมื่อมีใครทำหน้าที่บกพร่องก็มีผลต่อผู้กระทำผิดโดยตรงไม่มีการโยนให้พรรคการเมืองรับไปเป็นแพะอีก และผู้ที่กระทำผิดก็เท่ากับหมดอนาคตทางการเมืองไปเลย คนดีก็จะกล้าเข้ามาสู่ระบบการเมืองมากขึ้น เมื่อมาจากประชาชนก็ปลดโดยประชาชน สิทธิในการปลดมันหายไปไหน? (โปรแกรมที่ติดตั้งได้แต่ลบไม่ได้มันก็ไม่รู้จะลงไปทำไม?) ทุกวันนี้ฝ่ายบริหารแย่งอำนาจนิติบัญยัติและตุลาการได้มันควรแล้วหรือ? ปปช.ควรเป็นอำนาจศาลไม่ใช่หรือ? การออกกฎหมายควรมาจากวุฒิสภา(คนกลางที่ไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เป็นบัณฑิต มีคุณธรรม )ไม่ใช่หรือ? รัฐบาลและสส.ควรบริหารบ้านเมืองตรวจสอบชี้แนะกันไม่ใช่หรือ? อำนาจทั้งสามฝ่ายต้องไม่เหลื่อมล้ำกันแต่เกี่ยวข้องกันไม่ใช่หรือ? ฝ่ายนิติบัญยัติเป็นตาคอยดูว่าควรออกกฎหมายใดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ฝ่ายบริหารเป็นมือเท้าสร้างความเป็นธรรมและสงบสุขให้กับประชาชน ฝ่ายตุลาการเป็นสมองพิจารณาว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดกฎหมายเพื่อยุติความขัดแย้ง ระบบทั้งหลายถูกบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็นเพราะฝ่ายบริหารมีอำนาจเกินไปแล้วก้าวก่ายฝ่ายอื่นได้ตามใจชอบ การปกครองที่ผ่านมาจึงล้มไม่เป็นท่า

ต่อจากนี้จะเป็นช่วงสำคัญที่คนไทยทุกคนต้องร่วมกันติดตามสอดส่องดูแลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และที่สำคัญที่สุดคือต้องเอารัฐวิสาหกิจของเราคืนมา ไม่ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจอีกในอนาคต คนที่ใช้รถและขึ้นรถก็น่าจะทราบดีแล้วว่าค่าน้ำมันและค่าโดยสารรถประจำทางในปัจจุบันนี้เพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่แล้ว สินค้าต่างๆมีค่าขนส่งสูงขึ้นก็ต้องแพงขึ้นตาม ไฟฟ้าก็แพงขึ้นตาม(ที่นำมาเป็นข้ออ้างขายไฟฟ้า ก็เพราะใครเล่าที่ขายปตท.) แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเพราะกระแสต่อต้านที่รุนแรงจึงยับยั้งความรุนแรงทางทุนนิยมนี้ลงบ้างแต่ก็ไม่ใช่ตลอดไป เมื่อเป็นของเอกชนย่อมแสวงหากำไร เมื่อเป็นธุรกิจแบบผูกขาดย่อมค้ากำไรเกินควร(แม้ว่าจะดูคล้ายว่ามีหลายเจ้าแต่เนื้อแท้เป็นพวกเดียวกัน) เราจะต้องริบคืนมาจึงจะหยุดยั้งภัยนี้ได้
อย่าให้เป็นอย่างอาร์เจนติน่าเลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการไม่ขายรัฐวิสาหกิจย่อมปลอดภัยกว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอยู่วันยันค่ำ ประเทศเราร้อนมากควรสนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้แพร่หลาย แปรพลังงานความร้อนมาเป็นไฟฟ้า ฯลฯ พึ่งตนเองให้มากที่สุด อยู่อย่างพอเพียง ทุกคนก็จะอยู่ดีมีสุขได้ไม่ยาก

 

โดย: เล็ก IP: 203.151.140.117 5 เมษายน 2549 0:41:48 น.  

 

คุณเล็ก สนใจเรื่องการเมือง ดีมากครับ

 

โดย: KAi IP: 124.120.146.245 7 เมษายน 2549 8:28:27 น.  

 

เค้าจะเป็นอะไร จะทำอะไรก็เรื่องของเค้า เราอยู่เป็นกลางดีกว่านะ อย่าไปประท้วงกันเลย เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

โดย: นุ๊ก IP: 125.25.5.176 12 พฤษภาคม 2549 16:06:55 น.  

 

ขายเพื่อประโยชน์ และ ผลกำไรสูงสุด
ให้แก่ตัวเอง และ พวกพ้องครับผม

 

โดย: สยึมกึ๋ย 13 พฤษภาคม 2549 12:51:18 น.  

 

สร้างมาขายไปก็เรื่องของเค้าธุรกิจเค้าสร้างมาเอง
ที่ว่ากลัวโดนดักฟังอ่ะ ถ้าไม่คิดร้ายต่อชาติบ้านเมืองหรือกับใครก็ไม่น่าจะต้องกลัวไรนี่บริสุทธิ์ใจซะอย่าง
ผมว่าถ้าเค้ารู้ว่าขายแล้วจะโดนเอามาทำเป็นประเด็นขายชาติจนต้องโดนปฏิวัติงี้เค้าคงไม่ขายหรอกครับ ซวยไป

 

โดย: กบ IP: 203.146.11.154 14 กุมภาพันธ์ 2550 15:16:14 น.  

 

ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ทักไม่ได้ชอบไม่ได้รัก แต่ไม่เอา คปช และแปะลิ้มทั้งพวกพ้อง ทั้งหมด ประเทศจะล่มจมอยู่แล้ว เพราะ พวกบ้านี้

 

โดย: sanjaiya IP: 203.113.39.9 18 กุมภาพันธ์ 2550 1:15:59 น.  

 

อยากให้คนActiveกลับมาบริหารประเทศอีก เบื่อสงครามน้ำลายค่ะ

 

โดย: นันท์ IP: 125.24.79.67 28 พฤษภาคม 2550 20:23:47 น.  

 

ทดสอบ

 

โดย: ทดสอบ IP: 203.172.33.181 10 มิถุนายน 2550 0:54:19 น.  

 

ทดสอบ

 

โดย: ทดสอบ IP: 210.1.5.200 10 มิถุนายน 2550 1:10:36 น.  

 

ไม่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ไม่ได้ชอบไม่ได้รัก แต่ไม่เอา คปช และลิ้มทองกุล(พวกมาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่)รวมทั้งพวกพ้อง ทั้งหมด ยังจะมาเรียกร้องอะไร ประเทศไทยจะล่มจมอยู่แล้ว เพราะ พวกบ้านี้

 

โดย: sirinunคนไทยแท้ IP: 61.7.146.150 9 สิงหาคม 2550 8:47:43 น.  

 

ไม่เข้าข้างใคร ไม่ไหลตามกระส ไม่โง่ดักดาน ไม่มีจมูกไว้ให้ใครจูง ไม่ใช่คนอื่นเห็นกุก็จะเห็น เพื่อนเห็นกุเห็น

มองกันง่ายๆเลยดีกว่า บ้านเมืองตอนนี้เป็นยังไง เศรษฐกิจเป็นยังไง ชีวิตคุณดีขึ้นบ้างไหม
--เชื่อว่าหลายๆคน(หรือแทบทุกคน ตอบว่า "ไม่")

งั้นคำถามต่อไป

มันแย่ลงไหม ??


คำตอบอยู่ที่เราเอง อะไรดีไม่ดี จงตัดสินด้วยความจริง ไม่ใช่เอาสมองไปผูกไว้กับเท้าคนอื่น ทำได้แค่ตาม คิดไม่เป็น เพื่อน พ่อแม่ อะไรก็ตาม เค้าคิดได้แค่ไหน ยังไงเรื่องของเค้า คนเรามีสมองเป็นของตัวเอง อะไรดีไม่ดี ตัดสินกันได้

**รัฐบาลเวลานี้นอกจากจับผิดกับแถลงข่าว ทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ?
**คนผิดสมัยนี้เค้าเปิดตัว ลงทุนหลายๆล้านกับสโมสรฟุตบอลต่างประเทศกันแล้วหรอเดี๋ยวนี้ ? (ถ้าผมผิดจริง ผมคงหายหน้าไปนานๆหน่อย)
**ถ้ามีญาติพี่น้องเป็นข้าราชการ ยิ่งทหารยิ่งดี ลองถามเค้าว่า สวัสดิการดีขึ้นกว่าก่อนเยอะไหม ?
**ลองไปถามคนรู้จักที่พ่อแม่ หรือคนรู้จักเค้าโดนไล่ออกจากเศรษกิจตกต่ำบ้าง ว่าเป็นไงสบายใจไหม ?

***ลองถามตัวเอง ว่าวันนี้คุณคิดอะไรเองเป็นหรือยัง**

 

โดย: zaakkkkk IP: 124.121.37.120 14 สิงหาคม 2550 17:23:18 น.  

 

เคยมีคนกล่าวว่า "ขายชาติ" เพราะมีต่างประเทศมาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ไป (สิงคโปร์ นั่นล่ะ)

เอาเป็นว่า ธนาคาร ส่วนใหญ่ในเวลานี้ และในอดีต (ก็เกือบทั้งหมดน่ะล่ะ

สิงคโปร์ มีหุ้นอยู่ แทบทั้งนั้น
แปลว่า ธนาคารที่คอยเก็บออมเงินพวกเรานั้น "ขายชาติ"
แย่จริงๆ น่าปิดกิจการซะให้หมดเลยเน๊อะ

แปลกจัง~!!!! ไม่มองจุดนี้ หรือโง่เกินจะรู้

 

โดย: zaakkkkk IP: 124.121.37.120 14 สิงหาคม 2550 17:28:03 น.  

 

เอ่อ แม้มันจะเก่าไปไปหน่อย เพิ่งอ่านเจอ
ที่ว่าไม่เสียภาษีอะนะครับ มันตั้งแต่ รัฐธรรมนุญ สมัยชวน นะครับ คือกล่าวให้ถูกก็คือ ชวน ตอนเป็นนายก ก็ไม่ได้เสียภาษีนะครับ จะเอาเรื่อง เอาให้มันถูกยุคหน่อยนะครับ ไปเอาผิดคนที่ตั้ง ไม่ใช่คนที่ใช้

 

โดย: zaakkkkk IP: 124.121.37.120 14 สิงหาคม 2550 18:24:30 น.  

 

ก็ขายเพื่อเอาเงินมาใช้นะซิครับ ก็ของๆเขา จะเก็บไว้จะขาย ก็เป็นเรื่องของเขา อย่าไปปวดหัวเลยครับทำมาหากินของเรา ดีกว่านะครับ จะได้รวยเหมือนเขา คนอยู่เฉยๆ จะรวยได้ยังไง
ทักษิณเขาลำบากมามากกว่าจะได้ เช็คก็เด้งบ่อยๆ
แวะหาเงินที่ บล็อกผมดีกว่าครับจะได้รวยเหมือนเขา
http:moneynetworks.blogspot.com

 

โดย: Tk IP: 203.150.105.144 21 กันยายน 2550 9:15:50 น.  

 

ถ้าทำเพื่อประเทศผมว่าคงจะดีหรอก แต่ว่าที่ทำไปเพราะอาศัยอำนาจบารมีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองรวมเข้าไปด้วยหรือเปล่า อันนี้ลองคิดเองครับ

ถ้าเก่งแต่ไม่ดี ผมว่าสู้ธรรมดาพาชาติรอด แต่ไม่โกงกินยังจะดีซะกว่า เก่งไปเพื่ออะไร เราจะอยู่สบายขึ้นเหรอ เห็นแต่ของแพงขึ้น เริ่มควบคุมอะไรไม่อยู่ ถ้ามัวมองแต่ข้อดีโดยไม่เห็นว่าภายใต้ข้อดีนั้นแลกมาด้วยอะไร ผมว่าแบบนี้มันไม่เจริญแบบยั่งยืนหรอกครับ มีแต่คนกลุ่มเดียว(เช่นพวกพ่อค้า) เท่านั้นล่ะครับที่ชอบ แต่ชาวบ้าน มนุษย์เงินเดือนล่ะครับ คุณไม่มองเหรอ

เอาเป็นว่าผมเกลียดล่ะกัน

 

โดย: เผอิญฉลาด IP: 124.121.229.202 9 ตุลาคม 2550 14:36:52 น.  

 

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นทั้งหมด 100% ให้นายพานทองแท้ ชินวัตร ก่อนการเลือกตั้งทำไมหรอ

 

โดย: รัตติกร IP: 203.113.105.86 18 กุมภาพันธ์ 2551 14:51:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


stangman
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add stangman's blog to your web]