My Home Decoration, Oriental Style จัดบ้าน...ย้ายไป...ก็ย้ายมา....ใกล้จะลงตัวแล้วล่ะค่ะ....
ปล่อยให้เพื่อนๆ รอนานไหมคะ
หลักการจัดบ้านของดิฉัน คือใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเกือบทั้งหมด บิลท์อิน เท่าที่จำเป็น เช่นตู้หนังสือ ตู้เสื้อผ้า ฉากกั้นห้อง และที่สำคัญที่สุดคือห้องครัว จะจัดแบบ Eclectic คือผสมปนเปใช้ของที่มีอยู่ ไม่ได้แต่งใหม่หมด แนวจะออกอีสต์มีทเวสต์ ด้วยเฟอร์นิเจอร์จะเป็นสไตล์จีนเสียส่วนใหญ่ แต่การแต่งบ้านจะออกแนวยุโรปตามรูปทรงของบ้านแต่ดั้งเดิมที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร ผ้าม่านสไตล์ยุโรป รวมทั้งสีของห้องและผ้าม่านเช่นกัน
เฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่เป็นของดั้งเดิมตั้งแต่สมัยทำงานที่มาเลเซีย เริ่มซื้อสะสมสักเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ด้วยความที่ไม่ค่อยมีอะไรทำในวันหยุดที่นั่น และตื่นตาตื่นใจกับเฟอร์นิเจอร์จีน ที่คนที่นั่นนิยมนำมาแต่งบ้าน
เริ่มเข้าบ้านกันเลยค่ะ เดิมเก้าอี้เกือกม้าจะอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่ค่อยได้นั่ง
ย้ายมาไว้ตรงประตูทางเข้าบ้านดีกว่า
ทางเข้าบ้านนี้เข้ามาจะเจอส่วนรับประทานอาหารเลย
ตู้เก็บของสะสม ของสะสมจริงๆ เพราะซื้อทีละชิ้น เวลาไปไหนชอบก็จะซื้อเป็นที่ระลึก และก็มีของที่ได้รับเป็นของขวัญด้วย ตัวตู้ทำจากไม้ Blackwood หรือภาษาไทยคือ ชิงชัน นั่นเอง
ส่วนรับประทานอาหาร เก้าอี้เป็นไม้ Black Ebony หรือไม้มะเกลือ ไม้ตัน หนักมากๆ
นั่งใช้คอมพิวเตอร์ก็ตรงนี้แหละค่ะ
ส่วนตัวชอบของที่วางบนตู้ทิเบตนี้มาก ด้วยจานศิลาดลอายุเกือบห้าร้อยปี ที่พบจากเรือจมในทะเลจีนใต้วางอยู่คู่กับโคมไฟ Ikea ราคาไม่กี่ร้อยบาท แตกต่างกันแต่ไปกันได้ดี
ถัดออกมาหน่อยเป็นห้องทำงาน แต่ยังไม่มีโต๊ะทำงานที่เหมาะสมเลยค่ะ โต๊ะที่เห็นเป็นโต๊ะทานข้าวสำหรับหกคนที่คิดว่าจะยกไปวางที่คอนโด แต่มันใหญ่ไป เลยขอวางตรงนี้ก่อน ว่าจะขายต่อถูกๆ แต่ยังไม่ได้ลงโฆษณาเลย
ในห้องทำงานจะมีตู้ที่เรียกว่า Buffet cabinet สำหรับใส่ถ้วยชาม วางอยู่ เป็นสมบัติชิ้นแรกที่ซื้อจากร้านเฟอร์นิเจอร์อินโดพร้อมกับกระจก (แต่ยังไม่ได้แขวนห่อกระดาษอยู่ใกล้ๆ ที่เห็นนั่นล่ะค่ะ) เลยยังไม่แน่ใจว่าห้องนี้จะใช้เป็นห้องทำงานดี หรือเปลี่ยนเป็นห้องทานข้าวดี
ตอนนี้ใช้วางเรือรบจำลอง Victory ไว้ก่อน และขวดที่เห็นเป็นขวดสำหรับใส่ Olive oil และ Balsamic Vinegar ซื้อจากอิตาลี (ทัสคานี) เมื่อคราวไปงาน Bologna Book Fair เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง ถือเป็นของสะสมที่รักอีกคู่หนึ่ง
อีกมุมหนึ่งเป็นตู้ยาจีนทำจากไม้ Black Ebony หรือไม้มะเกลือที่ใครๆ หลายคนในห้องชายคาเคยเห็นมาแล้ว
วางรูปเขียนสีน้ำมันสไตล์ Still life ที่ประมูลได้จาก EBAY นานแล้วค่ะ ยังไม่ได้แขวน เนื่องจากบ้านนี้ Precast จะแขวนอะไรต้องวางแผนทำทีเดียว
พรมนี่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ปูที่พื้นแล้ว เพราะให้น้องหมาเข้ามานอนในบ้าน
เลยมาตรงบันไดจะเป็นทางเข้าบ้านจากโรงรถ ปกติจะเข้าบ้านทางนี้ล่ะค่ะ
ที่วางต้นไม้นี่ก็ของอินโดอีกเหมือนกัน ไม่รู้จะวางตรงไหนเลยวางตรงมุมบันไดก็เข้าท่าดี ดอกไม้ประดิษฐ์นั่นซื้อจากจตุจักรกำรวมกันใส่ในแจกัน มีกระป๋องทองแดงซื้อมาจากอังกฤษ ปกติเขาเอาไว้ใส่ถ่านหน้าเตาผิง
ตู้รองเท้า รู้สึกจะเป็นชิ้นเดียวที่ซื้อที่เมืองไทยเมื่อตอนขนของกลับมาแล้ว ตรงนี้จริงๆ ทำบิลท์อินก็น่าจะดี แต่อย่าเลย รองเท้าไม่มากใส่ตู้แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว
บนตู้รองเท้ามีตุ๊กตาจีนที่จนถึงวันนี้ไม่สมประกอบเท่าไหร่ นิ้วหัก ปี่หาย แต่ก็ยังเป็นของรักอยู่เสมอ เพราะทำให้นึกถึงวันเก่าๆ สมัยที่อยู่ที่มาเลเซียได้ดี
ต่อไปมาดูห้องนั่งเล่นกันค่ะ ห้องนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก เอาความสบายเวลาดูทีวีไว้ก่อน ทำฉากกั้นห้องเผื่อเวลาร้อนๆ จะได้เปิดแอร์อยู่แต่ในห้อง
มีเก้าอี้เอนได้มาวางเพื่อนอนดูทีวี ที่จริงน่าจะซื้อเก้าอี้บุผ้าสวยๆ มาวางตรงนี้ แต่เอาไว้ก่อนละกัน
ทีวีซัมซุงสลิมฟิตนี่ก็หลายปีได้แล้วมั้ง ซื้อตั้งแต่ตอนออกใหม่ๆ ที่มาเลเซีย ราคาตอนนั้นตั้งสี่หมื่นกว่าบาทแน่ะ ซ่อมไปครั้งหนึ่ง แล้วก็ยังไม่เป็นอะไร ตู้ที่ตั้งทีวีเป็นตู้ไม้ยางพารา
ด้านข้างๆ วางหีบไม้หอมที่เรียกว่า Camphor หรือภาษาไทยคือไม้การะบูน จริงๆ มันดูไม่ค่อยเข้ากันกับตู้วางทีวีเท่าไหร่ คนละสไตล์ แต่ก็ Electic นี่นะ
ฝั่งตรงข้ามด้านข้างโซฟา วางตู้ไม้ของเกาหลี ใช้วางโทรศัพท์
ขึ้นชั้นบนกันดีกว่าค่ะ
ตู้จีนสไตล์หมิงที่วางตรงกลางระหว่างประตูห้องนอน ไว้ใส่ของสัพเพเหระ
ที่กั้นหนังสือตุ๊กตาเด็กจีน นี่ก็เป็นของรักอีกคู่หนึ่ง นานแล้วเหมือนกัน
ในห้องนอนใหญ่ ใช้ผ้าไหมไทยทำผ้าม่าน เตียงไม้สี่เสา และตู้โทรทัศน์สไตล์จีน
บรรยากาศขรึมและขลัง นอนหลับสบายเลยค่ะ
ตู้ใส้เสื้อผ้า Black Ebony หรือไม้มะเกลือ....เคล็ดลับชีวิตคู่ที่มีความสุขและยั่งยืน..อิอิ ต้องมีอะไรเป็นคู่ๆ อยู่ในห้องนอน โดยเฉพาะตามหลักฮวงจุ้ย ต้องมีนกคู่นะคะ
ออกมาจากห้องนอน ตรงโถงทางเดิน ตรงนี้มีลังทิเบตราคาแพงวางอยู่ แต่ยังไม่ลงตัว คิดว่าต้องทำอะไรแต่งผนังให้ดูเด่นขึ้น ...เอาไว้ก่อนอีกนั่นแหละ
ต่อมาที่ห้องนอนสองอีกสักเล็กน้อย ห้องนี้จะใช้เป็นห้องนอนเวลาที่อยู่คนเดียว เพราะแอร์ตัวเล็กกว่าห้องนอนใหญ่ ประหยัดไฟได้เยอะ เตียงไม้สักจากบางโพค่ะ
แล้วก็รูปเป็นผ้าบาติกจากบาหลี ชอบมากๆ เลย
ส่วนห้องนอนสามยังไม่ได้แต่ง เอาไว้เก็บของกับรีดผ้า เลยไม่ขอโชว์นะคะ
มาเพิ่มเติมนำรูปเก่าๆ สมัยอยู่ที่มาเลเซีย จะเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อยู่กับเรามานานมาก
ที่คอนโด 8 Ampang Hilir
ต่อมาก็ย้ายไปอยู่ Earls Court ก็ขนเฟอร์คู่ใจไปแต่งเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับย้ายให้เข้ากับสถานที่ใหม่เท่านั้น
จนในที่สุดก็ย้ายมากรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะ ประหยัดค่าตกแต่งบ้านไปได้เยอะด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีอยู่จริงๆ เพียงแต่ต้องเผชิญกับความท้าทายเล็กๆ ว่าจะจัดวางตรงไหนของบ้านให้ลงตัวเท่านั้นเอง
Create Date : 31 พฤษภาคม 2552 |
|
24 comments |
Last Update : 15 มิถุนายน 2552 21:07:31 น. |
Counter : 10906 Pageviews. |
|
|
|