|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
|
RAID ภาค 1
คัดลอกจาก //koala.cpe.ku.ac.th/~g4165217/tuning.html
ระบบ RAID มี 6 แบบ
1. RAID 0 : Non-Redundant Striped Array ข้อมูลจะถูกแบ่งกระจาย เก็บไว้ในจานแม่เหล็กทุกตัว ในการอ่าน/เขียน สามารถทำได้พร้อมกันหมด โดยข้อมูลที่อ่านได้ต้องนำมารวมกันก่อน หรือข้อมูลที่จะถูกเขียนต้องถูกแบ่งก่อน ในกรณีที่ข้อมูลมีขนาดเล็กสามารถเก็บลงในจานแม่เหล็กเพียงตัวเดียว แต่ถ้าใหญ่กว่าขนาดที่กำหนดจะถูกแบ่งไปเก็บไว้ในจานแม่เหล็กทุกตัว ประสิทธิภาพจะดีที่สุด เพราะในการอ่าน/เขียน ไม่มีการตรวจสอบความผิดพลาด (data-integrity)
2. RAID 1 : Mirrored Arrays ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในจานแม่เหล็กทั้ง 2 ตัว ในการเขียนจะต้องเขียนจานแม่เหล็กทั้งคู่ ทำให้ ประสิทธิภาพเท่ากับการใช้จานแม่เหล็กเพียงตัวเดียว แต่ในการอ่านสามารถทำได้พร้อมๆ กันทั้งสองตัว ประสิทธิภาพในการอ่านเพิ่มขึ้น 100% นิยมใช้ในระบบ multi-user เพราะการอ่านข้อมูลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่มาก หรือน้อย สามารถทำได้บนจานแม่เหล็กตัวใดก็ได้ แต่ราคาของระบบนี้จะสูงกว่าแบบอื่นๆ เนื่องจากใช้จานแม่เหล็กมากกว่าปกติ 2 เท่า
3. RAID 2 : Parallel Array with Error-Correcting Code (ECC) Data Protection Disk คล้ายๆ กับ RAID 0 แต่ข้อมูลของ ECC (Error-Correcting Code) ซึ่งปกติจะเก็บไว้ตำแหน่ง ตอนท้ายของเซ็คเตอร์ จะถูกเก็บไว้บนจานแม่เหล็กอีกตัวแทน ในการอ่านข้อมูลความเร็วจะเท่ากับ RAID 0 แต่ในการเขียนข้อมูลจะช้ากว่าเพราะต้องคำนวณค่า ECC ประสิทธิภาพเท่ากับระบบ RAID 3
4. RAID 3 : Parallel Array with Parity เหมือน RAID 2 การตรวจสอบความผิดพลาดขึ้นอยู่กับค่าของ ECC ที่เก็บไว้ในเซ็คเตอร์ในแต่ละจานแม่เหล็ก เมื่อพบข้อผิดพลาด ข้อมูลที่ถูกต้อง จะถูกคำนวณได้จากข้อมูลที่อยู่ในจานแม่เหล็กตัวอื่นๆ ระบบนี้เหมาะสำหรับระบบที่มีผู้ใช้คนเดียว เพราะในการอ่าน/เขียนข้อมูลทำได้ทีละ transaction เท่านั้น
5. RAID 4 : Striped Array with Parity การติดตั้งเหมือน RAID 3 แต่ขนาดของข้อมูลที่แบ่งเก็บในแต่ละจานแม่เหล็กจะใหญ่กว่า ทำให้สามารถอ่านข้อมูลในจานแม่เหล็กแต่ละตัว สำหรับแฟ้มข้อมูลต่างกันได้พร้อมกัน แต่ในการเขียนข้อมูลไม่สามารถทำได้เพราะต้องเขียน parity ในจานแม่เหล็กตัวเดียวกัน ประสิทธิภาพเท่ากับระบบ RAID 5
6. RAID 5 : Rotating Parity Array แก้ปัญหาคอขวดในการเขียนข้อมูล parity ของ RAID 4 โดยการกระจาย parity ไปเก็บไว้ในทุก จานแม่เหล็ก โดยในการเขียนส่วนมาก จะเข้าถึงจานแม่เหล็กสำหรับข้อมูล และจานแม่เหล็กสำหรับเก็บ parity ข้อมูลอันนั้น ดังนั้นการเขียนข้อมูลสามารถทำพร้อมกันได้ ระบบนี้เหมาะสำหรับระบบที่เป็น multi-user และต้องการเสถียรภาพในการทำงานสูง แต่เนื่องจากในการเขียนต้องคำนวณค่า parity สำหรับจานแม่เหล็กทุกตัว ทำให้ไม่เหมาะกับระบบที่มีการเขียนข้อมูลมากๆ แต่สำหรับระบบที่เน้นการอ่านข้อมูล เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์แล้ว RAID 5 จะเหมาะกว่า RAID 1 ทั้งในด้านของประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ
Create Date : 07 เมษายน 2548 |
Last Update : 7 เมษายน 2548 10:32:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 443 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
dokawa |
|
|
|
|