Bloggang.com : ibis2555 :

เมื่อเงินกลายเป็นคนแปลกหน้า “จากกระเป๋าคนอื่นวิ่งเข้ากระเป๋าคุณอีกครั้ง”

เมื่อเงินกลายเป็นคนแปลกหน้า “จากกระเป๋าคนอื่นวิ่งเข้ากระเป๋าคุณอีกครั้ง”

เมื่อสิ่งต่างๆรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ผมเชื่อว่าทุกคน “งง”

...วันนี้ระบบข้อมูลข่าวสารและการติดต่อ มันเชื่อมโยงทั่วโลก การที่มนุษย์คนนึงจะเรียนรู้อะไร มันทำได้ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก เพราะเพียงแค่เข้า Internet แล้วค้นหาข้อมูลที่ต้องการก็สามารถรู้ทุกเรื่องในโลก

ครับ!! คุณกำลังกลัวเหมือนผม เพราะในไม่ช้าเด็กประถม จะมีความรู้รอบตัวไม่ต่างจากคุณ เพียงเขามีโทรศัพท์มือถือคู่ใจในมือ เขาสามารถหาความรู้อะไรก็ได้ ที่ใดก็ได้

“เรากำลังจะแพ้เด็กประถม รึเปล่า”

ทันใดนั้นเมื่อคุณหันไปข้างๆ ก็เริ่มเห็นหุ่นยนต์ที่ Office ของคุณเริ่มเข้ามาทำหน้าที่แทนแรงงานของคุณ

..งานที่ทำซ้ำๆ ต้องทุกทดแทน ด้วยหุ่นยนต์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และ ที่สำคัญ ผมเชื่อว่า นายจ้างของคุณ ชอบหุ่นยนต์มากกว่าคุณ ไอ้ตรงที่ หุ่นยนต์ไม่เคย ขอขึ้นค่าจ้าง !! ไม่มีประท้วงหยุดงาน และ ไม่มีอู้

... จากนั่นไม่นาน หัวหน้าก็เรียกคุณเข้าไปคุย

“เฮ้ ทอมมี่ นายมีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือ นายตกงาน เพราะ Office แห่งนี้ ได้เอาหุ่นยนต์มาทำงานแทนคุณแล้ว กับสอง คุณต้องย้ายไปทำงานในพม่า”

...เปรี๊ยง!! เหมือนสายฟ้าฟาดเข้ากลางแสกหน้าของทอมมี่ ...ไรว๊า!! นี่งานที่เราเคยทำมานานแสนนาน กำลังจะถูกย้ายไปพม่าหรือนี่

“เราช่างเป็นผู้โชคร้ายที่สุดในโลก”

จริงหรือ “คุณโชคร้ายที่สุดในโลกจริงหรือ ..หรือว่า คุณไม่เคยเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงกันแน่”

..เรื่องที่ผมเล่า มันเกิดขึ้นจริงในอเมริกา (และกำลังจะเกิดตามที่ประเทศไทย ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 40% ทั่วประเทศและจะเพิ่มขึ้นต่อไป)

ประเทศที่เรียกว่า มีการศึกษาดีอันดับต้นๆของโลก

...เดิมทีอเมริกาเป็นประเทศที่ก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมอย่างมาก มีโรงงานการผลิตสินค้าต่างๆ มากมาย และ ส่งขายไปทั่วโลก นั่นคือ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก “เมืองลุงแซม”

..จากนั้นคนอเมริกาก็กินดีอยู่ดี มีเงินใช้ ค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจที่โต ในที่สุดมันมาถึงจุดที่นายจ้างเริ่มรู้สึกว่า “ค่าจ้างมันแพงไป” ในที่สุด นายจ้างก็เริ่มย้ายโรงงานนรกของเขาไปสู่เมืองจีน

..วงจรโรงงานนรกจึงอุบัติขึ้น พร้อมๆ กับคนอเมริกาที่เริ่มตกงาน

..ระหว่างนั้น เกิดการพูดถึงอุตสาหกรรมและอนาคตใหม่ของอเมริกาที่จะเปลี่ยนไปเป็น Service Economy ซึ่งพอเอาเข้าจริง ไอ้ธุรกิจบริการหรือ Service มันใช้คนน้อย เช่น บริษัทไอที , การเงิน และที่สำคัญคนที่อยู่ใน Service Economy ก็ได้ค่าจ้างแพงขึ้นเรื่อยๆ เกิดความแตกต่าง ระหว่าง กลุ่มคนที่ตกงาน แล้วหางานใหม่ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีความรู้นอกจากงานที่ตัวเองทำ ซึ่งมันได้ถูกย้ายฐานการผลิตไปประเทศด้อยพัฒนาเสียแล้ว

..ไอ้ครั้นคนเหล่านี้จะตามไป ก็ทำไม่ได้ เรียกได้ว่า ซวยตกงาน และก็หางานใหม่ไม่ได้

คนอีกกลุ่มที่อยู่ใน Service ก็ได้เงินมากขึ้น และ รวยขึ้นเรื่อยๆ มันจึงการเป็นความแตกต่าง และ แตกแยกที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจของอเมริกาเวลานี้ ก็คือ คนรวย รวยขึ้น ส่วนคนจน จนลง

...ยิ่งความแตกต่างถ่างมากขึ้น ปัญหาต่างๆ ทางสังคม และ เศรษฐกิจ ก็ตามมามากขึ้น ..จนถึงปัจจุบัน

จะว่าไปแล้ว “วิกฤตโรงงานนรก ย้ายฐานการผลิต” มันได้ระบาดมาเอเชีย และ เมืองไทยเรียบร้อย

..วันนี้รัฐบาลไทย ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ บางคนก็ดีใจนึกว่ารวยขึ้น แต่หารู้ไม่ว่า การขึ้นค่าแรงพร้อมกันทั้งประเทศมันไม่ได้ทำให้ทุกคนรวย แต่มันทำให้เงินเฟ้อ และบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้นที่รวย

ดังนั้น การที่เงินเฟ้อ ค่าแรงของคนไทยเพิ่มขึ้น ก็คิดง่ายๆ ว่า คนที่ค่าแรงสูง แล้วทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ในที่สุดงานเหล่านั้นก็จะถูกย้ายฐานไปประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า หรือ ไม่ก็มีเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์มาทำงานนั้นๆ แทนเรา

เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป ทุกคนต้องรู้จักวางแผน คือ เราจะมานั่งชิวๆ แล้วรอเรียนจบมหาวิทยาลัย แล้วค่อยคิดว่าจะทำอาชีพอะไร ผมว่ามันไม่ทันแล้ว

..เดี๋ยวนี้ต้องศึกษาก่อนเลยว่า อาชีพใดที่มีอนาคต อาชีพใดที่ไร้อนาคต จากนั้น ก็มุ่งพัฒนาความสามารถของเราให้เหมาะกับอาชีพที่เราอยากจะเป็น

(ดีกว่าให้เรียนมหาวิทยาลัยจบไปแล้วสี่ปี เพิ่งมารู้ว่าสิ่งที่เรียนกำลังจะหมดอายุ ไร้ค่า แล้วเราจะถูกส่งไปทำงานที่พม่า)

“พอจะมีแนวทางไหมว่า อาชีพใดที่มีอนาคต”

ครับ เป็นคำถามที่กว้างมากๆ แต่ถ้าคิดง่ายๆ ให้มองว่า อาชีพใดก็ตาม ที่มันใช้แรงงาน ทำซ้ำๆ งานนั้น ในที่สุดจะถูกแทนที่โดยเครื่องจักร เมื่อค่าแรงงานมันแพงขึ้น ก็เท่านั้นเอง

..ส่วนงานที่ค่าจ้างจะแพงและมีอนาคตขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ งานที่เครื่องจักร หรือ หุ่นยนต์ทำไม่ได้ ซึ่งก็คือ งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานที่ต้องใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้

วันนี้มันไม่ใช่ยุคที่ผลิตมากๆแล้วรวยอีกต่อไป ..เมื่อวัตถุดิบในการผลิตแพงขึ้น กำไรของโรงงานนรกจะน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งผลิตมาก อาจจะยิ่งจนโดยไม่รู้ตัว

..และเมื่อตลาดเริ่มเปลี่ยน ความต้องการจะมาจากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลัง ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ

...ธุรกิจสร้างสรรค์ ที่จับความต้องการคุณภาพ จะเริ่มมีความสำคัญ

– อนาคตจะเริ่มที่การคิด และ การเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง

..การผลิตและสร้างสิ่งต่างด้วยการใช้ทรัพยากรที่น้อย แต่สร้างประโยชน์ให้มนุษย์ผ่านสินค้าและบริการที่มากขึ้น

ยุคต่อไป ความรู้อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงและหาได้ แต่ประสบการณ์ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่มีจำกัด และมีคุณค่าเสมอ

..คนที่มีความรู้ จึงต้องรู้จักนำความรู้นั้นไปลองปฏิบัติ เพื่อความเข้าใจ และ กลั่นออกมาเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า

...ความเข้าใจเรื่องต่างๆ มีความสำคัญ เพราะ แท้จริงแล้ว การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดระหว่างทางที่เดิน กลับเป็น แนวทางที่ถูกต้อง

..ถามว่า ทำไมต้องเผื่อใจ ตัวเราให้เจอกับความล้มเหลว ตลอดทางที่เดิน

– นั่นก็เพราะ ไม่มีมนุษย์คนใดที่เดินแล้วไม่มีอุปสรรค ไม่มีการสะดุด ดังนั้น การที่เรารู้จัก เรียนรู้จาก ความผิดพลาด จะสอนการปรับตัว และ สร้างให้ประสบการณ์ของเรามีความแกร่ง และ กลายเป็นประสบการณ์ที่สะท้อนความจริงในโลกมนุษย์มากที่สุดนั่นเอง

คำถามที่น่าสนใจมากที่สุด หลังจากการเปลี่ยนแปลงก็คือ “คุณจะทำอย่างไร ให้เงินจากกระเป๋าคนอื่นเข้าประเป๋าตัวเอง”

ใช่!! ไม่ยากในการคิด แต่มันยากที่การทำ

..เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่คุณสามารถเข้าใจความต้องการของคนอื่น แล้วเราหาสินค้าและบริการเพื่อมาตอบสนองความต้องการนั้นๆ นั่นแหละ ความสำเร็จ และ ความมั่งคั่ง

…คิดและสร้างธุรกิจ สินค้า และ บริการ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคน นั่นแหละการโยกเงินจากกระเป๋าคนอื่น เข้ากระเป๋าคุณ แบบถูกต้องตามกฏหมาย และ รวยจริง

คิดดีๆ ซิ คนรวย ก็คือ “คนที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นไง” ... How Simple !!

ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

Create Date : 02 เมษายน 2557

0 comments

Last Update : 2 เมษายน 2557 23:01:27 น.

Counter : 1342 Pageviews.