ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้?

ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้?



...

รักเหมือนโคทึกที่คึกพิโรธ

ความรักเช่นนั้นให้โทษ

จะไปโกรธโทษรักไม่ได้


ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้

รักจึงได้แรมรา...


“บุพเพสันนิวาส”ได้แก่ เธอเกิดมาเพื่อเขาเขาเกิดมาเพื่อเธอ


นิยาม๕ คือ

.อุตุนิยาม

.พีชนิยาม

    . กรรมนิยาม

    . จิตนิยาม

    . ธรรมนิยาม


บุพเพสันนิวาสจัดเป็น กรรมนิยาม ที่มีอำนาจเหนือจิตนิยาม หมายความว่าคนสองคนเคยสันนิวาสผูกพันกันมาแต่ปูเรชาติปางก่อน มาในปัจจุบันด้วยบุพเพฯนั้น ทำให้จิตของทั้งสองคนปฏิพัทธ์รักใคร่กันแม้แต่แรกพบทีเดียว การอธิบายความเช่นนี้ อาจไม่แน่เสมอไป หาก ธรรมนิยามอบรม จิตนิยาม ดีและมากพอกรรมนิยาม ก็จะมีอยู่เหมือนไม่มีหรือ มีกำลังน้อยลง ดังจะเห็นได้จากชีวประวัติของพระป่าผู้เป็นพระเถระ–พระมหาเถระ หลายรูป ที่มีจิตอันธรรมอบรมดีแล้ว ก็สามารถรอดพ้นภัยจากปากเยี่ยวปากแร้ง และ รักษาพรหมจรรย์เป็นนาบุญอันประเสริฐของโลกสืบต่อมาได้จนสิ้นอายุขัย

ยังมีอยู่อีก ครั้นบุพเพฯ ยังอยู่ อยู่กินกันมา จนถึงวันดีคืนดีหมดกรรมเวรต่อกัน ประการหนึ่ง หรือ เกิดความหน่ายในสภาวะธรรมของฆราวาสวิสัยประการหนึ่ง เป็นอันได้เลิกรากันไปอย่างนั้น จะเหลือก็แต่ พีชนิยาม พืชเผ่าพงศ์พันธุ์ ลูกชาย–ลูกหญิง ที่ต้องเผชิญ อุตุนิยามความหนาว –ร้อน หิวกระหาย และดำเนินชีวิตไปตามกรรมนิยามลิขิตแห่งกรรม ของตนต่อไป ผิ ว่า กรรมนั้น ก็ ดี จิตนั้นก็ ดี หรือ ธรรมนั้น ก็ ดีเป็นสามัคคีสุกงอม แก่รอบดีแล้วก็สามารถเห็นด้วยทิพยญาณในความคับแค้นของการอยู่ครองเรือนถึง สละโลกโลกีย์ ทางกาย ก็ตาม ทาง ใจ ก็ตาม ภรรยา หรือสามี คู่นั้นย่อมหลุดพ้นสังสารทุกข์ ออกบวช โดยเสด็จพระพุทธองค์เข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ พบความผาสุกที่แท้จริง ไปด้วยกับเขาอีกคน ในทางกลับกัน ก็ยังอาจมีที่ติดค้างตกสำรวจ จำต้องเวียนวายเกิดตายไปตามธรรม กรรม และ จิตผจญอุตุฤดูกาล ร้อนๆ หนาวๆ ของตน ของตนต่อไปอีกอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้... นี่แหละหนอ“ชีวิตคู่” และ “การครองรัก”เป็นทั้งบุญกุศล และศิลป ใช่ว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ เลย


“ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ, การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป


การเกิดในที่นี้นอกจาก จะหมายถึง

  1. การเกิดมาเป็นผู้เป็นคน และ การตายเข้าโลงไปแล้ว ยังหมายถึง

  2. การเกิด – ดับ ของความคิด และ การไม่เปิดใจ เห็นความความคิดของตนเป็นใหญ่ นอกจากนี้ เมื่อจะเปิดใจฟังผู้อื่น แต่ถ้าหลงถูก-หลงผิด ไปกับความคิดเหล่านั้น ก็ทุกข์อีก

  3. ยังหมายถึง การเกิด – ตาย ชั่วคราว และ ถาวร จาก ความเห็นแก่ตัว ของ/จากความละโมบ ของ/จากความโมโห โกรธา พยาบาท เบีนดเบียนบีฑา ที่ลุกโชนอยู่ในใจ อีกด้วย

  4. การเกิด และ การเสื่อม ไปจาก ความดี รวมทั้ง การเสื่อม และ เกิด ขึ้น ของความชั่ว แบบนี้ทุกข์แน่นอน แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ในทางตรงกันข้าม แม้ความดีเกิด ความชั่วตาย นั้น ก็ทุกข์ ละเอียดอีกไปอีกลักษณะหนึ่ง

  5. การมี หรือ เสื่อมไปจาก ความเชื่อมั่น จากความหวัง จากความฝันอันสูงสุด ในอุดมคติ หรือ ในบุคคลที่รัก แม้ตายแล้วเกิดใหม่ ก็จะทำเช่นนั้นอีก หรือ จะพบคน ๆ นั้น อีก ตลอดไป

  6. กำลังใจ ที่เกิดขึ้น จนสำเร็จ หรือ ความทดท้อ ล้มเลิกเสียกลางครัน

  7. ท้ายที่สุด การทำ หรือ การเลิกทำอะไรทั้งหลายไป เพราะถูกบังคับด้วยหลักการก็ดี ด้วยตัวบุคคลก็ดี หรือ ด้วยสถาณการณ์ที่แวดล้อมเกี่ยวเนื่องผูกพันกันก็ดี การเกิด – การสิ้นสุด เพราะเหตุปัจจัยบีบคั้น เต็มใจก็ตาม ไม่เต็มใจก็ตาม ก็ทุกข์ทั้งนั้น


ในประการหลังสุดนี้ เห็นจะสอดคล้องกับ ธรรมอุทานภาสิตของ นางวชิรา เถรี อรหันต์พุทธสาวิกา บทหนึ่ง ที่ว่า,


“ทุกข์เท่านั้น เกิด ทุกข์ เท่านั้นคงอยู่ ทุกข์ เท่านั้น จากไป

นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด

นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรคงอยู่

นอกจากทุกข์ไม่มีอะไร จากไป”


นี่เองทำให้เราเข้าใจได้ว่า แม้กับความรัก คนรัก และสิ่งของที่เรารัก มีอยู่ก็ทุกข์ และเมื่อเขา หรือเธอ เดิน จากเราไป หรือตายไปเสียจากเราก็ไม่พ้นสภาวะที่เรียกว่าทุกข์ทรมาน เจ็บปวดใจไปได้เลย ทั้งนี้เพราะนิยามทั้ง ๕มันคอยชักใยอยู่อย่างหาทางเลี่ยงไม่ได้นี่เอง


คำถามต่อมาว่าแล้วครั้นจะพ้นไปจากทุกข์เหล่านี้ล่ะจะให้เราทำอย่างไร ?


รักเค้าเข้าแล้ว จะไม่ให้รักอีก มันหักห้ามใจยาก เป็นอันว่า ทุกข์ทั้งขึ้นทั้งล่อง แล้วจะให้ทำอย่างไร


“เมื่อรักแล้ว ย่อมเป็นทุกข์ทรมานปวดร้าวใจ ก็เพราะรักนั้น

เมื่อรักหมดใจ ที่ไม่เคยได้ก็ได้ ที่ไม่เคยเสียก็เสีย”


เห็นทีถ้าไม่หมดลมก็คงไม่หมดรัก จะรอให้คนหรือ ของรัก จากเราไป ก่อนดี หรือ จากไปทีหลังดีล่ะ ในเมื่อหนองและหนอนมันอยู่ในหัวสุนัขขี้เรื้อนตัวนี้เสียแล้ว ไปนอนในวัด ก็ไม่เป็นสุข ไปนอนบนสวรรค์ หรือ ในนรกจะเป็นสุขอย่างไรได้ ต้องเอาเลือดหัวที่มีหนอนและหนองปะปนระคนอยู่ในนั้น ออกให้หมดทั้งเลือด หนองและ หนอน จากนั้นค่อยเปลี่ยนเลือดดี ถ่ายเข้าไปใหม่แทน อย่างนี้ดีไหม?


แม้นมีรัก ไร้ธรรม มันแสนชั่ว มันต้องกลัว ตัวตาย ไม่หายขาด

ไม่หักห้าม รักใจ สายใยสวาท ขายไม่ขาด ประมาทนัก จักหนักใน


แม้นสิ้นรัก ธรรมยัง ไม่นัวเนีย เป็นผัว-เมีย หมดจด โดยธรรมไซร์

จนใครใคร อิจฉา หน้าใสใส ทั้งกาย-ใจ เย็นยูก ปลูกสัมพันธ์


พ้นจากบ่วง ควงคู่ อยู่สบาย เป็นบุพเพฯ เฉไฉน ไม่สำคัญ

จริงที่ธรรม ธรรมที่จริง สิ่งประกัน ไม่เหหัน ห่างแท้ เพราะแคร์ธรรมฯ


โดยย่อแล้วก็คือ ไม่หมดรัก ไม่หมดทุกข์นั่นเอง


ก็ความรัก ที่เป็นกามกิเลส นี่เอง ซึ่ง เป็นกิเลสพวกเดียวกับความชอบ ความละโมบ โลภหลง ในกามพัสดุ อันได้แก่ รูปโฉม โนมพรรณ บ้านเล็กบ้านใหญ่ คอมพิวเตอร์ มือถือ ฯลฯจัดเป็นกามตัณหา ที่ไม่รู้จักหมดจักพอ กินบ้าน กินเมือง ป่าเขาระหวยระหารลำธาร น้ำใส ต้นไม้ใหญ่ พรรณม้ายงาม จนจะสิ้นเนื้อประดาตัวกันทั้งโลกอยู้แล้ว เวลานี้ที่โลกมันร้อนกันหูดับตับไหม้เพราะเรือนกระจอก –เอนิยโญ่ ละลายภูเขาขั้วโลกมหึมา ทำให้น้ำท่วมหลายประเทศในยุโรปอยู่ในเวลานี้ ก็นี่แหละ เป็นรากเหง้าของบริโภคนิยม วัตถุนิยม และทุนนิยมที่คุยกันอยู่นี่


จริงที่เดียว“ความรัก” นั้น ต่างจาก“ความใคร่” เพราะลำพังความใคร่มันฉาบฉวยเกินกว่าจะทำให้ใครมีความทุกข์จริงๆ ได้ เชิญไตร่ตรองดูให้ดีและยอมรับเถิดว่า ที่เจ็บ ที่เศร้า ที่คิดถึงที่รอคอย ที่ห่วง ที่หวง ที่มีทิฏฐิใส่กัน หรือ แม้แต่ที่เกลียด(ตัวเอง).. ไปทั้งหมดนั้น ใช่อื่นใด นอกจาก “รัก”



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน




Create Date : 02 กันยายน 2558
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 10:28:45 น.
Counter : 1009 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฆราวาสมุนี
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
กันยายน 2558

 
 
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog