เที่ยวไปเรื่อย
เพราะชอบการท่องเที่ยว และการถ่ายรูปทำให้มีภาพตลกๆ แปลกๆ เก็บอยู่ในเครื่องค่อนข้างมากภาพหมาน้อย (ตัวใหญ่) นี้ถ่ายมาตอนเราแวะจอดซื้อ charger ชุดใหม่ให้กับเครื่อง GPSที่ปั๊มน้ำมันระหว่างทางตอนขับรถจาก เมืองนีซ ไปกรุงโรมประเทศอิตาลี(เพราะ chargerไหม้คาที่จุดบุหรี่ในรถยนต์ .. ไม่น่าเชื่อเลย !) คนยุโรปนี่เขารักหมากันมากเลยนะคะไปไหน ไปด้วย แทบทุกที่กระทั่งในร้านอาหารจีน ที่เราไปกันเขาก็อนุญาตให้เอาหมาเข้าไปนั่งข้างๆเจ้าของได้ก่อนนี้ เราก็เลี้ยง Poodle สีดำตัวเมียไว้ตัวหนึ่งไปไหนไปด้วยตลอดเหมือนกันค่ะไปประชุมที่ กทม. ก็เอาเธอขึ้นเครื่องไปด้วยก่อนไปเข้าประชุมก็แวะเอาไปฝากเลี้ยงที่สุขุมวิทสัตวแพทย์ ปากซอยทองหล่อสมัยก่อน ที่หาดใหญ่นี่ อาจจะไม่มีคนเลี้ยงหมามากมายเหมือนเดี๋ยวนี้หรือจะมี ก็คงจะไม่ค่อยพาออกนอกบ้านด้วยกันสักเท่าไหร่มาพักหลัง คนเอาหมาออกมาเดินห้างมากขึ้นทำความเสื่อมเสีย และน่าขายหน้าให้หมู่หมาเช่นยกแข้งขาฉี่ใส่ชั้นโชว์สินค้าหรือ ไปตะกุยตะกายใครต่อใครเข้าเราก็โดนผลกระทบอย่างจังเพราะเขาเริ่มห้ามนำหมาเข้าห้างห้ามเอาเข้าโรงแรม ห้ามนู่น ห้ามนี่ทั้งๆ ที่เราไม่เคยปล่อยแองจี้ลงพื้นเลยแต่ก็ .. ไม่เป็นไร เราไปเที่ยวทะเลกันก็ได้สาวน้อยของเราก็ชอบวิ่งเล่นออกกำลังกายบนทรายที่หาดสมิหลามากกว่าเดินห้างซะอีกเพราะแองจี้เป็นหมาสีดำทำให้มีคนแก่มาทักว่าแต่งงานนานแล้วไม่มีลูกสักทีเป็นเพราะหมาดำนี่แหละ เห่าไล่ ไม่ให้เด็กมาเกิดให้เอาหมาไปทิ้งไม่มีทางงงงงงงงงงงงงงงงงงไม่ยอมทิ้งเธอหรอกอยู่กันมาตั้งนานแล้วเอามาเลี้ยงตั้งแต่เธออายุแค่เดือนเดียวอยู่กันมา 8 ปี จะให้ทิ้งขว้างได้ยังไงเล่าสุดท้าย แองจี้ก็จากโลกนี้ไป เมื่ออายุได้ 14 ปีครึ่งหลังจากแฝดเกิดออกมาได้ 6 ปีกว่าๆเราก็เลี้ยงแฝด ไปพร้อมๆกันกับพี่แองจี้นั่นแหละรักกันดี ไม่มีทะเลาะมีแต่เจ้าแฝดแหละ ที่ทะเลาะกันเองจนพี่จี้ต้องเห่าเตือนคิดถึงพี่จี้จังเลยที่จริงตั้งใจไว้ว่า จะไม่เลี้ยงหมาอีกเพราะรัก และผูกพันกับแองจี้มากมายเหลือเกินเมื่อเธอจากไป ก็เสียใจมากมายจนคิดว่า ไม่อยากจะเสียใจแบบนี้อีกแล้วมันปวดใจพิลึกแต่ในที่สุด ก็ต้องเลี้ยงหมาอีกเพราะเจ้าแฝดคนกลางร่ำร้องหลังจากที่ก๋งเอาหมามาฝากเลี้ยงที่บ้านเรา 3 ตัวตอนที่ก๋งไปทำธุระที่ กทม.เป็นพูเดิ้ลสีดำ 1 ตัว และ ปอมเมอเรเนียน 2 ตัวทั้งหมดเป็นตัวผู้ ซึ่งเราไม่ค่อยจะชอบเลี้ยงนักเพราะคุ้นชินกับการเลี้ยงตัวเมียมากกว่าแม้จะเลี้ยงหมามาหลากหลายพันธุ์แล้วก็ตามสุดท้าย หลังจากก๋งกลับจาก กทม.เจ้าแพมก็ไม่ยอมคืนเจ้าแจ๊บบี้ - พูเดิ้ลดำ ให้กับก๋ง(ถ้าเป็นแม่ แม่อยากเลี้ยงปอมมากกว่าอ่ะ)ก๋งก็ไม่ว่าอะไร ยกให้หลานแต่โดยดีเพราะตามใจลูกสาวตอนนี้เลยต้องมาฝึกหมาพูเดิ้ลแสนดื้อและทำอาหารให้เจ้าแจ๊บบี้ ที่แสนจะเลือกกินทั้งๆที่มีอะไรต่อมิอะไรทำอยู่มากมายพอถึงเวลาอาหาร ก็ต้องขับรถบึ่งกลับบ้านไปให้อาหารเขาตัวเองไม่ทันได้กิน ก็ไม่เป็นไรซะง้านนนนจะมาเล่าเรื่องเที่ยวไหงกลายเป็นพูดเรื่องหมาไปได้.. เนอะ แล้วค่อยเจอกันใหม่นะคะ
ขอบคุณที่แวะไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมาม่านะครับ
แล้วรับฝึกสุนัขให้เล่นลูกดิ่งแบบนั้นหรือเปล่าจะเอาสุนัขที่บ้านไปหัดบ้าง