ปี 2543
เราต้องย้ายไปทำงานที่ สีลม กะทันหัน
ทำให้มีโอกาสได้มาพักอาศัยแมนชั่นแห่งนี้โดยมิได้ตั้งใจ
ในซอยนี้มีแมนชั่นทั้งหมด 6 ตึก
แต่ละตึกทรุดโทรมเป็นอย่างมากแต่โครงสร้างยังแข็งแรงดีอยู่
เนื่องจากบริษัทสร้างเสร็จก็ละทิ้งไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีส่วนกลางดูแล
ตึกแรกจึงมีเหล่าคนจรจัดมาอาศัยหลับนอนออกลูกออกหลานอยู่เป็นครอบครัวใหญ่
ส่วนตึกที่สองมีคนอยู่อาศัย แต่ราวบันไดเดินขึ้นชั้นบนไม่มี
และตัวเราได้มาพักอาศัยในตึกที่สาม ซึ่งมีสภาพตึกโดยรวมดีกว่า
โดยพักอาศัยอยู่บริเวณชั้นล่างติดกับร้านขายของชำ
นอกจากสภาพตึกจะย่ำแย่แล้ว แต่ประตูห้องเรากลับแย่กว่า
เพราะท่อน้ำทิ้งดันมาแตกตรงประตูหน้าห้องพอดี
ประตูเหล็กจึงผุพังเพราะถูกน้ำและสนิมกัดเซาะ
ทำให้มีเพื่อนบ้าน อย่างตะขาบ งู และหนู เข้ามาเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตะขาบ มาทักทายกันบ่อยจนแทบจะเป็นทายาทอสูรกันเลยทีเดียว
แถมเวลาฝนตกฟ้าร้องทีไร น้ำก็จะพร้อมใจกันไหลบ่าทะลักทะล้นเข้าห้องอย่างมิได้นัดหมาย
ช่วงนั้นห้องจึงสะอาดเอี่ยมเป็นพิเศษเพราะต้องเช็ดน้ำกันทุกวัน
วันแรกที่เข้ามาอาศัยในห้องนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จก้าวขาออกจากห้องน้ำก็ต้องตกใจ
เพราะมีชายหนุ่มไม่ทราบที่มาที่ไป ผิวสองสี รูปร่างสันทัด
ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงทำงาน อายุประมาณ 30 ต้น ๆ
มายืดกอดอกยิ้มเก๋อยู่กลางห้อง ทำเอาเราถึงกับเอ๋อแดรก...
พอตั้งสติได้ก็ค่อย ๆ กวาดตาหันหน้าหันหลัง
พบว่าประตูก็ปิดเรียบร้อยดีไม่มีร่องรอยของการงัดแงะ
แล้วอีตานี่มันเข้ามาได้อย่างไร
คุณเข้ามาในห้องเราได้ยังไงอ้ะ เอ่ยปากถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว คุณนั่นแหละที่พึ่งมาอยู่... ว่าแล้วก็เดินหายวับไปในกำแพง
ปล่อยให้เรายืนอึ้งอีกเป็นครั้งที่สอง กับการรับน้องวันแรก
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระแผ่เมตตาเสร็จก็ล้มตัวลงนอน
ขณะกำลังเคลิ้ม ๆ ก็รู้สึกหนัก ๆหายใจไม่ออกเหมือนถูกอะไรทับ
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคุณป้าหน้าดุมานั่งท่าเทพธิดาอยู่บนตัว
ขยับปากจะถามปรากฏว่าไม่มีเสียง ก็เลยนึกในใจถามไปว่า...
ป้าจะเอาอะไร มาบอกกันดี ๆ อย่ามานั่งทับแบบนี้หายใจไม่ออก
ป้าก็เงียบแทนคำตอบ ก็เลยนึกต่อไปว่า...
ถ้าป้ามาขอส่วนบุญพรุ่งนี้เราจะทำบุญไปให้ แต่ถ้าป้ามากวนเราจะแช่งล่ะนะ
เท่านั้นล่ะ ป้าหายไปเลย ไม่รู้เพราะอยากได้บุญ หรือ เพราะกลัวโดนแช่ง
วันรุ่งขึ้นก็เลยตื่นไปใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้แต่เช้า ตอนเดินเข้าห้องพี่ข้างบ้านก็ทักว่า
เป็นไง...เมื่อคืนหลับสบายดีไหม เราได้แต่ยิ้มรับ
คืนที่สอง เราฝันเห็นตึกแรกมีศาลพระภูมิเป็นศาลไม้เล็ก ๆ
ถูกผู้ชายเอาเท้าถีบศาลจนล้ม และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผูกคนตายที่ตึกนั้น
พอตื่นมาก็เลยไปใส่บาตร
คืนที่สาม ฝันว่าพื้นที่ตรงนี้กลายเป็นที่ฝังศพ
มองไปตรงไหนก็มีแต่หลุมฝังศพเต็มไปหมด มีวิญญาณเดินกันขวักไขว่
เห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวสวยงาม เลยกระซิบถามผู้ชายที่อยู่ใกล้ ๆ
ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เค้าก็ตอบกลับมาว่า...
ย่านาคไง จำไม่ได้เหรอ...
จึงทำให้เรานึกถึง เมื่อช่วงประมาณปี 2538 2539
ตอนนั้นเราพักอยู่แถวบางบัวทอง เคยฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวยมาก
นุ่งโจงกระเบน พาดสไบสีแดง ผมยาวดำขลับ
เขาเดินมาหาแล้วถามว่า รู้ไหมว่าเราเป็นใคร
ไม่ทราบค่ะ เราตอบ
เราคือย่านาค พูดเสร็จผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มให้แล้วหายไป เราก็ตื่น...
ตอนนั้นไม่รู้จักเลยว่า วัดย่านาค อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ
เลยให้พ่อเขียนแผนที่แล้วนั่งรถเมล์มาคนเดียว
ยังจำได้ว่าซอยอ่อนนุชสมัยนั้นเป็นถนนดินลูกรังแดง ๆ
สองข้างทางเป็นป่ารกเสียส่วนใหญ่ เดินทางลำบากและไกลจากบ้านมาก
แต่สุดท้ายก็ได้มาอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน
พักอาศัยอยู่นานเป็นเดือน จึงได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนบ้านในวันหนึ่ง
เค้าเล่าให้ฟังว่ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แมนชั่นสร้างเสร็จใหม่ ๆ
เราเลยถามว่าห้องที่เราอยู่เคยมีคนมาพักหลายคนไหม
พี่เค้าก็อึกอักทำหน้าประหลาด เราจึงบอกไปว่าพี่เล่ามาเถอะ รู้แล้วว่ามี ผี
แกจึงเล่าให้ฟังว่า ห้องนี้มีคนมาอยู่หลายคน แต่โดนผีหลอกเปิดแน่บทุกราย
อย่างรายล่าสุดอุตส่าห์ทำห้องติดกระจกเสียดิบดีจะเปิดร้านทำผม
ย้ายเข้าตอนเช้า ตอนเย็นโดนผีเข้า ญาติหามกลับต่างจังหวัดแทบไม่ทัน
เราเลยถามต่อ เพราะที่นี่เคยเป็นหลุมฝังศพใช่ไหม ?
แกก็ตอบว่า ใช่
เจ้าของที่ดินเดิมเป็นชาวมุสลิม
และใช้พื้นที่ตรงนี้สำหรับฝังศพมาก่อนที่บริษัทจะมาซื้อต่อ
แล้วสร้างแมนชั่นแห่งนี้ขึ้น
เราจึงถามเรื่องศาลพระภูมิและผู้หญิงที่ผูกคอตาย
ก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่เราฝันทุกประการ
เราอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขเรื่อยมา จนมีครอบครัว มีลูก
โดยเฉพาะช่วงท้องจะ HOT มากเป็นพิเศษ
มีแต่ ผี มาขอเกิด บางรายสวมฮิญาบมาเลย
บางรายจะวิ่งเข้าท้องเอาดื้อ ๆ ก็มี
จนกระทั่งเราย้ายออกไปอยู่ตึกอื่น
เจ้าของห้องเห็นว่าเราอยู่ได้ตั้งเป็นสิบปี เลยให้คนอื่นเช่าต่อ
แต่ก็ไม่มีใครอยู่ได้ โดนผีหลอกผีเข้าไปตามระเบียบ
ช่วงนั้นก็เลยมีแต่คนมาถามว่าตอนเราอยู่เคยเจอผีบ้างรึเปล่า
ทุกวันนี้ เจ้าของห้องเลยวางเครื่องซักผ้า และตู้กดน้ำหยอดเหรียญ
พอตกกลางคืนก็กลายเป็นที่เก็บมอเตอร์ไซด์ไป
ผู้เขียน : แม่โอ๋เรนเจอร์
ภาพ : อินเทอร์เน็ต
23 พฤศจิกายน 2558
ผีมีจริงมั๊ยคะ คนที่โดนผีหลอกน่าจะเป็นจิตคิดไปเองมั่งคะ