Hotel Review :: Valley Deluxe @Veranda Chiangmai the High Resort

เสน่ห์ของไร่ชาและแปลงนาข้าวสีเขียวขจี
และภาพของสระว่ายน้ำลอยฟ้าท่ามกลางหมู่ทะเลภูเขา รวมทั้งสวยงามของห้องพัก
เป็นเหตุผลให้เราหลงรักที่นี่ตั้งแต่หาข้อมูลที่พักใน จ.เชียงใหม่
มาเชียงใหม่ครั้งนี้ เราเลยไม่พลาดที่จะขอมาพักในรีสอร์ทที่เป็น 1 ใน dream destination ของเรากันซักที

v
v

@ วิรันดา เชียงใหม่ เดอะ ไฮ รีสอร์ท @
Veranda Chiangmai the High Resort
192 หมู่ 2 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่
โทร. 053-365-007 โทรสาร. 053-365-362



วิรันดา เชียงใหม่ เดอะ ไฮ รีสอร์ท ตั้งอยู่ใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 15 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ราว 30 นาที

.
.

ความรู้สึกแรกที่เดินเข้ามาถึงบริเวณ ล็อบบี้ (Lobby) ก็จะพบถึงความโอ่โถง
รวมถึงการตกแต่งแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีกับของตกแต่งต่างๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น
ไม่ว่าจะเป็น หมอนผ้าลายไทย หรือโตกบน day bed
ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความเป็นล้านนาลอยอยู่รอบตัว

อีกทั้งโถงล็อบบี้ที่ทำลักษณะโค้งคล้ายกูบช้าง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์หวาย และโคมไฟที่ดูคล้ายรังนก
นอกจากจะดูเข้ากันได้ดีแล้ว ยังกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบตัวได้เป็นอย่างดี
และด้วยการออกแบบที่โล่ง โปร่ง และไม่บังทิศทางลม ทำให้บริเวณนี้มีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา
เลยทำให้ไม่รู้สึกร้อนซักเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นล็อบบี้แบบ open air ก็ตาม





สำหรับ ห้องพัก ของที่วิรันดานี้มีทั้งสิ้น 80 ห้อง ใน 6 แบบ คือ
(1) Valley Deluxe (2) Jacuzzi Pavillion (3) Jacuzzi Suite (4) Plunge Pool Pavilion
(5) Luxury 2 Bedrooms Suite (6) Presidential Pool Villa

และห้องพักที่เราจองมาในวันนี้เป็นแบบ Valley Deluxe
ซึ่งมีพื้นที่ห้อง 43 ตร.ม. และพื้นที่บริเวณระเบียงอีก 15 ตร.ม.
(ราคาห้องพัก 4,200 บ.- ต่อคืน เป็นราคาซื้อ voucher จากงานไทยเที่ยวไทย)

สำหรับห้องแบบ Valley Deluxe นี้จะตั้งอยู่ในอาคารสูง 3 ชั้น
ซึ่งห้องพักในแต่ละชั้นก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งครั้งนี้เราได้ request ขอห้องพักบริเวณชั้น 2 เอาไว้
เพราะห้องพักบนชั้นนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่ สระว่ายน้ำที่เป็นสระน้ำล้น ที่อยู่ด้านหน้าบริเวณระเบียงของห้องพัก
ส่วนใครที่ชื่นชอบและอยากใกล้ชิดธรรมชาติ อาจจะเลือกห้องพักที่อยู่ชั้นล่าง
ซึ่งมีจุดเด่นตรงวิวด้านหน้าห้องพักเป็นไร่ชาและแปลงนาข้าวสีเขียวนั่นเอง

.
.

สำหรับภายในห้องพักแบบ Valley Deluxe
แค่ก้าวเข้าไปภายในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงความกว้างขวาง ทั้งๆ ที่มีเนื้อที่ห้องเพียง 43 ตร.ม. เท่านั้น
นั่นก็เพราะว่าการตกแต่งห้องพักของที่นี่เป็นแบบ Open Plan Living Space หรือดีไซน์แบบเปิดโล่ง
ซึ่งเป็นจุดหลักที่ทางรีสอร์ทต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงความกว้างขวางและสะดวกสบาย





ภายในห้องพักตกแต่งได้อย่างดูดีและลงตัวในทุกสัดส่วน
ส่วนของ เตียงนอน
ด้านบนหัวเตียง ตกแต่งด้วยผ้าลายไทยสไตล์ล้านนา กับโคมไฟหวาย ซึ่งดูเข้ากันได้ดีกกับลวดลายบนผนัง
ส่วนเตียงนอนเป็นแบบ twin bed ที่ลากมาชนกัน และปูด้วยผ้าปูที่นอนผืนเดียวกัน
ทำให้กว้าง แถมยังหนานุ่ม และนอนสบาย





จากเตียงนอนไปทางด้านในห้องที่เปิดโล่ง ทำให้รู้สึกได้ถึงความกว้างขวาง และลงตัว





มุมนี้เป็น LCD TV แบบติดผนัง และ Day Bed ที่กว้างขวาง จะนั่งเล่น นอนเล่นก็สบาย
ส่วนของโต๊ะทำงาน มีเล่มรายละเอียดการบริการของรีสอร์ทต่างๆ พร้อม doking สำหรับ iphone/iopd
และยังมีเครื่องเล่น DVD ที่สามารถยืมแผ่นได้จากทาง Library
นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อขอรับ username และ password สำหรับ free wifi ได้อีกด้วย





มุมนี้ ด้านขวามือเป็นส่วนของ Mini Bar ที่มีตู้เย็น กาน้ำร้อน พร้อมน้ำดื่ม ชา กาแฟ บริการ

ส่วนด้านซ้ายมือเป็นส่วนของ ห้องน้ำ แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกัน
มีอ่างอาบน้ำอยู่ด้านนอก ตั้งอยู่ด้านข้างของเตียงนอน กั้นไว้ด้วยไม้ระแนงเล็กๆ
แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ยังสามารถเลื่อนประตูไม้ที่อยู่ทางด้านขวามือติดกับ mini bar
และจากด้านหลังของ day bed มาปิดส่วนนี้ได้เหมือนกัน
ส่วนเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถเลื่อนเก็บไว้ ทำให้ห้องดูโล่ง โปร่ง และไม่อึดอัดด้วย





อ่างอาบน้ำด้านข้างเตียง





อ่างล้างหน้าทำดีไซน์แบบถังไม้ ส่วนกระจกเป็นแบบเลื่อนเปิดปิด





amenities ต่างๆ ครบครัน
สำหรับ shower gel และ body lotion เป็นกลิ่นตะไคร้ ยี่ห้อ Thann ที่หอมมากๆ
และติดใจจนต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาอีกด้วย





ด้านข้างของอ่างล่างหน้า เป็นห้องอาบน้ำ และห้องสุขา แยกจากกัน
ห้องสุขาแบบชักโครก มีสายชำระ





ส่วนห้องอาบน้ำ เป็นแบบฝักบัวและ rain shower มีน้ำอุ่นและน้ำเย็น
พร้อม shower gel, shampoo และ conditioner กลิ่นตะไคร้ ยี่ห้อ Thann เช่นเดียวกัน





ส่วนต่อมาเป็นส่วนของ ห้องแต่งตัว กั้นไว้เป็นสัดเป็นส่วนด้วยผ้าม่าน
ด้านซ้ายมือของห้อง มีไดร์เป่าผม และใช้เป็นมุมแต่งหน้าก็ได้ เสียแต่กระจกออกจะเล็กไปซะหน่อย
ปกติเราเลยออกไปใช้กระจกตรงอ่างล้างหน้าซะมากกว่า





ส่วนด้านขวาของเป็น ตู้เสื้อผ้า
มีเสื้อคลุม 2 ตัว, ร่ม 2 คัน, รองเท้า 2 คู่ และกระเป๋าสาน 2 ใบ ไว้ใช้ตอนออกไปนอกห้องก็เก๋ทีเดียว
แล้วก็ยังมีหมอนอีก 2 ใบ พร้อมตู้เซฟ





ส่วนสุดท้ายของห้องพัก คือ ระเบียง ที่มีเนื้อที่ 15 ตร.ม.
พร้อมเก้าอี้นั่งเล่น มีตะเกียงไว้จุดเพิ่มความโรแมนติก
และยังมีไฮไลท์อยู่ตรงที่ มีสระว่ายน้ำแบบสระน้ำล้นอยู่ด้านหน้าของห้อง

สำหรับวิวด้านหน้าห้องพักเป็นภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี
ดูแล้วก็ชื่นใจ สบายตา สบายใจ เหมาะอย่างยิ่งที่จะมานั่งอ่านหนังสือ และชมวิวเพลินๆ ในวันพักผ่อนแบบสบายๆ
ซึ่งข้อเสียของระเบียงห้องพักแบบนี้ จะอยู่ตรงที่ไม่ได้กั้นให้เป็นสัดส่วนแยกจากห้องอื่นอย่างชัดเจน
ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวซักเท่าไหร่ หากมีแขกข้างห้องออกมานั่งเล่น หรือใช้สระว่ายน้ำพร้อมกัน





สระน้ำล้นด้านหน้า มีจากุซชี่ในตัว
เวลาจะใช้ ก็โทรไปแจ้งให้ พนง. เพื่อให้เปิดจากุซชี่ให้เราได้





ดูบรรยากาศในห้องพักไปแล้ว ไปดูบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทกันบ้างดีกว่า

เมื่อเดินลงบันไดที่อยู่ด้านข้างห้องพักของเรา ลงไปที่ชั้นล่าง
จะมีทางเดินนำเราไปสู่ไร่ชาและแปลงนาข้าวสีเขียวขจี
ส่วนอาคารไม้ที่เห็นอยู่ด้านหน้าขวามือเป็นห้องอาหาร ระเบียงชา
ที่ให้บริการอาหารค่ำแบบไทยล้านนา ในบรรยากาศสบายๆ





จากกลางไร่ชาและแปลงนาข้าวมองกลับไป อาคารที่เป็นเป็นที่ตั้งของห้องพักในแบบวิลล่า





ใช้เวลาเดินดูบริเวณไร่ชาและแปลงนาข้าวจนทั่วแล้ว
เราก็เดินตามทางเดินด้านล่างของอาคาร เพื่อไปสู่อาคารถัดไป

ชอบบรรยากาศของที่นี่ ก็ตรงที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า
ดูแล้วชื่นใจ รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนจริงๆ





ถึงอาคารถัดมา เมื่อกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด
ก็จะเป็นที่ตั้งของ The Higher Room ซึ่งเป็นห้องอาหารแบบ all day dining ที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน
มีทั้งโซน indoor และ outdoor ให้เลือกนั่ง





ส่วนด้านหน้าของห้องอาหาร ถือเป็นไฮท์ไลท์หรือจุดเด่นของรีสอร์ท
ที่ว่ากันว่า จุดนี้เป็นจุดที่วิวสวยที่สุดของรีสอร์ทเลยก็ว่าได้
นั่นก็คือ สระว่ายน้ำลอยฟ้า หรือ Veranda High Infinity Edged Pool





ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่ทะเลภูเขา
ซึ่งต่างจากสระว่ายน้ำแบบเดียวกันที่มักพบเห็นในรีสอร์ทริมทะเล ที่มองเห็นทะเลได้สุดลูกหูลูกตา
แต่เปลี่ยนมาเป็นทะเลภูเขาแบบนี้แล้ว ก็สวยไม่เบาเลยทีเดียว

ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ทำให้คิดไปว่า ถ้าได้มายืนตรงนี้ในฤดูหนาว
ที่มีสายหมอกเบาๆ ลอยคลอเคลียคงมีความสุขไม่น้อย





หลังจากที่ได้เข้าพักที่นี่แล้ว
เราคิดว่าที่นี่เป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดี ของคนที่ต้องการใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อน
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ ครอบครัว หรือ คู่รัก

เพราะว่าห้องพักที่นี่กว้างขวาง สวยงาม และตกแต่งได้อย่างลงตัว
แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบครัน
(บริการอื่นๆ ก็มี เช่น สปา, ฟิตเนส, คิดส์คลับ และห้องประชุม)

นอกจากนี้บรรยากาศภายในรีสอร์ทก็คงความเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายยามเมื่อได้เข้าพัก
พนักงานก็บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และคอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี
เรียกว่าทุกอย่างลงตัว และทำให้ทริปในวันหยุดพักผ่อนของเรา กลายเป็นทริปที่แสนจะประทับใจ

คืนเดียวไม่พอจริงๆ สำหรับ "วิรันดา เชียงใหม่"
ไม่ว่าแน่ช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงฤดูหนาวปีนี้ คงได้กลับมาพักที่นี่กันอีกครั้ง

happy moment in our dream destination
Veranda Chiangmai the High Resort

Create Date : 21 กรกฎาคม 2558		1 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2558 15:38:03 น.
Counter : 1513 Pageviews.
Share Tweet