คนชอบนินทาเหมือนชอบกินของเน่า
ช่วงนี้ไม่รู้เมาอะไรนะ มองอะไรน่าขันไปหมด อย่างเวลาดูละครที่คนเค้าว่าดูแล้วเครียดกัน ผมดูแล้วขำ ละครไทยนั้นเรื่องส่วนมากไม่พ้นเกิดจากการสรรเสริญ-นินทา ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน ลองทบทวนตามคำที่ท่านสอนก็คิดว่า เออนะ ใช่เลย พฤติกรรมของคนอื่นที่เขาทำไว้ เขาทำแล้วมันก็ผ่านไป แต่คนชอบนินทากลับขุดคุ้ยขึ้นมาใหม่ พูดกันสนุกปาก อุปมาก็คงเหมือนไปคุ้ยเขี่ยของบูดน่าที่คนอื่นทิ้งแล้วมากิน ยิ่งนึกถึงสีหน้าแต่ละคนเวลานินทาคนอื่นนะ ดูมีความสุขเหมือนอยู่ในงานปาร์ตี้ บางทีแย่งกันพูดอีกนะ ดูแล้วก็น่าขัน เหมือนคนหิวโซ กินอย่างตะกละมูมมาม ปากมันแผล็บ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังตักกินนั้นน่าขยะแขยงเป็นที่สุด ผมลองเทียบพฤติกรรมของคนชอบนินทา กับพฤติกรรมปาร์ตี้กินของเน่า ได้ประมาณนี้.. (1) นี่ๆๆ พวกเธอ (ปากสั่นๆ) ชั้นมีเรื่องเม้าท์ = กำลังถือจานของเน่า อีกมือหนึ่งถือช้อนส้อมมาเผื่อคนอื่นด้วย (2) ก๊าก..เธอก็เจอเหรอ แต่ของชั้นเด็ดกว่า = ปากกำลังกินของเน่าแต่อยากพูด พูดไปพร้อมกับเอาส้อมชี้ขึ้นลงเหมือนกับไวทยากร อีกมือยกประคองกลัวของเน่าหล่นจากปาก (3) ที่จริงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ชั้นก็ไม่ติดใจอะไรหรอก ไม่อยากพูดถึงอะเดี๋ยวจะหาว่ามาแฉ (หลังจากประโยคทำนองนี้สังเกตว่าจะมีพูดนินทาอีกยาวมาก) = มีของเน่าอยู่ในตัวมากมาย ที่บ้านอีกเพียบแล้วกำลังจะเอามาแจกเพื่อนกิน พอได้สติ มานึกดูพฤติกรรมตัวเองและสังเกตคนอื่น สรุปแยกแยะเท่าที่เข้าใจเอาเองว่า คนเรานินทากันด้วยสาเหตุต่างกัน 1. รีบพูดนินทาคนอื่น เพราะตัวเองมีข้อเสียในเรื่องนั้น ต้องเอาเรื่องคนอื่นมากลบเรื่องตัวเอง พวกนี้สังเกตว่าพูดเสียงดัง หรือคำพูดดูเด่นกว่าคนอื่นตลอดเวลา 2. อีกจำพวกคือ ตัวเองมีจุดเด่นเรื่องไหน ก็นินทาคนด้อยกว่าเรื่องนั้น เวลาคนในวงสนทนาพูดว่า ไม่เหมือนเธอเนอะ สุดยอดเลยอะ ทำได้ไง.. แบบนี้จะภูมิใจมาก เพราะมีคนชูจุดเด่นให้ (ตามแผน) ....อันนี้แนวหลงสรรเสริญเยินยอ 3. ว่างมาก แต่ไม่มีปัญญา..คือมีเวลาว่างแต่ขาดสติปัญญาว่าควรเอาเวลาไปทำอะไร ก็ลงเอยด้วยการล้อมวงกินของเน่า นั่นคือจับกลุ่มนินทาคนอื่น
4. จิตจดจ่ออยู่กับของเน่ามากกว่าของสด...คือ ต่อให้ไม่ว่างตามข้อ3. แต่มีเวลาเมื่อไหร่เป็นต้องเริ่มต้นด้วยการพูดถึงเรื่องคนอื่น แทนที่จะพูดเรื่องที่ตนเองกำลังรับผิดชอบ หรืออะไรที่อยู่ตรงหน้า ผมสรุปเอาไว้เตือนสติตนเองว่า ถ้าจะพูดจะทำอะไร ก็เอาแบบพอดีๆ สงสารคนอื่นที่ต้องเอาไปนินทา (เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่า โลกที่ปราศจากการนินทานั้นไม่มี) ถ้าทำเรื่องไม่ดีไว้ ทำเอาคนยิ่งนินทาไม่รู้จบ ปากเค้าก็เน่าเหม็นเป็นเวลานาน น่าเวทนา อีกวิธีที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม ก็คือพูดหยอกล้อหรือแซวเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าหรือในวงสนทนาเท่านั้น เพราะพูดแล้วไม่มีบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้อง แบบนี้ก็ไม่ต้องกินของเน่ากัน
Free TextEditor
Create Date : 15 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 18:31:40 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1185 Pageviews. |
|
|