Love Story ตอนที่ 2



Love Story 2
เย็นแล้วหลังจากที่ส่งฟ้าผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเสร็จ เราก็เดินย้อนกลับมาที่หอซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว เฮ้อ..แต่ตกตอนกลางคืนก็ค่อยยังชึ่วหน่อยดีเหมือนกันจะได้นอนหลับสบาย เราแวะซื้อบะหมี่เกี๊ยวเจ้าประจำตรงหน้าปากซอยทางเข้าหอและขอซื้อลูกชิ้นเปล่าๆมาอีกยี่สิบบาท
“ว่าไงบิ๊กกี้หิวเปล่า” เราทักเจ้าบิ๊กกี้หมาพันธุ์ผสมอะไรก็ไม่รู้แต่ออกมาหน้าตลกและแปลกๆดี จากที่นอนอยู่ใต้โต๊ะม้าหินที่ประจำพอได้ยินเสียงเรามันก็กระโดดใส่กระดิกหางดิ๊กๆด้วยความดีใจ
“หิวอ่ะดิ มาๆกินลูกชิ้นอีกแล้วนะวันนี้” เราพูดและแกะถุงลูกชิ้นในมือให้มัน


บิ๊กกี้ เป็นหมาจรจัดที่มานอนอยู่ที่โต๊ะม้าหินแถวๆหอเป็นประจำ ส่วนชื่อ “บิ๊กกี้”นั้นเราเป็นคนตั้งให้เองเพราะมันตัวใหญ่มากถ้าไม่ติดว่าที่หอห้ามเลี้ยงสัตว์ล่ะก็ป่านนี้เราคงจะเก็บมันไปเลี้ยงแล้วล่ะ แต่ทุกวันนี้ไม่เลี้ยงก็เหมือนเลี้ยงนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้เอาขึ้นไปอยู่บนห้องด้วยก็เท่านั้น วันว่างๆบางทีเราก็จับมันอาบน้ำแปรงขนดูสะอาดน่ารักขึ้นเป็นกอง คิดเอาไว้ว่าถ้าเราเรียนจบกลับบ้านเมื่อไหร่คงจะพามันกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันแม่คงจะชอบมันเหมือนที่เราชอบแน่
“นี่บิ๊กกี้แกว่าการเจอกันแบบบังเอิญนี่ถือเป็นพรหมลิขิตได้ไหม” เราพูดพลางลูบหัวเจ้าบิ๊กกี้ที่กำลังก้มหน้าก้มตากินลูกชิ้นอย่างเอร็ดอร่อย แต่หางของมันก็ยังคงกระดิกไปมาเหมือนรับรู้สิ่งที่เราพูด เรานี่ก็ท่าจะบ้าแฮะมานั่งคุยกับหมาแบบนี้ถึงมันอาจจะฟังรู้เรื่องแต่มันก็ตอบเราไม่ได้อยู่ดี
“เฮ้อ...”เราถอนหายใจให้กับตัวเอง เจ้าบิ๊กกี้ที่เพิ่งกินเสร็จกระโดดขึ้นมาเกาะขากระดิกหายดิ๊กๆมองหน้าเราที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอย่างแสนรู้น่ารักจริงๆนะ
“ประจบเก่งจริงนะแกนี่” เราได้แต่ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู



วันนี้เราไม่มีเรียนแต่ก็ต้องออกมาทำงานพิเศษอยู่ดี เฮ้อ...ถ้าไปถึงแล้วพี่นุชไล่ออกเราจะทำไงดีล่ะเนี่ยเราทำงานพิเศษอยู่ร้านอาหารแถวๆท่าพระจันทร์ใกล้กับมหาวิทยาลัย ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอไอ้เปิ้ลเพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันกำลังยืนเช็ดโต๊ะอยู่
“เฮ้ยเปิ้ลเมื่อวานพี่นุชว่าอะไรเปล่าวะ” เรารีบถามไอ้เปิ้ลทันทีที่เจอ ถ้าโดนไล่ออกจากที่นี่ล่ะก็เราคงแย่แน่ๆ
“เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กูไม่ได้บอกพี่เค้าไปอย่างที่มึงบอกหรอกนะ พาหมาหลงไปหาเจ้าของบอกไปพี่เค้าคงจะเชื่ออยู่หรอก กูเลยบอกไปว่ามึงท้องเสียพี่เค้าก็บ่นนิดหน่อยไม่ถึงขั้นไล่ออก” ไอ้เปิ้ลตอบไปเช็ดโต๊ะไป
“หรอ เออดี เหอะๆงั้นเดี๋ยวกูไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะเดี๋ยวออกมาช่วย แต๊งค์ว่ะ” พูดจบเราก็เดินตรงไปยังด้านหลังของร้านเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดฟอร์มใส่ทำงาน


เราและพนักงานในร้านคนอื่นๆต่างทำงานกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะช่วงเที่ยงๆเป็นปกติของร้านอาหารแถวนี้ที่จะขายดีเป็นพิเศษเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ลูกค้าโดยมากก็พวกนักศึกษานั่นแหละ พอเริ่มบ่ายพวกเราก็ค่อยได้นั่งพักกันบ้างเพราะลูกค้าเริ่มบางลง แต่ไม่นานเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งที่ประตูร้านก็ดังขึ้นเมื่อกลุ่มนักศึกษาสาวเปิดประตูเข้ามา เสียงรองเท้าส้นสูงดังก๊อกแก๊กเข้ามาเป็นจังหวะ
“สวัสดีค่ะ” เราเอ่ยต้อนรับลูกค้าตามปกติ
“แนน! ทำงานที่นี่หรอ” ลูกค้าคนหนึ่งในกลุ่มทักขึ้นเราจึงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง... ฟ้านั่นเอง
“อ้าวฟ้า อ๋อใช่ รับอะไรดี” เราถามแบบงงๆเล็กน้อย ทำงานที่นี่มาก็นานไม่เคยเห็นฟ้ามากินอาหารที่นี่เลย..หรือจะเคยแต่จำไม่ได้ก็ไม่รู้เนอะ
“เอาสเต็กปลา พวกเธอล่ะ” ฟ้าสั่งและหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆที่มาด้วยก่อนจะหันมาสั่งต่อ
“แล้วก็สปาเก็ตตี้กุ้ง สลัดทูน่า มักกะโรนีซีฟู้ด น้ำส้มปั่น3 น้ำมะนาวปั่น1 แค่นี้แหละ”
“รอสักครู่นะ” เมื่อรับออร์เดอร์จากลูกค้าเสร็จเรียบร้อยเราก็เตรียมจะหันหลังเดินเข้าไปในครัวแต่ก็ได้ยินเสียงฟ้าเรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวแนน วันนี้เลิกงานกี่โมงหรอ” ฟ้าถาม
“อืม..สี่โมงอ่ะ มีอะไรหรอ” เราตอบ
“งั้นฟ้ารอนะๆๆกลับด้วยกันนะ”
“ฮะ ก็ได้อยู่หรอก.. แล้วไม่ไปไหนกับเพื่อนต่อหรอ”
“ไม่อ่ะ ให้ฟ้ารอได้ไหม” ฟ้าถามทำหน้าบ้องแบ๊ว น่ารักโคตรแบบเว่อร์ๆ ท่าทางเราต้องบ้าแน่ๆเห็นแสงออร่าวิ้งๆรอบตัวฟ้าซะอย่างนั้น
“เอ่อ..งั้นตามสบายนะเดี๋ยวเราทำงานก่อน” เราบอกก่อนจะเดินเข้าไปในครัว จะบอกว่าไม่ให้รอมันก็ดูน่าเกลียดเกินไปใช่ไหมล่ะเนอะ


สี่โมงได้เวลาเลิกงานแล้ว เรากำลังจะเดินออกจากร้านก็เห็นฟ้ายังนั่งรออยู่ที่โต๊ะคนเดียวพร้อมกับน้ำที่หมดไปแล้ว 1..2...3..4แก้ว
“เอ่อ..ฟ้ารอนานไหม” ผมถามเมื่อเห็นแก้วเปล่าหลายต่อหลายแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าของฟ้า
“ไม่หรอก เลิกงานแล้วใช่เปล่า งั้นรอแป๊บนะ พี่คะคิดเงินค่ะ” เธอตอบก่อนจะหันไปเรียกพนักงานร้านมาคิดเงิน


วันนี้ฟ้าอยู่ในชุดนักศึกษาตัวเล็กพอดีตัว ไม่ได้รัดติ้วจนดูน่าเกลียด กระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเข้ากันดีกับรูปร่างผอมบางของเธอ ลอนผมสีน้ำตาลอ่อนถูกปล่อยสยายถึงกลางหลังมีเปียเล็กๆถักคาดอยู่ทำให้ไม่ดูยุ่งเหยิงจนเกินไป


“แปลกนะฟ้าก็มากินที่ร้านนี้บ่อยๆไม่เคยเห็นแนนเลย”


“นั่นน่ะสิเนอะ หรือเราอาจจะเคยเจอกันแต่จำไม่ได้ก็ได้มั้ง” เราตอบไปตามที่คิด


“สงสัยจะเป็นอย่างงั้นแหละ นี่ๆแนนไปเดินเล่นกันก่อนได้เปล่า” ฟ้าถาม
“ได้สิอยากไปไหนล่ะ แล้วไม่รีบกลับบ้านหรอ”
“ไม่อ่ะ เบื่อ กลับไปก็ไม่มีใครอยู่” ฟ้าตอบพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“อ้าวแล้วพ่อแม่ไปไหนล่ะ” เราถามอย่างสงสัย
“พ่อแม่ฟ้าไปทำงานที่อื่นน่ะ กลับไปก็อยู่คนเดียว แล้วแนนล่ะอยู่กับใครหรอ” เราชอบมองเวลาฟ้าพูดเพราะเธอจะทำหน้าแบ๊วแบบไม่ได้ตั้งใจดูเป็นธรรมชาติ เอ่อ น่ารักเป็นธรรมชาติน่ะ..


“เราอยู่หอคนเดียวน่ะ”


“เออจริงสิ ไหนๆก็ไม่รู้จะไปไหนอยู่แล้วแถมหอแนนก็อยู่ใกล้บ้านฟ้าด้วยงั้นฟ้าไปเที่ยวห้องแนนได้เปล่า”
“เอ่อ..ว่าแต่เราก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันมากมาย ไม่กลัวเราเหรอ” บอกตรงๆว่าเราไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย เธอเข้ามาแบบที่เราไม่ทันรู้ตัว จนน่าตกใจ..แต่ไม่กลัวหรอกนะ
“ไม่ๆนี่แนนรู้ป่ะฟ้าอ่ะชอบแนนมากเลยนะ ถ้ามีแฟนอย่างแนนก็คงดี คงไม่ทำให้ฟ้าเสียใจหรอกเนอะ” ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ผิดกับเราที่ได้แต่ยืนทำหน้างงๆ แถมแอบเขินในใจอีกต่างหากเธอคงแค่พูดเล่นๆล่ะมั้ง
“พิ่งรู้จักกันเนี่ยนะ พูดงี้จะขอเราเป็นแฟนเหรอ” เราแกล้งถามแบบขำขำ เพราะคิดว่าเมื่อกี้เธอคงจะแค่พูดเล่น
“ได้เหรอ งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” ฟ้าพูดหน้าตาจริงจังมากผิดกับเราที่ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าอยู่ดีๆจะถูกคนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้สองวันขอเป็นแฟนเอาดื้อๆแบบนี้ ถ้ามีกระจกป่านนี้เราคงเห็นหน้าตัวเองแดงไปถึงหูแล้วล่ะมั้งเนี่ย
“เฮ้ย! ขอกันดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ นี่ทำแบบนี้บ่อยไหมเนี่ย” เราถามแก้เขิน
“ไม่เคย ผิดตรงไหนล่ะรักใครชอบใครก็ต้องพูดออกไปสิ ฟ้าก็เป็นแบบนี้แหละ คนเราอ่ะจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ถ้าไม่บอกกันตอนนี้ไปบอกตอนที่สายเกินไปจะมาเสียใจทีหลังก็ช่วยอะไรไม่ได้”ฟ้าร่ายยาว เออยัยคนนี้ก็แปลกๆดีนะ เหอๆหน้าตาก็ดีไม่น่าเพี้ยนเล้ยแต่จะว่าไปที่เธอพูดมามันก็จริงอ่ะนะ แต่เราว่าชีวิตเรามันคงไม่ขนาดนั้นมั้ง


“ลืมอะไรไปรึเปล่า เราน่ะไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ฟ้าเคยคบหรอกนะ”


“แล้วใครบอกล่ะว่าฟ้าชอบผู้ชาย” เธอตอบได้หน้าตาเฉยมากๆ ไม่ชอบแล้วเมื่อวานที่เห็นเนี่ยใครจ๊ะเธอ


“อ้าวก็เมื่อวานนี้ยัง...”


“ไม่รู้สิ ฟ้าไม่ได้ชอบใครเพราะเค้าเป็นเพศไหนหรอก แต่จะชอบเพราะว่ามันคือตัวเค้า ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย”
“เหอะๆโอเค แล้วนี่จะไปห้องเราจริงๆหรอต้องนั่งรถเมล์นะ” เราถามย้ำอีกครั้ง เธอคงไม่ค่อยชินกับการโหนรถเมล์เป็นลิงเท่าไหร่
“ไปสิ วันนี้โทรบอกคุณลุงคนขับรถไว้แล้วว่าไม่ต้องมารับ”
“หรอ..อืม” ท่าทางจะไฮโซจริงยัยคนนี้ มีคนขับรถด้วย..แล้วนี่เราจะตามใจอะไรยัยคนนี้นักหนาเนี่ย…ใจง่ายจริงๆเลยเรา

แล้วในที่สุดฟ้าก็ตามมาที่ห้องเราจนได้ เธอทำตัวเป็นหนูน้อยจำไมถามนู่นถามนี่สนใจไปหมดทุกอย่าง เหมือนเด็กช่างสงสัยแต่ก็น่ารักดี ก็งี้แหละคนน่ารักทำอะไรก็ดูดี ถ้าเป็นหน้าตาอย่างเราไปทำตัวแบบนี้ที่ไหนบ้างคงโดนด่าว่าน่าคำราญไปแล้วแน่ๆ เราเองก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเธอบ้างเหมือนกัน เลยได้รู้ว่าเธอเรียนอยู่ปีสามเหมือนกันกับเราแต่คณะอักษรศาสตร์ ส่วนเราเป็นเด็กสถาปัตย์ ด้วยความสงสัยที่เห็นว่าวันนี้ฟ้าดูจะร่าเริงผิดกับเมื่อวานราวกับคนละคนเลยถามเธอไปว่าลืมเรื่องแฟนเก่าได้แล้วเหรอจึงได้คำตอบว่าเธอไม่ชอบเสียใจให้กับอะไรนานๆมันเสียเวลาเพราะคนเราต้องลุกขึ้นยืนได้ใหม่เสมอ เรานั่งคุยและนั่งตอบคำถามของเธออย่างไม่รู้จักเบื่อ จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินเผลอแป๊บๆก็มืดแล้วฟ้าจึงขอตัวกลับเราเลยอาสาเดินไปส่ง
“อุ๊ย! หมาน่ารักอ่ะ” พูดจบฟ้าก็เดินตรงเข้าไปหาเจ้าบิ๊กกี้ที่นอนอยู่ที่ประจำของมัน เธอเดินเข้าไปลูบหัวมันอย่างเอ็นดู
“มันชื่อบิ๊กกี้น่ะ” เราบอก
“น่ารักอ่ะ ตัวใหญ่จัง...ฟ้านะอยากเลี้ยงหมาแต่พ่อกับแม่ไม่ชอบน่ะบอกว่าสกปรก” ฟ้าพูดไปลูบหัวเจ้าบิ๊กกี้ไป ไม่ได้เว่อร์นะแต่มันช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ น่ารักทั้งคนทั้งหมาเชียวล่ะ
“เราก็อยากเลี้ยงแต่ที่นี่ห้ามเลี้ยงสัตว์น่ะ ถ้าชอบว่างๆก็แวะมาเล่นกับบิ๊กกี้บ่อยๆสิ” เราเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ได้หรอ งั้นฟ้ามาหาแนนทุกวันเลยดีกว่า^^”
“เหอะๆ เธอนี่แปลกชะมัด ป่ะกลับกันเถอะมืดแล้วเดี๋ยวไปส่ง”
“อื้ม แค่ตรงปากซอยก็พอนะเดี๋ยวฟ้าเดินกลับเองใกล้ๆแค่นี้เอง”
“อืมเอางั้นก็ได้”


...แปะ...แปะ...


“ฝนตกอีกแล้วน่าเบื่อจริงๆเลยหน้าฝนเนี่ย เดี๋ยวเราขึ้นไปเอาร่มมาให้นะ” เราพูดพร้อมกับทำท่าจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง แต่ฟ้าดึงมือเอาไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอก ทำไมคนเราต้องกลัวฝนด้วยก็ไม่รู้เนอะ ฟ้าอ่ะชอบหน้าฝนที่สุดเลย เย็นสบายจะตาย ป่ะ เดินตากฝนกันดีกว่า^^” พูดจบเธอก็เดินนำหน้าไปเราจึงเดินตามไปอย่างงงๆ(อีกแล้ว)รู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักกับฟ้าเราจะรู้สึกงงบ่อยๆ เธอมีอะไรให้แปลกใจอยู่เรื่อยเลย


“เธอนี่เพี้ยนจริงๆด้วยหึหึ”
“นี่เมื่อวานตอนเจอกันฝนก็ตกเนอะ”
“อืมนั่นสินะ...”
บางทีนี่อาจเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะที่ทำให้เราได้เจอกับ ฟ้า ผู้หญิงแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนที่ทำให้เรายิ้มได้บ่อยกว่าเคย แม้เราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับวันนี้ที่เธอทำให้เรามีความสุขมากกว่าทุกวัน..


โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า...


*********************************************************


จะแวะมาแปะเรื่อยๆเน้อ อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้แต่งไว้จนจบแล้ว ยาวมากกก555


ประมาณ80หน้ากระดาษ A4 ได้มั้งถ้าจำไม่ผิด อิอิ หวังว่าจะมีคนอ่านเน้อ



Free TextEditor




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2554
0 comments
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 15:43:13 น.
Counter : 295 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


hamstersom
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hamstersom's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.