|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถ้าหากคุณไม่ระวังอาจจะโดนอย่างผม!!!!!
โรคไวรัสตับอักเสบ เอ
เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งในสมัยก่อนมักพบค่อนข้างสูงในเด็กอายุระหว่าง 5-14 ปี โดยเด็กที่ป่วยมักไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง แต่ทำให้เกิดการสร้างภูมิคุมกันต่อโรคเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ปัจจุบัน การสาธารณะสุขดีขึ้นจำนวนเด็กที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบเอมีน้อยลง ส่งผลให้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ ซึ่งผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอ จะมีอาการรุนแรงกว่าผู้ป่วยเด็กอย่างเห็นได้ชัด
อาหารไม่สะอาด อาจเป็นสาเหตุของโรคไวรัสตับอับเสบเอ
ติดต่อกันได้ทางอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยผู้ป่วยจะขับถ่ายเชื้อออกมากับอุจจาระ ซึ่งถ้าไม่ถ่ายในส้วม ไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะไปสัมผัส หรือปรุงอาหารก็จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
โรคไวรัสตับอักเสบ เอ เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีตนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น สถานรับเลี้ยงเด็กที่มีสุขอนามัยไม่ดี โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนเด็กเล็กโรงเรียนประถม โรงอาหาร เป็นต้น นอกจากนั้นกลุ่มคนที่มีโอกาสรับเชื้อ หรือมีโอกาสเสี่ยงสูง ที่จะเป็นพาหะของโรคก็คือ เด็กๆที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่ดีพอ พ่อครัว แม่ครัว กลุ่มผู้ประกอบอาหาร พนักงานรักษาความสะอาด พนักงานเก็บขยะ หรือผู้ใหญ่ทั่วไปที่ไม่เคยไปรับเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ มาก่อน ดังนั้นจึงยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้
โรคไวรัสตับอักเสบ เอ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย
ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการประมาณ 15-50 วัน หลังได้รับเชื้อ อาการของโรคตับอักเสบจะคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเกิดจากไวรัสตับอักเสบ เอ หรือ บี โดยในระยะ 3-7 วันแรกจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บที่ใต้ชายโครงขวา ต่อจากนั้นจะมีปัสสาวะสีเข้มเหมือนสีชา บางคนอาจมีอุจจาระสีเหลืองซีดลง ไข้เริ่มลดลง ผู้ป่วยหยุดอาเจียนและเริ่มอยากอาหาร ในขณะเดียวกับที่สังเกตเห็นว่ามีตัวเหลืองตาเหลือง(ดีซ่าน)เกิดขึ้น อาการนี้จะเป็นอยู่ราว 1-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติในเวลาไม่เกิน 1-2 เดือนมีบางรายที่อาจมีดีซ่านรวมกับอุจจาระสีเหลืองซีด แต่ในที่สุดจะหายเป็นปกติไม่มีผู้ใดเป็นเรื้อรัง
การพักผ่อนคือการรักษาที่ดีที่สุด
การป้องกัน
1. การรักษาอนามัยที่ดี
2. ขับถ่ายในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
3. ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร
4. ควรเลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม
5. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้กับผู้ป่วย
การป้องกันที่ดีที่สุด และได้ผลดี คือการฉีดวัคซีน
ข้อมูลอ้างอิงมาจาก //www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no46-48/man1.htm ขอบคุณครับ
ปล. ผมโดนมากับตัวเองเลยรู้ว่ามันอาการหนักมาก ช่วงแรกมีไข้ ตัวร้อนมากประมาณ3-4วัน ไปหาหมอแถวบ้านโดดฉีดยา แก้ไข้หวัดใหญ่มา มันก็เหมือนจะหาย แต่พอตกกลางคืนกลับเป็นเหมือนเดิม พอตอนเช้ารู้สึกอยากกินน้ำแดง(เฮลบลูส์บอย)อย่างแรง พอกินเข้าไปก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ต่อมาอีก2-3ชั่วโมงก็ไปโรงบาลเลยครับอาการหนักมาก พอไปถึงก็อ้วกออกมาเป็นสีแดงๆ หมอพยาบาลตกใจกันใหญ่จะรีบพาไปห้องผ่าตัดเลย แต่ดีผมบอกหมอว่ามันเป็นน้ำแดงที่พึ่งกินเข้าไป
..หลังจากนั้นก็นอนโรงบาลอีก1สัปดา ช่วง3-4วันแรกที่อยู่โรงบาลหมอมาเจาะเลือดทุกวันแล้วบอกผมว่าเป็นอาจจะเป็นไข้เลือดออก(โดนเจาะวันละ4-5หลอดจนแขนข้างขวาไม่มีที่จะเจาะเลยครับ)
..อาการมันแบบว่าได้กลิ่นอาหารแล้วมันจะอ้วกไม่ว่าจะเป็นข้าวต้ม ข้าวสวย หรือโจ๊ก มันเหม็นไปทุกอย่างเลย ช่วงนี้ ไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่นมก็ตาม ได้ดื่มน้ำบ้าง ปวดท้องตลอดเวลาเลยต้องขอถุงน้ำร้อนตลอดเลยครับ(เหมือนปวดประจำเดือนมั้ง..ไม่รู้เหมือนกันผมเป็นผู้ชาย..แต่ผมปวดจริงๆนะไม่ได้พูดเล่น)
..ช่วงนี้ผมนอนร้องไห้ทุกคืนเลยมันทรมานมาก จนอยากคิดที่จะขอยอมตายๆไปดีกว่า(แต่คิดได้ว่ามีคนอีกหลายคนที่ทรมานกว่าเราเช่นโดนไฟลวก หรือโรคอื่นๆอีกมากมาย เราต้องทนให้ได้) พอมาถึงเช้าวันที่5หมอเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกผมว่าไม่ได้เป็นไข้เลือดออก ผมก็งงว่าไอ่ที่ผมเป็นมันเป็นโรคอะไรเนี้ย(ในใจคิด.....เอดส์แน่ๆกรู)
..หมอบอกผมว่าขอเจาะเลือดไปตรวจให้ละเอียดอีกที จัดไป4หลอด(ผมคิดในใจนะแล้วไอ่ที่เจาะไปทุกวันเนี้ยเอาไปทำไร)
..มันก็อดใจไม่ไหวก็เลยถามหมอไปว่าไอ่ที่เจาะๆไปเมื่อ3-4วันก่อนเอาไปทำอะไรครับ หมดก็บอกว่าเอาไปตรวจดูเม็ดเลือดว่ามันลดลงรึป่าว ก็เข้าใจแล้วว่าทำมั้ยมาเจาะบ่อยจัง ให้อภัยได้ พอตกเย็นก็รู้เรื่องเลยครับว่า เป็นไวรัสตับเสบ พอตื่นมาอีกวันก็ตัวเหลืองเลยครับ ตกใจอย่างแรงแต่พอหมอรู้แล้วว่าเราเป็นอะไร อาการต่างๆก็เริ่มหายไป หมอก็ให้วิตามินทุกวัน จนวันสุดท้ายก็ออกมาได้แต่ต้องกินยายาวเลยครับ แถมข้อดีของโรคนี้คือหลับได้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนเรียน เพราะมีใบรับรองแพทย์ ^_^
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพนะครับ
ใช่ๆอีกอย่างครับผมติดโรคนี้มาจากเพื่อน(ที่จริงผมไม่ชอบหน้ามันหรอกแต่มันดันรหัสข้างผมซะนี้)จะการรับน้องที่ต้องกินน้ำแก้วเดียวกัน ยังเจ็บใจอยู่เลยว่าทำมั้ยมันไม่บอกว่าเป็น
.. ตอนผมออกจากโรงบาลแล้วมันจะมีเชื้ออยู่3-5เดือน ตอนนั้นเราต้องระวังอย่าให้ติดคนอื่น แล้วคัยจะมากินอะไรกับผม ผมจะเตือนตลอดว่าไม่ได้เดี๋ยวจะติดไวรัส (แทบจะติดป้ายไว้ที่หน้าผากเลยละครับ) ต้องดูแลตัวเองและผู้อื่นด้วยนะครับ (เหมือนเอดส์เลยว่ามั้ย) ขอให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุ้มครองทุกคนนะครับ
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 5:45:24 น. |
Counter : 474 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หัวใจขนนก (F_lifetruth ) 13 กุมภาพันธ์ 2550 23:01:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ผมเป็นไวรัสตับอักเสบบีคับ
เป็นมาตั้งแต่ปี 38 ล่ะคับ รักษาสุขภาพให้ดีๆ นอนหลับพักผ่อน ทานอาหารที่มีประโชยน์ ออกกำลังกายบ้าง แล้วก้ออย่าเครียด ทำให้ร่างกายแข็งแรง ก้อจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขคับ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขกับการใช้ชีวิตนะคับ
เป็นกำลังใจให้คับ
take care