|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
จามจุรี : ไม้ยักษ์กับความผิดหวังและมหาราชาในดวงใจ
| | | |
ไม่ได้เข้าเน็ตมาเขียนบล๊อกเลย งานยุ่งๆครับ เลิกงานยังต้องไปดูบ้านที่ทำกำลังสร้างด้วย ไว้ใจช่างไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปดู ก็ชอบเอาความไม่เรียบร้อยหมกๆเอาไว้
บ้านหลังน้อยหลังแรกที่ผมจะปลูกเองนี้ ถึงจะเล็กๆตามกำลังข้าราชการ แต่ก็เป็นบ้านริมคลองสงบเงียบในฝัน ก็หวังไว้อย่างนั้นนะ ว่าจะสงบ ซึ่งตอนเลือกจะปลูก ป้าผมก็มีที่ดินให้เลือกสองที่ ผมเลือกตรงนี้เพราะชอบคลอง และที่สำคัญมันร่มรื่นเย็นสบาย เพราะข้างที่ริมคลองมีต้นก้ามปูหรือจามจุรีใหญ่โตขึ้นอยู่ ซึ่งตอนจะปลูกบ้าน ผมถามเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นคนทรงชื่อดัง เขาบอกผมว่า ที่แปลงหนึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ เป็นที่สถิตย์ของสิ่งเหนือธรรมชาติที่จะช่วยดูแลปกป้องผู้อยู่อาศัยให้ปราศจากภัยร้ายแผ้วพาน จริงๆผมก็ไม่สนใจอะไรอย่างนี้เท่าไร แต่ก็เป็นสิ่งช่วยสนับสนุนให้เลือกที่จะปลูกบ้านตรงนี้
จามจุรีต้นนี้ ช่วงกลางลำต้นสูงจากพื้นประมาณสองเมตร เป็นแง่งขนาดใหญ่มาก ผมกะเอาไว้ว่าจะสร้างบ้านต้นไม้เล็กๆแบบเป็นเทอเรสไว้นั่งเล่นเย็นๆริมคลอง ซึ่งเป็นความฝันของผมสมัยเด็กๆเลยทีเดียว
แต่เพราะว่ากิ่งหนึ่งอยู่ในตำแหน่งหลังคาบ้านพอดี ก็เลยให้ช่างตัดกิ่งนั้นลง ต้องตัดครับ เพราะถึงจะร่มเย็น แต่กิ่งจามจุรีเปราะ ถ้ามีพายุลมแรง มันอาจหักลงมาทับหลังคาบ้านได้ ช่างตัดกิ่งไม้ที่ผมขอแล้ว ผมก็สบายใจกลับบ้านไป
กลับมาอีกที ต้นไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของความฝันผม เหลือแต่ตอ.. นี่มันอะไรกันนี่
คนงานชำแหละไม้ในฝันผมเป็นท่อนๆ ต่อหน้าต่อตาเจ้าของบ้าน เขาก็ตกใจที่ผมมาเห็นพอดี แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่มีผมอยู่ตรงนั้น อยากจะวีนแตกซะตรงนั้นเลยว่า ทำอะไรกันกับต้นไม้ของผม ทำอะไรกัน แต่ก็ต้องสงบจิตสงบใจเอาไว้ ท่องอยู่ในใจหลายจบเหมือนกันว่า "ต้นไม้โดนตัดไปแล้ว" "ตัดไปแล้ว" ... และผมไม่ควรใช้อารมณ์กับช่างที่ปลูกบ้านให้ เพราะมันจะมองหน้ากันไม่ติด และคุยกันยากต่อไป เพราะบ้านผมยังไม่เสร็จ สัญญาก็เซ็นกันแล้ว และปฏิสัมพันธ์ที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น เอาว่าเรื่องนี้ก็คงต้องทำแบบการต่างประเทศ คือยื่นประท้วงว่าทำแบบนี้ไม่ถูก แต่ก็ต้องยิ้มไว้ ยิ้มเข้าไว้ จะเอาแบบที่ พธม.เรียกร้องไม่ได้ เพราะการก่อสงครามใช้แต่อารมณ์แบบที่ พธม.ร้องขอนั้นเป็นเรื่องควายๆที่อารยะประเทศเขาไม่ทำกัน มีแต่จะเสียหาย เหมือนฆ่าตัวตาย ก็นะครับ.. นโยบายต่างประเทศไม่ใช่เรื่องจะมากำหนดกันข้างถนน การทำตัวเป็น พธม. จึงไม่ใช่เรื่องของอารยชนผู้มีปัญญาเขาทำกัน เก็บความผิดของผู้รับเหมามาเป็นข้อต่อรองสำหรับการอื่นดีกว่าครับ เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อนไม่ใช่แค่เรื่องละเมิดและลักทรัพย์ มันไม่ใช่เลย ผมคงทำได้แค่บอกตัวเองว่า บ้านต้นไม้ในฝัน และที่ดินร่มเย็น คงต้องรอต่อไป
ต้นจามจุรีแถวบ้านพ่อผมที่อุตรดิตถ์เขาปลูกเอาไว้ให้ตัวครั่งเกาะทำรัง แล้วเก็บเอาไปขายเพื่อทำครั่งทาไม้ สีย้อมไม้ แต่จามจุรีในความทรงจำของผม เป็นสัญลักษณ์ของความสงบและร่มเย็น ทุกครั้งที่ได้นั่งอยู่ใต้ต้นจามจุรี ผมจะรู้สึกสงบอย่างประหลาด สมัยเด็กเวลาเบื่อๆหรือมีปัญหา ถ้าไม่ไปหาเพื่อนเพื่อเปลี่ยนความซึมเศร้าเป็นความสนุกสนาน ผมก็จะแอบมานอนเล่น แถวดงต้นจามจุรีที่โรงทอผ้า ซึ่งตอนนี้เป็นที่ตั้งหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ที่ 34
จามจุรีที่นี่มีมากมายหลายต้นเป็นป่าเลยครับ เย็นสบายเงียบสงบมากๆ ผู้คนไม่ค่อยมี มานอนเล่นสบายๆ และการได้มีเวลาอยู่กับตัวเองนี่เอง ที่จะทำให้เราได้ยินเสียงหัวใจของเรา และเราเองจะตอบตัวเราว่า อะไรคือความว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้น และสุดท้าย เราจะรู้เองว่าจะจัดการกับมันได้อย่างไร
จามจุรี เป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันทั่วไป อาจพบเห็นได้ตามริมถนน วัด หรือสถานที่ราชการต่างๆ เข้าใจว่ามิสเตอร์ เอช เสลด (Mr. H. Slade.) อธิบดีกรมป่าไม้คนแรกได้นำพันธุ์จากประเทศพม่ามาปลูกเป็นครั้งแรกที่ทำการป่าไม้เขตเชียงใหม่ ประมาณปี พ.ศ. 2443
บ้างก็ว่า ต้นจามจุรีต้นแรกในประเทศไทยปลูกอยู่ภายในโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยบาทหลวงรอมิเอล ซึ่งเป็นนักบวชที่อยู่ในวัดอัสสัมชัญ เป็นผู้นำพันธุ์มาจากเมืองไซง่อน ประเทศเวียดนาม
และบ้างว่ารัชกาลที่ 5 ทรงนำเมล็ดมาจากชวา เมื่อครั้งเสด็จประพาสชะวา รุ่นๆกับไม้มะฮอกกานีจากยุโรป
ต่อมาจามจุรีจึงได้นำไปปลูกตามถนนกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อย่างแพร่หลายเนื่องจากเป็นไม้โตเร็วเรือนยอดแผ่กว้างให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ทางภาคเหนือนิยมปลูกเลี้ยงครั่ง อาจกล่าวได้ว่าวัตถุประสงค์ของการนำเข้าไม้จามจุรีเข้ามาในประเทศตั้งแต่เดิมนั้นมาในลักษณะไม้ประดับ และให้ร่มตลอดจนปลูกเพื่อใช้เลี้ยงครั่งเท่านั้น ผู้ปลูกมิได้มุ่งหวังที่จะใช้เนื้อไม้ชนิดนี้ไปเป็นประโยชน์ในด้านการค้าเลยทั้งนี้เนื่องจากไม้จามจุรีเป็นไม้ไม่สู้แข็ง ผุง่าย จึงไม่มีผู้นิยมใช้ในการก่อสร้าง เพราะในขณะนั้นประเทศไทย ยังมีไม้ที่มีคุณภาพดีกว่าอยู่มากมายทั้งที่ความจริงตลาดต่างประเทศต้องการเนื้อไม้จามจุรีนานแล้ว เช่น ฮ่องกง ซึ่งสั่งซื้อโดยตรงจากประเทศฟิลิปปินส์ ครั้นเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้นจามจุรีในฟิลิปปินส์จะมีเสก็ดระเบิดของกระสุนลูกปืนอยู่ตามลำต้นไม้เป็นจำนวนมาก ประเทศผู้รับซื้อจึงหันมาซื้อจากไทยซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ราคาครั่งในเมืองไทยประสบภาวะปัญหาราคา ต่ำลง ดังนั้นเมื่อเนื้อไม้สามารถขายได้ราคาดีกว่าประกอบกับความต้องการที่จะเปลี่ยนชนิดพืชเศรษฐกิจไปเป็นพืชอื่น ชาวสวนครั่งทางภาคเหนือของไทยจึงตัดฟันไม้จามจุรีลงเพื่อขายเนื้อไม้ในราคาไม้ท่อน ซึ่งราคาดีกว่า จึงพบว่าพื้นที่สวนจามจุรีเพื่อการเลี้ยงครั้งทางภาคเหนือได้ลดลงมาก จนเหลือเพียงเล็กน้อยในปัจจุบันทั้งที่ความต้องการใช้เนื้อไม้จามจุรีเพื่อการแกะสลักในประเทศไทยได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ สาเหตุหนึ่งเนื่องจากการขาดแคลนไม้สักในการแกะสลัก และไม้สักมีราคาแพง ผู้ผลิตจึงหันมาใช้ไม้จามจุรีซึ่งสามารถหาได้ในชนบท และราคาถูกกว่าไม้สักมาก เนื้อไม้ยังมีสีสวยเหมาะในการทดแทนไม้สักในอุตสาหกรรมไม้แกะสลัก
จามจุรีเป็นพืชตระกูลถั่ว (Family Leguminosae) อนุวงศ์สะตอ (Sub-Family Mimosaceae) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Samanea saman Jacq Merr. ส่วนชื่อที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยได้แก่ จามจุรี ก้ามกลาม จามจุรีแดง ก้ามปู ก้ามกุ้ง (ไทย) ฉำฉา สารสา สำลา ตุ๊ดตู่ ลัง (พายัพ) ในภาษาอังกฤษชื่อที่เรียกกันแพร่หลาย คือ Rain tree ซึ่งน่าจะมาจากนิสัยของต้นไม้ชนิดนี้โตเร็วผิดกับต้นไม้อื่นๆ คือ เมื่อฤดูฝนผ่านไปครั้งหนึ่งต้นไม้ชนิดนี้โตเร็วผิดกับต้นไม้อื่นๆ คือ เมื่อฤดูฝนผ่านไปครั้งหนึ่งต้นไม้นี้จะโตขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ชัด จามจุรีเป็นไม้ผลัดใบโตเร็วต่างประเทศ เรือนยอดแผ่กว้างคล้ายรูปร่มเรือนยอดสูงประมาณ 40 ฟุต สูง 20 30 เมตร เปลือกสีดำ แตกและร่อนลักษณะเนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม แก่นสีดำ แตกและร่อนลักษณะเนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม แก่นสีดำคล้ำคล้ายมะม่วงป่าหรือวอลนัท เมื่อนำมาตกแต่งจะขึ้นเงาเป็นมันแวววาวนับเป็นพรรณไม้ที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ กำลังของไม้มีความแข็งแรงเท่าเทียมไม้สมพง แต่มีลักษณะพิเศษคือมีกำลังดัดงอ (bending strenght) สูงมาก และความชื้นในเนื้อไม้สูงทั้งต้นของจามจุรีมีสารพวกแอลคาลอยด์ (alkaloid) ชื่อพิธทิโคโลไบ (piththecolobine) ที่มีพิษใช้เป็นยาสลบ
- จามจุรีเป็นแม่ไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่งได้ผลดีมากชนิดหนึ่งโดยเฉพาะชนิดที่มีดอกสีชมพูเปลือกสีเทาดำ ใบเขียวเข้ม ครั่งจะจับได้ดี ไม้ชนิดนี้สามารถเลี้ยงครั่งทั้งรอบฤดูร้อนและฤดูฝน แต่ผลผลิตครั่งที่ได้ปริมาณมาก คือ ครั่งที่ตัดเก็บในเดือน พฤศจิกายน ธันวาคม คุณภาพของครั่งไม้ก้ามปูมีทั้งชั้นคุณภาพ A และ B ผลผลิตครั่งที่ตัดเก็บได้ประมาณ 5 10 กิโลกรัม ต่อต้นเมื่ออายุ 6 ปี ในเนื้อที่ 1 ไร่ หากต้นจามจุรีมีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจะได้ผลผลิตครั่งประมาณ 10 50 กิโลกรัม ต่อต้นหรือมากกว่านั้น (น้ำหนักครั่งดิบ)
- เป็นอาหารสัตว์ ใบและฝักมีคุณประโยชน์มาก สำหรับ วัว ควาย ซึ่งมักจะชอบกินใบเขียวและใบอ่อน ฝักจะมีเนื้อที่มีสีน้ำตาลกล่าวว่าถ้าเลี้ยงแม่วัวที่รีดนม ทำให้นมมีคุณภาพดีขึ้น ฝักแก่ราวเดือนมีนาคม สามารถเก็บรักษาไว้เลี้ยงวัวควายได้ในกรณีหาหญ้าฟางได้ยากหรือมีราคาแพง ส่วนผสมของฝักมีคุณค่าดีเท่ากับหญ้าแห้งในการใช้เลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้เนื้อในของฝักแก่ที่มีสีน้ำตาลยังสามารถใช้หมักเพื่อผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ปรากฏว่าฝัก 100 กิโลกรัม จะได้แอลกอฮอล์ราว 11.5 ลิตร และฝักนั้นมีผู้นำไปใส่น้ำต้มรับประทานแบบน้ำชา มีรสหวาน ประแล่มๆ
- ปรับปรุงสภาพดินเลวให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นพืชตระกูลถั่วจึงมีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพของดินให้ดีขึ้น ใบใช้ทำปุ๋ยหมักได้ โดนเฉลี่ยมีไนโตรเจนถึงร้อยละ 3.25
- เป็นไม้ประดับยืนต้น ที่สวยงามเนื่องจากเรือนยอดแผ่กว้างทั้งยังให้ร่มเงาที่ร่มเย็น เนื่องจากใบเป็นใบประกอบแบบผสมแบบขนนก ค่อนข้างใหญ่และอยู่ชิดกัน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินใบจะหุบเข้าหากันครั้นรุ่งเช้าก็จะคลี่ขยายใบออก เพื่อเป็นการช่วยให้น้ำค้างที่ดินอยู่ตามกิ่งก้านหยดลงถึงพื้นดิน บรรดากล้วยไม้ที่เกาะติดอยู่ตามลำต้นและเฟิร์นที่อยู่ตามพื้นดินภายใต้ร่มเงาของจามจุรีจึงเจริญเติบโตได้ดี
- คุณสมบัติทางด้านเคมี ต้นจามจุรีมีสารจำพวกแอลคาลอยด์ ซึ่งมีชื่อว่า พิธทิโคโลไบพบตามเปลือก ใบ เมล็ดและเนื้อไม้ แต่ที่ใบมีสารที่เป็นพิษอยู่มากเพราะประกอบด้วยแอลคาลอยด์ที่เป็นพิษอยู่มากเพราะประกอบด้วยแอลคาลอยด์ที่เป็นน้ำมัน อนุพันธ์ที่สังเคราะห์ได้จะไปตกผลึกพิธทิโคโลไบเป็นแอลคาลอยด์ที่มีพิษเป็นยาสลบซึ่งมีคุณสมบัติไปทำลายปลายประสาท
จามจุรีเป็นต้นไม้ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และต้นไม้ประจำจังหวัดลำพูน
เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคณะต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงต้องโค่นต้นจามจุรีเพื่อสร้าง ตึกใหม่ ต้นจามจุรีจึงลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงรับสั่งว่าต้นจามจุรีมีความผูกพันกับคนแถวนี้มาก หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ปลูกจะเสด็จพระราชดำเนินมาปลูกต้นจามจุรีเอง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของต้นไม้ชนิดนี้กับสังคมไทย
สำหรับผมแล้ว หากนึกถึงจามจุรี ผมจะคิดถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยทำงานอยู่แถวๆนั้นหล่ะครับ ก็เลยออกจะผูกพันกับสยามและอะไรแถวๆนั้นเป็นพิเศษ(โดยเฉพาะของกินอร่อยๆและการดูหนังฟรี) ที่คิดถึงนี่ไม่ได้คิดถึงในแง่ดีหรอกนะครับ คิดถึงด้วยความคับข้องใจกับมหาวิทยาลัยที่หลงว่าตัวเองเป็นอับหนึ่งของประเทศไทย แต่ก็อย่างที่เห็นละครับ กำลังถูกมหาวิทยาลัยอื่นแซงหน้าขึ้นมาเป็นลำดับ ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยไฮโซอภิสิทธิชนแห่งนี้มีพร้อมทุกอย่าง โดยเฉพาะเงินทองมากมายมหาศาลจากผลประโยชน์รอบมหาวิทยาลัย ซึ่งมากจนต้องตั้งหน่วยงานชื่อ สำนักงานทรัพย์สินส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นมาดูแลผลประโยชน์โดยเฉพาะเลยทีเดียว
แต่ถึงวันนี้ผมจะไม่ชอบมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่าไร แต่ผมศรัทธาในองค์ผู้ให้กำเนิดเป็นอย่างมาก นั่นก็คือร้นเกล้าสมเด็จพระปิยะมหาราชรัชกาลที่ 5 นั่นเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ที่ขึ้นแท่นในดวงใจของผม อีกสององค์ก็มีพระยาลิไท และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่สามพระองค์นี้ขึ้นแท่นสำหรับผม ก็เพราะศรัทธาในชั้นเชิงวิเทโสบายการปกครองประเทศของพระองค์ พระยาลิไทกษัตริย์องค์ที 6 แห่งกรุงสุโขทัย นั้นขึ้นครองกรุงสุโขทัยในยุคที่สุโขทัยเริ่มเสื่อมลงแล้ว จากการเติบโตแทนที่ของอาณาจักรทางใต้ แต่พระองค์ก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อรักษาความมั่นคงมั่งคั่งของอาณาจักรเอาไว้ โดยสร้างฐานพระราชอำนาจใหม่จากระบบพ่อปกครองลูก เป็นระบบธรรมราชา โดยผนวกการปกครองเข้ากับความเชื่อทางศาสนา นำพระองค์เข้าสู่โพธิสัตว์ในกายมนุษย์ จึงกลายเป็นที่เคารพศรัทธา จนสามารถสร้างกำลังอำนาจให้กับพระองค์ได้ จนสามารถพัฒนาบ้านเมืองได้จนกลายเป็นยุคเฟื่องฟูทางด้านศิลปะวิทยาการของสุโขทัย และในยุคนี้เองพระยาลิไทเสด็จมาปกครองอาณาจักรที่เมืองพิษณุโลก ทำให้พิษณุโลกกลายเป็นเมืองหลวงคู่ขนานกับเมืองสุโขทัย และสร้างความเจริญให้กับเมืองพิษณุโลกเป็นอันมาก และพระพุทธชินราชก็ถูกสร้างขึ้นในสมัยนี้นี่เอง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็อย่างที่เราทราบๆกันถึงวีรกรรมในการกู้ชาติกู้แผ่นดินของท่าน แต่ผมสนใจในส่วนอื่นมากกว่า ซึ่งก็ทราบกันดีนะครับ ว่าท้ายที่สุด อาณาจักรสุโขทัยก็พ่ายแพ้ให้แก่ขอมสยม หรืออโยธยาศรีรามเทพนคร ซึ่งตำราไทยบอกว่าเป็นมหาอาณาจักรของคนไทย แต่ตำราฝรั่งเขาบอกว่าคนไทยนั่งเทียนเขียนประวัติศาสตร์เพื่อหวังผลทางการเมือง ฝรั่งเขาว่าอโยธยา เป็นอาณาจักรของขอมเผ่าสยม ก็เลยตั้งชื่อประเทศว่าสยมหรือสยาม และนั่นเป็นคำตอบของคำถามว่าทำไมราชสำนักถึงพูดราชาศัพท์เป็นคำเขมร
แต่จะว่าสุโขทัยพ่ายต่อขอมอโยธยาเลยทีเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะขุนนางราชสำนักสุโขทัย และเชื้อพระวงศ์สุโขทัยก็ไปเป็นใหญ่เป็นโตในราชสำนักอโยธยามากมาย และสุโขทัยก็มีอำนาจทางการเมืองสูงในอโยธยา จนในยุคเริ่มต้นของอโยธยา กษัตริย์สยามต้องมีชายาเป็นคนในราชวงศ์สุโขทัย และรวมไปถึงราชวงศ์จากเมืองที่มีฐานอำนาจแข็งแกร่งด้วย คือ อู่ทอง และสุพรรณภูมิ แบบที่เราได้เห็นกันในหนังสุริโยทัยนะหล่ะครับ การแต่งงานโดยให้กษัตริย์มีสายเลือดจากอาณาจักรที่มีอำนาจทางการเมืองสูงๆเป็นวิธีการรวมชาติที่นิยมทำกันในสมัยโบราณ
แต่สุดท้ายสายเลือดกษัตริย์จากอาณาจักรสุโขทัย ก็สามารถเข้ามาทวงความเป็นใหญ่ครองอโยธยาได้สำเร็จในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวร และก็คิดดูนะครับ ว่าการก้าวเข้ามามีอำนาจของสมเด็จพระนเรศวร ท่ามกลางขุนนางราชสำนักอโยธยา มันจะได้รับการต่อต้านขนาดไหน แต่พระองค์ก็เอาชนะเหล่าขุนนางเหล่านั้นได้ ด้วยการปกครองบ้านเมืองด้วยความเฉียบขาดตามระบอบทหาร เรียกว่าในสมัยของพระองค์บ้านเมืองอยู่ในกฏอัยการศึกตลอดเวลา ตัดหัวขุนนางเป็นว่าเล่นเอางั้นนะครับ แต่หากไม่ทำเช่นนั้น ก็ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้จริงๆ และพระองค์ก็พิสูจน์แล้วว่า พระองค์นำพาประเทศชาติได้
มาถึงพระปิยะมหาราชบ้างนะครับ ก็เฉกเช่นทุกสมัยที่ผ่านมา คือประเทศไทยตั้งแต่ครั้งบรรพกาลมา การปกครองประเทศถูกครอบงำโดยกลุ่มขุนนาง และพระมหากษัตริย์มักไม่มีอำนาจการปกครองประเทศแท้จริงนัก แต่ยุคสมัยของพระปิยะมหาราช เป็นยุคแห่งสมบูรณายาสิทธิราชโดยแท้จริงๆ พระองค์ได้วางวิเทโสบายช่วงชิงอำนาจจากเหล่าขุนนาง รวบอำนาจการปกครองได้สำเร็จ จนกลายเป็นมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินในที่สุด ซึ่งกระบวนการสร้างอำนาจของพระองค์นั้นเริ่มมาตั้งแต่พระราชบิดารัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงปูพื้นฐานในการเข้าไปมีอำนาจในศาสนจักร การใช้ศาสนจักรเป็นฐานอำนาจของพระองค์ พอถึงรัชการที่ 5 พระองค์ทรงนำระบบเจ้านายทรงกรมมาใช้ คือการตั้งให้เชื้อพระวงศ์ทรงมีกองงาน มีข้าราชการไพร่พลในสังกัด เพื่อสะสมอำนาจในฝ่ายเชื้อพระวงศ์ การยกเลิกทาสเพื่อตัดทอนกำลังคนในฝ่ายขุนนาง การนำระบบการเกณฑ์ทหารมาใช้แทนระบบไพร่สมมูลนายเพื่อรวบอำนาจทหารมาที่พระองค์และตัดอำนาจของมูลนายสิ้น การนำระบบภาษีมาใช้เพื่อตัดสายการเงินของเหล่าขุนนาง การสร้างทางรถไฟเพื่อการริดรอนอำนาจของเจ้านายหัวเมืองห่างไกลต่างๆ การนำระบบการสอบเข้ารับราชการมาใช้ ท้ายที่สุดอำนาจการปกครองประเทศจึงได้ถ่ายเทจากขุนนางมาสู่พระองค์ พอไม่มีขุนนางมาคอยคัดค้านนโยบายต่างๆที่ขัดต่อผลประโยชน์ของตนเอง พระองค์จึงสามารถกำหนดนโยบายต่างๆได้อย่างเต็มที่ และนำพาประเทศสยามในสมัยนั้นสู่ความเจริญเทียบชั้นกับญี่ปุ่นในยุคสมัยเดียวกันเลยทีเดียว
แต่น่าเสียดาย ที่กองทัพและระบบราชการที่พระองค์สร้างขึ้นนั้น ใหญ่โตและทรงอำนาจมากเกินไป กลายเป็นว่าเมื่อกำจัดระบบอำนาจขุนนางเก่าแก่ลงได้ ก็เกิดระบบอำนาจของขุนนางในระบบราชการใหม่ขึ้นมาแทนที่ ท้ายที่สุดระบบขุนนางใหม่นี้จึงได้ทำการยึดอำนาจการปกครองในที่สุด ในสมัยรัชกาลที่ 7 และกลุ่มขุนนางในแวดวงทหารนี้เอง ได้ครองประเทศเรื่อยมา แม้ว่าประเทศของเราจะได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยก็ตาม แต่ผู้นำประเทศในทุกยุคทุกสมัย ถ้าไม่เป็นแกนนำกลุ่มขุนนางยุคใหม่นี้เสียเอง ก็จะเป็นเพียงหุ่นเชิดเพียงเท่านั้น ผู้นำคนใดขัดขืนไม้เห็นประโยชน์ของคนกลุ่มนี้เป็นที่ตั้ง หรือเห็นประโยชน์ของประชาชนมากกว่าประโยชน์ของเหล่าขุนนาง ก็จะสร้างข่าวให้ร้ายทำลายให้เสียหายแล้วทำการรัฐประหารเสีย กลายเป็นวงจรอุบาดไม่สิ้นสุดของประเทศของเราจนทุกวันนี้
ก็หวังใจว่าสักวันประเทศไทยจะมีผู้นำที่เก่งกาจเหมือนล้นเกล้าในดวงใจของผมและก็คงในใจของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อสามารถล้มขุนนางเหล่านี้ลงได้สำเร็จในสักวัน ก็หวังใจไว้อย่างนั้น ที่แน่ๆก็คือ หากปล่อยให้ต่อไป มีระบบ สส. แต่งตั้ง สว. แต่งตั้ง นายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และการก่อสงครามไม่สิ้นสุดกับประเทศเพื่อนบ้าน แบบที่ พธม. วาดฝันเอาไว้ โดยตั้งสมมุติฐานว่าคนไทยโง่เหง้ามีเขาบนหัว ไม่สมควรเลือกตัวแทนไปปกครองประเทศนี้จริงๆละก็ บ้านเมืองของเราก็คงตกอยู่ใต้อุ้งตีนของระบบขุนนางสมัยใหม่ไปอีกนานเท่านานชั่วลูกชั่วหลาน ในตอนนี้ไม่มีระบบการปกครองใดดีไปกว่าประชาธิไตย ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเลือกตั้ง ทั่วโลกพิสูจน์แล้ว อย่าคิดว่าประชาธิปไตยครึ่งใบแบบไทยๆเป็นของดี เพราะหากดีจริง ประเทศไทยซึ่งเคยเจริญเทียบชั้นกับญี่ปุ่นในสมัยหนึ่ง คงเจริญก้าวหน้าไปนานแล้ว ไม่ด้อยพัฒนาดักดานอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนประเทศไทยแล้วครับ เพราะถ้าไม่เปลี่ยน เราจะนับถอยหลังสู่หายนะ
และการจะเปลี่ยนประเทศ ก็ไม่ยากอะไรเลย แค่ไปเลือกตั้ง เลือกคนที่คุณคิดว่าจะให้ประโยชน์กับคุณได้มากที่สุด และต่อต้านใครก็ตามที่คัดค้านผลการเลือกตั้ง หรือพยายามจะให้ใครก็ตามที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ปกครองประเทศ และใครก็ตามที่จะเอาทหารมากุมอำนาจแทนรัฐบาลประชาชน มันก็เท่านี้ครับ อย่าต่อต้านการเลือกตั้ง เพราะมันบ่อนทำลายระบอบการปกครองที่อำนาจเป็นของปวงชน และมีแต่ควายเท่านั้น ที่คิดว่าการเอาคนที่ประชาชนไม่ได้เลือกเข้ามาปกครองประเทศเป็นของดี และสุดท้ายอย่าโนโหวด เพราะโนโหวดเมื่อไร พธม. จะเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อออกมาต่อต้านรัฐบาลจากการเลือกตั้ง และปูทางให้ทหารออกมากุมอำนาจเบ็ดเสร็จอีกครั้ง ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีเขาบนหัวแบบที่ พธม.เขาคิดกันนะครับ เรามีศักมีศรีมีสมองพอจะเลือกตัวแทนของเราเข้าไปปกครองพวกเรา เราคงไม่ยอมให้ใครมาเลือกแทนเราใช่ไหมครับ
| | | | |
Create Date : 24 เมษายน 2554 |
Last Update : 25 เมษายน 2554 18:48:02 น. |
|
26 comments
|
Counter : 3696 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Katai_Akiko วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:11:31:46 น. |
|
|
|
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:11:57:53 น. |
|
|
|
โดย: Patteera วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:12:03:05 น. |
|
|
|
โดย: LuPaNG IP: 202.183.133.100 วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:14:11:29 น. |
|
|
|
โดย: Calla Lily วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:16:20:19 น. |
|
|
|
โดย: ooy (ooybangyom ) วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:23:49:48 น. |
|
|
|
โดย: newyorknurse (newyorknurse ) วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:9:27:43 น. |
|
|
|
โดย: yokyok IP: 58.8.166.4 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:12:12:49 น. |
|
|
|
โดย: newyorknurse (newyorknurse ) วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:15:27:56 น. |
|
|
|
โดย: the mynas วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:18:47:17 น. |
|
|
|
โดย: Fiyero_Akitia IP: 202.171.168.100 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:19:12:38 น. |
|
|
|
โดย: บ่งบ๊ง วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:21:31:23 น. |
|
|
|
โดย: lastmoon วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:10:56:34 น. |
|
|
|
โดย: pim(พิม) วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:14:36:46 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:23:52:28 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:14:04:47 น. |
|
|
|
โดย: มะโรง วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:12:35:01 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 IP: 223.206.174.191 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:20:37:18 น. |
|
|
|
โดย: PlufflyMan วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:0:35:22 น. |
|
|
|
โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:40:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ได้เห็น login นี้นานแล้วคิดถึงอยู่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่เล่น เนต แล้วหรือไร แต่วันนี้พอเห็นแวะมาเยี่ยมที่บ้าน ให้รู้สึกดีใจอย่างมากมาย กลับมาเล่นเนตอีกแล้วใช่ใหมคะ ชอบอ่านที่คุรเขียน เพราะได้ความรู้อย่างมากมาย อย่างวันนี้ก็เหมือนกันเขียนเหมือนเขียนเล่น แต่แทรกความรู้ไว้ให้อ่านจนจุใจ ขอบคุณนะคะ
แล้วก็เสียใจด้วยนะคะที่ต้นจามจุรีถูกตัดซะเหลือแค่นั้น คุณพนักงานทำบ้าน ก็ช่างเก่งกับการตัดสินใจแทนเราซะหลือเกินนะคะ เผลอคงจะคิดแบบเอาบุญเอาคุณซะด้วยมังว่า เหลือไว้ให้เท่านี้น่ะดีแค่ใหนแล้ว
ที่บ้านก็มีอยู่ หนึ่งต้นปลูกอยู่หน้าบ้าน เห็นมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆ คราวที่แล้วผ่านไปที่บ้าน ปรากฎว่าถูกตัดทิ้งซะแล้ว เพราะกลัวกิ่งจะหักลงมาถูกคนเดินทางและรถที่วิ่งผ่านทางถนน ได้แต่ทำตาปริบๆ จะโวยวายหรือก็ไม่เหลือซากอะไรให้เห็นแล้ว ได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลย เสียดายต้นไม้ใหญ่ๆนะคะ ที่ค่อยๆหมดลงไปเพราะถูกตัดทิ้ง แต่ไม่ได้ปลูกแทนคืนเลย