กวาวเครือแดง ประโยชน์สรรพคุณและงานวิจัยข้อดีข้อเสียชื่อสมุนไพร กวาวเครือแดง ชื่อประจำถิ่น กวาวเครือ (เหนือ) จานเครือ (อีสาน) ตานจอมทอง (ชุมพร) โพตะกุ , โพมือ (กะเหรี่ยง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Butea superba Roxb ชื่อวงศ์ Leguminosae วงค์ย่อย Papilonaceae พบอยู่มากมายในบริเวณที่ราบเชิงเขา และ ตีนเขาป่าเต็งรัง ภูเขาหินปูน ในบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ไม่หนาแน่นนัก พบได้มากอยู่เป็นกรุ๊ปๆภายในป่า อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสาเหตุ หมายถึง ติดฝักได้น้อย ฝักมีขนาดใหญ่ ทำให้แพร่ขยายตำแหน่งเดิมได้ยาก ต้นกวาวเครือแดง ที่สร้างพุ่มเอง จะมีลักษณะเตี้ย ส่วนต้นที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ใหญ่จะแตกกิ่งไปถึงยอดไม้ ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือแดงกวาวเครือแดงอยู่ในจำพวกไม้เลื้อย เป็นเถาวัลย์ เนื้อแข็ง มักชอบพาดขึ้นกับต้นไม้ใหญ่ - ใบกวาวเครือแดง ใบใหญ่เหมือนใบต้นทองคำกวาว แต่ใบใหญ่กว่า
- ดอกกวาวเครือแดง ดอกใหญ่เหมือนดอกแคแสด แต่เป็นพวงระย้าเสมือนดอกทองกวาว
- หัวกวาวเครือแดง มีหลายขนาดลักษณะทรงกระบอก เมื่อสะกิดที่เปลือก จะมียางสีแดง คล้ายเลือดไหลออกมา
- รากกวาวเครือแดง มีรากกิ้งก้านขนาดใหญ่ แยกจากเหง้าเลื้อยไปบริเวณหลายเมตร
การขยายพันธุ์กวาวเครือแดง ทำได้ 3วิธีดังนี้|ดังต่อไปนี้- การเพาะเม็ด โดยการเพาะเม็ดในกระบะขี้เถ้าแกลบโดยประมาณ 45 วัน นำต้นกล้าที่ได้ ปลูกลงถุงเพาะชำโดยใช้ดิน 2 ส่วน เถ้าถ่านแกลบ 1 ส่วน เปลือกมะพร้าว 1 ส่วน ค่า pH ราว 5.5 เมื่อต้นกล้าเจริญวัยได้ 60 วัน ก็เลยนำลงแปลงปลูกกลางแจ้ง โดยการทำด้วยไผ่ หรือปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในกระบวนการเกษตร อย่างเช่น ไผ่ สัก ปอสา หรือไม้ผลอื่นๆ พื้นที่ปลูกควรจะอยู่สูงยิ่งกว่าระดับน้ำทะเล 300-900 เมตร
- การปักชำ นำเถาที่มีข้อมาปักชำในกระบะ หรือถุงที่บรรจุขี้เถ้าแกลบ เมื่อเถาแตกรากรวมทั้งยอดแข็งแรงดีแล้ว จึงนำลงแปลงปลูกถัดไป
- การแบ่งหัวต่อต้น หัวของกวาวเครือ ไม่มีตาที่จะแตกฯลฯใหม่ จะต้องใช้ส่วนของลำต้นมาต่อเชื่อตามขั้นตอนการแพร่พันธุ์แบบต่อราก เลี้ยงกิ่ง (nursed root grafting) สามารถนำหัวกวาวเครือขนาดเล็ก อายุราวๆ 6 ข้างขึ้นไป รวมทั้งต้นหรือเถาที่เคยทิ้งไปข้างหลังการเก็บเกี่ยวมาขยายพันธุ์ได้ หลังการต่อต้นราว 45-60 วัน ก็สามารถนำลงปลูกได้ แล้วก็มีจุดเด่นคือสามารถต่อต้นกับหัวข้ามสายพันธุ์ได้
องค์ประกอบทางเคมีของกวาวเครือแดง ท่อนหัวของกวาวเครือแดงประกอบด้วยสารไฟโตแอนโดรเจน รวมทั้งไอโซฟลาโอ้อวดลิกแนน 2 ชนิด เป็นต้นว่า Mebicarpin (carpin 3-hydroxy-9methoxypterocarpan); สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ ดังเช่น butenin; formononetin (7-hydroxy_-methoxy-isoflavone); (7,4_-dimethoxyisoflayone); 5,4_-dihydroxy-7-methoxy-isoflavone, 7-hydroxy-6,4_-dimethoxyisoflavone แอนโทไซยานินมีค่าการดูดกลืนแสงสว่างในช่วงคลื่น 510-540นาโนเมตร สารละลายแอนโทไซยานินมีการเปลี่ยนแปลงสีตามค่าความเป็นด่าง (pH) ต่ำจะมีสีแดง pH ปานกลางจะมีสีน้ำเงินม่วงและเมื่อ pH สูงจะมีสีเหลืองซีด
สรรพคุณกวาวเครือแดง- หัวกวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงสุขภาพ เพิ่มจำนวนน้ำอสุจิ เป็นยาอายุวัฒนะ
แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย - รากกวาวเครือแดง แก้ลมอัมพาต บำรุงโลหิต ผสมกับรากสมุนไพรอื่นอีก 8 จำพวกเรียกว่า พิกัดนวโลหะ แก้โรคลมที่เป็นพิษ แก้ริดสีดวง ทำลายพยาธิ ดับพิษ ทำลายพิษไข้ สมานไส้
- เปลือกเถากวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา แก้พิษงู
ผลดีกวาวเครือแดงฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์ การเรียนรู้ในอาสาสมัครเพศชาย 17 คน อายุระหว่าง 30 – 70 ปี ที่มีลักษณะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างน้อย 6 เดือน ให้กินกวาวเครือแดงขนาด 250 มก./แคปซูล วันละ 4 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือน ผลการศึกษาวิจัยพบว่าระดับฮอร์โมน testosterone ไม่ต่างอะไรจากกรุ๊ปควบคุม แม้กระนั้นผลจาการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับดรรชนีชี้วัดความสามารถทางเพศ จากอาสาสมัครพบว่าทำให้ความสามารถทางเพศดีขึ้น 82.4 % โดยเหตุนั้น กวาวเครือแดงก็เลยช่วยฟื้นฟูคนเจ็บโรคเสื่อมความสามารถทางเพศได้ และไม่พบการเกิดพิษ รูปแบบและขนาดวิธีใช้กวาวเครือแดงองค์การของกินและก็ยาของไทย เจาะจงขนาดแล้วก็วิธีใช้สำหรับเพื่อการรับประทานกวาวเครือแดง ไม่เกิน 2 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือแดงฤทธิ์ต่อระบบแพร่พันธุ์ การทดสอบป้อนกวาวเครือแดงในรูปผงป่นละลายน้ำ รวมทั้งสารสกัดเอทานอล ให้แก่หนูแรทเพศผู้ ความเข้มข้น 0.25 , 0.5 และ 5 มก./มิลลิลิตร พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำเข้มข้น 0.5 และก็ 5 มก./มิลลิลิตร เป็นเวลา 21 วัน ทำให้น้ำหนักตัวของหนูแรท และจำนวนน้ำอสุจิเพิ่มขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และก็หนูแรทที่ได้รับสารสกัดเอทานอลเข้มข้น 5 มิลลิกรัม/มล. 21 วัน มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal vesicles ต่อมลูกหมาก รวมทั้งความยาวขององคชาติ ทำให้หนูแรทมีความประพฤติปฏิบัติการสิบพันธุ์มากขึ้น เมื่อศึกษาต่อไปถึงระยะ 42 วัน พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำ มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal vesicles ต่อมลูกหมาก และความยาวขององคชาติ แล้วก็การกระทำการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้นหนูกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเอทานอล กลับมีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal vesicles ลดลง การเรียนรู้ผลของกวาวเครือแดงในระยะยาว และในปริมาณสารสกัดที่มากขึ้น พบว่าทำให้ระดับฮอร์โมน testosterone ของหนูแรทลดลง และจำนวนเอนไซม์ตับสูงขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวการรับประทานกวาวเครือแดงมากเกินไป อาจจะทำให้กำเนิดพิษต่อตับได้
การศึกษาทางพิษวิทยากวาวเครือแดง การศึกษาพิษครึ่งเรื้อรังในหนูวิสตาร์เพศผู้โดยป้อนผงกวาวเครือแดงในขนาด 10 , 100 , 150 รวมทั้ง 200 มิลลิกรัม/กก/วัน ตรงเวลา 90 วัน พบว่าหนูที่รับในขนาด 150 มิลลิกรัม/กก/วัน น้ำหนักของม้ามเพิ่มขึ้น ระดับเอนไซม์ alkalinephosphatase (ALP) แล้วก็ aspartate aminotransferase (AST) เพิ่มขึ้น หนูที่ได้รับขนาด 200 มิลลิกรัม/กก/วัน พบว่ามีเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ลดลง ส่วนเม็ดเลือดขาวประเภท eosinophil ระดับ serum creatinine ลดน้อยลงระดับฮอร์โมน testosterone ลดน้อยลง โดยเหตุนั้นจำเป็นจะต้องระมัดระวังการใช้ในขนาดสูงเนื่องมาจากอาจจะส่งผลให้เกิดอาการอันไม่ปรารถนาต่างๆได้ ข้อแนะนำข้อควรระวังพืชชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นยา เหมือนกันกับกวาวเครือขาว แม้กระนั้นมีพิษมากกว่า ถ้าเกิดกินมากมายอาจเป็นโทษได้อาจจะก่อให้มึนเมาอาเจียนอ้วก.แล้วก็เป็นพิษเมามากกว่ากวาวเครือขาว
Create Date : 28 สิงหาคม 2560 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2560 2:37:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 441 Pageviews. |
|
|