มหัศจรรย์พลังสุขภาพ กาย จิต สมอง

 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 สิงหาคม 2553
 

หากมีปัญหาที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ..ยินดีให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาทางบล็อคนี้ได้นะคะ

ยินดีแบ่งปัน...แลกเปลี่ยน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา ผ่านทางบล็อค โดยนักจิตวทยาผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งจิตมนุษย์




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2553
21 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 2:35:17 น.
Counter : 1414 Pageviews.

 
 
 
 
ขอบคุณในความมีเมตตา่ต่อเพื่อนมนุษย์

ความทุกข์ ไม่เข้าใครออกใคร
ผู้แก้ทุกข์ให้ผู้อื่นย่อมสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่
 
 

โดย: นมสิการ วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:7:28:49 น.  

 
 
 
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

Low self-esteem ควรมีวิธีคิดอย่างไร
สาเหตุคือออกจากการงานมาได้ 3 ปี
ทำกิจการขายโน่นนี่ก็ไม่สำเร็จ
เบื่อที่ต้องใช้ตังค์สามี คือจะซื้อของให้เขาก็เงินเขา
(เขาไม่อยากให้เราทำงานนอกบ้าน)
 
 

โดย: เอ๋ IP: 113.53.40.51 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:8:19:59 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ

เกิดมาเพื่อตนเองนั้นง่าย

เกิดมาเพื่อคนอื่นนั้นยาก

ผู้ใดข้ามพ้นตนเองได้

ผู้นั้นย่อมเป็นที่พึ่งของผ้อื่นได้

อนุโมทนาครับ
 
 

โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:8:34:06 น.  

 
 
 
ขอกำลังใจวันที่ท้อแท้สุด ๆ ด้วยนะค๊ะ ตอนนี้ไม่อยากพูด คุย ไม่อยากหายใจเลยค่ะ เรื่องงาน เรื่องเงิน โอ๊ยยยยย
 
 

โดย: คนท้อแท้ IP: 124.121.99.228 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:11:11:47 น.  

 
 
 
สำหรับคุณเอ๋ค่ะ

คุณถือได้ว่า..เป็นผู้หญิงที่โชคดีแล้วนะคะ....
ที่มีสามีคอยดูแลเราอยู่ ส่วนเรื่องกิจการค่อยๆคิดไปค่ะ...
หากเราตั้งใจที่จะมีกิจการก็ให้ตั้งเป็นแรงบันดาลใจไว้...
เปรียบเทียบเป็นสมการก็คือ(X) ตัวแปรตามคือ Y(วิธีทำกิจการ) แต่อย่าลืมนะคะ..ว่า Y คือตัวแปรตาม..
ดังนั้นเมื่อ Y1 , Y2,Y3 ไม่ได้ผล เราก็ยังสมารถสร้าง Y,4,5,6 ได้...เพียงขอให้ X ยังอยู่ต่อไป...
แรงบันดาลใจของเราจะทำให้เรามีความสุข..และตั้งใจทำ ค่อยๆทำทีละนิด
ถ้าแรงบันดาลใจนั้นเป็น 10 คะแนนของคุณ เพียงคุณทำได้ 123 ก็ถือว่าได้ตั้งใจทำแล้ว...
ค่อยๆทำไปค่ะประสบการณ์จะทำให้คุณเก่ง และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มันจะทำให้คุณมีก้าวที่ 456 ถ้า X คุณยังมีอยู่..
ไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ประสบความสำเร็จได้โดยที่ยังไม่ได้ล้ม และสิ่งที่ช่วยให้เขายังยืนขึ้นใหม่ได้เสมอก็คือ X (เป้าหมาย , ครอบครัว, ความสุข หรืออะไรก็ตามที่มีพลังมากพอที่จะขับเคลื่อนให้พวกเขายังคงสนุกที่จะทำต่อไป)
ขอให้คุณทำในแบบที่คุณเป็น คุณชอบ และคุณถนัด และ เป็นจริง ตามกำลังของคุณ ไม่ต้องรีบร้อน ทีละก้าว อย่างมีความสุข ซักวันคุณจะมีก้าวที่ 456 ได้ในไม่ช้าค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ได้...เพราะมนุษย์ทำได้ทุกสิ่ง ถ้าฝึกฝน..และมีแรงบันดาลใจมากพอ
อาจารย์จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะและเชื่อว่าสามีจะเป็นกำลังใจให้คุณด้วย และเขาเองก็คงจะเห็นความตั้งใจของคุณ เพราะส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจนั้น...ก็เพื่อสามีที่คุณรักด้วยนั้นเอง...อย่าพึ่งท้อถอยนะคะ สู้ๆค่ะ

ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:23:32:44 น.  

 
 
 
สวัดดีค่ะ ปรึกษาได้จริงๆหรอค่ะ??
 
 

โดย: วนิดา IP: 110.164.181.203 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:23:46:29 น.  

 
 
 
สำหรับคนท้อแท้ค่ะ

ยินดีให้กำลังใจค่ะ
หากยังไม่พอเราสามารถรับกำลังใจได้จากสิ่งรอบตัวนะคะ
เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์....
ตอนนี้พลังงานของคุณอาจเต็มไปด้วยพลังงาน (-) เปรียบเปรยนะคะว่า...พลังงานประจุลบ เพราะมันจะทำให้คุณเศร้า..หดหู่ ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจ และมันก็ทำให้ร่างกายของคุณตอบสนอง เช่นนั้นด้วย...ยิ่งคุณรับพลังงานลบขึ้นเรื่อยๆ...ความเศร้า หดหู่ ท้อแท้...จะเพิ่มภายในจิตใจของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ...ร่างกายก็จะตอบสนองตามพลังงานของจิตใจ....
คุณทำได้ค่ะ...คัดเลือกกำลังใจที่คุณต้องการ..หรือเลือกที่จะรับพลังงานบวกให้มากยิ่งขึ้น เป็นเชื้อเพลิงให้กับตัวคุณ อาจารย์ให้กำลังใจคุณนะคะ...เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับจิตใจของคุณ...เช่นเดืยวกันคุณสามารถเลือกรับพลังงานบวกได้จากเพื่อน, ครอบครัว หรือคนที่คุณรักและรักคุณได้....บางทีคุณอาจต้องสัมผัสกับพลังงานลบ เรื่องราวลบๆ หรือเรื่องราวที่คุณไม่สบายใจ รอบตัวคุณได้บ้าง...แต่คุณก็สามารถเลือกที่ไม่รับหรือรับบางส่วนได้นะคะ
ลองปล่อยวางนะคะ...และเริ่มรับพลังงานบวกจากสิ่งรอบตัว..คำพูดดีๆ ความคิดเห็นดีๆ แม้สิ่งนั้นจะมีพลังงานเพียงน้อยนิด..ค่อยๆสะสมค่ะ...และคุณจะพลังงานมากพอเอง....ที่จะเริ่มทำสิ่งต่างๆต่อไป
เอาใจช่วยค่ะ...ถ้ามีบางเรื่องที่ทำให้คุณทุกข์...หรือไม่สบายใจมากกว่านี้...ยินดีแลกเปลี่ยนค่ะ


ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:0:13:54 น.  

 
 
 
สำหรับคุณวนิดา

ด้วยความยินดีค่ะ..ปรึกษาได้ค่ะ
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:0:14:29 น.  

 
 
 
ขอบคุณค่ะ
คุณนมสิการ.คุณตามพันธะสัญญา
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:0:18:10 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ อาจารย์
ผมมีเรื่องขอคำปรึกษาครับ
ในคนไทยมีการสอนให้เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ บุญ บาป กัน
ชนิดฝังหัว ล้างไม่ออก
มีคนที่ผมรู้จัก เขาไปอ่านหนังสือเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเข้า แล้วเรื่องในหนังสือ ก็ตรงกับความไม่ดีที่เขาทำไว้พอดีเลย ทำให้เขาเกิดกลัวมากที่จะตกนรก เครียดทั้งวัน
จนทีบ้านส่งไปโรงพยาบาลประสาท แต่ก็รักษาไม่หาย
เขามาถามผมว่า จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี
ที่จะไม่ทำให้เขากลัวในเรื่องตกนรก
ขอคำแนะนำอาจารย์ในเรื่องนี้ด้วยครับ
จะได้นำไปบอกต่อให้คนรู้จักนี้
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: นมสิการ วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:18:52:17 น.  

 
 
 
สวัดดีค่ะอาจารย์ ดิฉันชื่อวนิดาน่ะค่ะ
ขอเรียกแทนตัวเองว่าหนู ค่ะตอนนี้หนูเรียนอยู่มหาวิทยาลัย คณะพยาบาลค่ะ ความจริงแล้วหนูไม่ได้อยากเรียนน่ะค่ะ แต่เนื่องมาจากสองแอดมิดชั่นเลือกคณะจิตวิทยาไว้เป็นอันดับหนึ่งแต่ไม่ติด จึงได้เรียนคณะพยาบาลซึ่งเลือกไว้เป็นอันดับสอง ซึ่งคุณแม่เป็นคนอยากให้เรียรพยาบาล เนื่องจากตัวคุณแม่เองเป็นพยาบาลและอาชีพนี้ไม่ตกงานหางานทำได้ เมือหนูสอบติดจึงต้องมาเรียน แต่โดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้อยากเรียนเท่าไหร ลืมบอกไปค่ะ ว่าตอนนี้หนูเรียนอยู่ปี 3 เทอม 1 ในปีแรกๆที่เรียนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผลการเรียนถือว่าอยู่ในระดับที่ดี อาจเป็นเพราะวิชาที่เรียนไม่ได้หนักมาก เมื่อขึ้นปีสองต้องมีการไปฝึกงานที่โรงพยาบาล ได้ไปเจอคนไข้จริงๆ ทำหัตถการหลายๆอยาง แต่ที่หนักใจก็คือการที่ต้องเช็ดอุจาระเปลี่ยนผ้าอ้อม การต้องทำความสะอาดอวัยวะเพศและอะไรอีกหลายๆอย่าง ซึ่งทำให้รู้สึกไม่ชอบ และคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเรียนพยาบาล แต่ก็ต้องอดทนเรียนมาเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้แม่ผิดหวัง จนมาปี 3 ถือว่าหนักที่สุดและที่ทำให้เป็นปัญหาคือ เนื่องจากในครั้งนี้หนูได้ไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งเพื่อนๆไม่มีใครอยากไป ตัวหนูโดนจับฉลากให้ไป และได้ไปกับอาจารย์ที่โหดมาก ถือว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่มีใครอยากไปฝึกงานด้วยที่สุด เพราะอาจารย์คนนี้ มักจะชอบดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ใช้คำว่า กู มึง กับนักศึกษา ด่านักศึกษาว่า เป็นควาย เป็นหมา เป็น เปรต และเป็นกระหรี่ และอะไรอีกหลายๆคำ ซึ่งทำให้พวกหนูรู้สึกกลัวมากและรู้สึกแย่มากๆ เวลาอยู่บน Ward คือสถานที่ฝึกงานที่โรงพยาบาล ถ้าตอบไม่ได้หรือทำไม่ถูกใจ ก็จะตี อาจารย์ก็ไม่ตีเหมือนคนทั่วไป ใช้มือหวดไปที่หลังสุดแรงเกิด และฟาดไม่ยั้ง ถึงขนาดหลังเป็นรอยจ้ำเลือด บางครั้งก็โดนหยิก จนเขียวเหมือนไปโดนต่อยมา บางครั้งก็ใช้แฟ้มตีหลังจนแฟ้มหัก ซึ่งสำหรับตัวหนูถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงมาก หนูต้องโดนกระทำแบบนี้เกือยทุกวัน ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและโดนทำร้ายร่างก ซึ่งบางครั้งไม่มีเหตุผลที่ต้องทำ เหมือนกับอาจารย์อยากจะระบายความเครียดกับนักศึกษามากกว่า เพราะเวลาอาจารย์เขาได้ด่าได้ตีเราแล้วเขาจะอารมณ์ดีขึ้น และเนื่องจากฝึกงานที่ต่างจังหวัดจึงต้องอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ขอบอกว่าอึดอัดมาก เหมือนอยู่ร.ร.ประจำ ทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องทำตามที่อาจารย์เขาบอกทุกอย่าง อาบน้ำก็ต้องไล่ไปอาบ จะรีบผ้าก็ต้องรีดตอนนี้ มากำหนดกฏเกณฑ์ชีวิตพวกกหนูทุกอย่าง หนูคิดว่าหนูก็โตพอที่จะคิดเองได้แล้ว ซึ้ง30วันที่อยู่ที่นั้นสำหรับหนูถือเป็นนรก หนูและเพื่อนๆผู้โชคร้ายอีก 7 คน กอดคอกันร้องได้เกือบทุกวัน พวกหนูกินข้าวไม่ลงกันเลย แค่ได้กลิ่นอาหารก็จะอาเจียนกินอะไรกันไม่ลง พวกหนูก็จะชอบหูแว่ว ได้ยินเสียงอาจารย์ด่าอยู่ตลอดเวลา พวกหนูจึงชอบผวาตลอดเวลา จนคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว เพื่อนหนูถึงกับจะเดินให้รถชนเลย พวกหนูอยากหนีกลับไปบ้านมากแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะเรียนกันไม่จบ จึงต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์อาจารย์ อาจารย์คนนี้เวลาที่อารมณ์ดีจะดีจนใจหาย แต่ถ้าร้ายก็ร้ายสุดขีดไปเลย พวกกนูตามอารมณ์ไม่ทัน แล้วเวลาอาจารย์อารมณ์ดีอาจารย์ก็จะชอบเล่าเกี่ยวกับเรื่องเวรกรรม กลับชาติมาเกิด เรื่องไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ ให้พวกหนูฟังอยู่บ่อย ๆ เขามักจะบอกว่าตัวเองเป็นทหารกลับชาติมาเกิดมั้ง ตัวเองเคยโดนเล่นของใส่ เคยเห็นผี อะไรประมาณเนี้ย หนูลืมบอกว่าอาจารย์คนนี้ อายุ 50ปี ไม่ได้แต่งงาน อยู่บ้านคนเดียว เป็นคนธรรมะธรรมโม ถือศีล ใส่ชุดขาดตลอด นั่งสามธิตลอด แต่หนูก็ไม่เข้าใจ ทำไมเขายังอารมณ์ร้อนแบบนี้ ตอนนี้หนูก็ได้กลับมาจากการฝึกงานแล้ว แต่จิตใจของพวกหนูและเพื่อนๆ ถือว่าแย่กันมากๆไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะตัวหนูเอง ที่รู้สึกว่า ซึมๆ และเครียดมากๆ ไม่อยากทำอะไรเลย พยายามหาอะไรทำให้มันดีขึ้น ก้อไม่รู้สึกดีขึ้นเหมือนเมื่อก่อน แต่ช่วงนี้ก็ดีขึ้นแล้วเพราะได้คุณแม่และอาจารย์บางท่านที่เข้าใจและปลอบใจ แต่อีกประมาณสองเดือนหนูต้องไปฝึกกับอาจารย์คนนี้อีก หนูจะทำอยากไรดีค่ะ จะรับมืออย่างไรดีถึงจะไม่มีสภาพจิตใจย่ำแย่เหมือนคราวก่อน และตอนนี้หนูรู้สึกไม่อยากเรียนพยาบาลเลย หนูขอร้องแม่ว่าอยากจะออก แต่ท่านก็ไม่อยากให้ออกเพราะอยู่ปี 3 แล้ว แต่หนูก็ไม่อยากเรียน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ตัวเองมีกำลังใจอยากเรียนต่อไปจนจบ? จึงอยากขอคำปรึกษาค่ะ ขอโทษด้วยน่ะค่ะถ้าหากปัญหาของหนูมันยาวไป ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
 
 

โดย: วนิดา IP: 110.164.181.203 วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:23:00:54 น.  

 
 
 
สวัดดีค่ะอาจารย์ ดิฉันชื่อวนิดาน่ะค่ะ
ขอเรียกแทนตัวเองว่าหนู ค่ะตอนนี้หนูเรียนอยู่มหาวิทยาลัย คณะพยาบาลค่ะ ความจริงแล้วหนูไม่ได้อยากเรียนน่ะค่ะ แต่เนื่องมาจากสองแอดมิดชั่นเลือกคณะจิตวิทยาไว้เป็นอันดับหนึ่งแต่ไม่ติด จึงได้เรียนคณะพยาบาลซึ่งเลือกไว้เป็นอันดับสอง ซึ่งคุณแม่เป็นคนอยากให้เรียนพยาบาล เนื่องจากตัวคุณแม่เองเป็นพยาบาลและอาชีพนี้ไม่ตกงานหางานทำได้ เมือหนูสอบติดจึงต้องมาเรียน แต่โดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้อยากเรียนเท่าไหร ลืมบอกไปค่ะ ว่าตอนนี้หนูเรียนอยู่ปี 3 เทอม 1 ในปีแรกๆที่เรียนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผลการเรียนถือว่าอยู่ในระดับที่ดี อาจเป็นเพราะวิชาที่เรียนไม่ได้หนักมาก เมื่อขึ้นปีสองต้องมีการไปฝึกงานที่โรงพยาบาล ได้ไปเจอคนไข้จริงๆ ทำหัตถการหลายๆอยาง แต่ที่หนักใจก็คือการที่ต้องเช็ดอุจาระเปลี่ยนผ้าอ้อม การต้องทำความสะอาดอวัยวะเพศและอะไรอีกหลายๆอย่าง ซึ่งทำให้รู้สึกไม่ชอบ และคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเรียนพยาบาล แต่ก็ต้องอดทนเรียนมาเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้แม่ผิดหวัง จนมาปี 3 ถือว่าหนักที่สุดและที่ทำให้เป็นปัญหาคือ เนื่องจากในครั้งนี้หนูได้ไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งเพื่อนๆไม่มีใครอยากไป ตัวหนูโดนจับฉลากให้ไป และได้ไปกับอาจารย์ที่โหดมาก ถือว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่มีใครอยากไปฝึกงานด้วยที่สุด เพราะอาจารย์คนนี้ มักจะชอบดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ใช้คำว่าแทนตัวเองและเรียกนักศึกษาด้วยคำที่หยาบคาย ด่านักศึกษาว่า เป็นสัตว์นาๆชนิดขอไม่เอ๋ยถึงน่ะค่ะ และเป็นไล่ให้ไปขายตัว และอะไรอีกหลายๆคำ ซึ่งทำให้พวกหนูรู้สึกกลัวมากและรู้สึกแย่มากๆ เวลาอยู่บน Ward คือสถานที่ฝึกงานที่โรงพยาบาล ถ้าตอบไม่ได้หรือทำไม่ถูกใจ ก็จะตี อาจารย์ก็ไม่ตีเหมือนคนทั่วไป ใช้มือหวดไปที่หลังสุดแรงเกิด และฟาดไม่ยั้ง ถึงขนาดหลังเป็นรอยจ้ำเลือด บางครั้งก็โดนหยิก จนเขียวเหมือนไปโดนต่อยมา บางครั้งก็ใช้แฟ้มตีหลังจนแฟ้มหัก ซึ่งสำหรับตัวหนูถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงมาก หนูต้องโดนกระทำแบบนี้เกือบทุกวัน ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและโดนทำร้ายร่างก ซึ่งบางครั้งไม่มีเหตุผลที่ต้องทำ เหมือนกับอาจารย์อยากจะระบายความเครียดกับนักศึกษามากกว่า เพราะเวลาอาจารย์เขาได้ด่าได้ตีเราแล้วเขาจะอารมณ์ดีขึ้น และเนื่องจากฝึกงานที่ต่างจังหวัดจึงต้องอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ขอบอกว่าอึดอัดมาก เหมือนอยู่ร.ร.ประจำ ทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องทำตามที่อาจารย์เขาบอกทุกอย่าง อาบน้ำก็ต้องไล่ไปอาบ จะรีบผ้าก็ต้องรีดตอนนี้ มากำหนดกฏเกณฑ์ชีวิตพวกหนูทุกอย่าง หนูคิดว่าหนูก็โตพอที่จะคิดเองได้แล้ว ซึ้ง30วันที่อยู่ที่นั้นสำหรับหนูถือเป็นนรก หนูและเพื่อนๆผู้โชคร้ายอีก 7 คน กอดคอกันร้องได้เกือบทุกวัน พวกหนูกินข้าวไม่ลงกันเลย แค่ได้กลิ่นอาหารก็จะอาเจียนกินอะไรกันไม่ลง พวกหนูก็จะชอบหูแว่ว ได้ยินเสียงอาจารย์ด่าอยู่ตลอดเวลา พวกหนูจึงชอบผวาตลอดเวลา จนคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว เพื่อนหนูถึงกับจะเดินให้รถชนเลย พวกหนูอยากหนีกลับไปบ้านมากแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะเรียนกันไม่จบ จึงต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์อาจารย์ อาจารย์คนนี้เวลาที่อารมณ์ดีจะดีจนใจหาย แต่ถ้าร้ายก็ร้ายสุดขีดไปเลย พวกหนูตามอารมณ์ไม่ทัน แล้วเวลาอาจารย์อารมณ์ดีอาจารย์ก็จะชอบเล่าเกี่ยวกับเรื่องเวรกรรม กลับชาติมาเกิด เรื่องไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ ให้พวกหนูฟังอยู่บ่อย ๆ เขามักจะบอกว่าตัวเองเป็นทหารกลับชาติมาเกิดมั้ง ตัวเองเคยโดนเล่นของใส่ เคยเห็นผี อะไรประมาณเนี้ย หนูลืมบอกว่าอาจารย์คนนี้ อายุ 50ปี ไม่ได้แต่งงาน อยู่บ้านคนเดียว เป็นคนธรรมะธรรมโม ถือศีล ใส่ชุดขาดตลอด นั่งสมาธิตลอด แต่หนูก็ไม่เข้าใจ ทำไมเขายังอารมณ์ร้อนแบบนี้ ตอนนี้หนูก็ได้กลับมาจากการฝึกงานแล้ว แต่จิตใจของพวกหนูและเพื่อนๆ ถือว่าแย่กันมากๆไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะตัวหนูเอง ที่รู้สึกว่า ซึมๆ และเครียดมากๆ ไม่อยากทำอะไรเลย พยายามหาอะไรทำให้มันดีขึ้น ก้อไม่รู้สึกดีขึ้นเหมือนเมื่อก่อน แต่ช่วงนี้ก็ดีขึ้นแล้วเพราะได้คุณแม่และอาจารย์บางท่านที่เข้าใจและปลอบใจ แต่อีกประมาณสองเดือนหนูต้องไปฝึกกับอาจารย์คนนี้อีก หนูจะทำอยากไรดีค่ะ จะรับมืออย่างไรดีถึงจะไม่มีสภาพจิตใจย่ำแย่เหมือนคราวก่อน และตอนนี้หนูรู้สึกไม่อยากเรียนพยาบาลเลย หนูขอร้องแม่ว่าอยากจะออก แต่ท่านก็ไม่อยากให้ออกเพราะอยู่ปี 3 แล้ว แต่หนูก็ไม่อยากเรียน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ตัวเองมีกำลังใจอยากเรียนต่อไปจนจบ? จึงอยากขอคำปรึกษาค่ะ ขอโทษด้วยน่ะค่ะถ้าหากปัญหาของหนูมันยาวไป ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
 
 

โดย: วนิดา IP: 110.164.181.203 วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:23:15:56 น.  

 
 
 
มีที่จะปรึกษาแต่ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดยังไงค่ะ
ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: Tonkra49 วันที่: 3 กันยายน 2553 เวลา:5:16:25 น.  

 
 
 
สำหรับ Tonkra49
ยินดีค่ะ
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 3 กันยายน 2553 เวลา:17:25:05 น.  

 
 
 
สำหรับคุณวนิดา
สิ่งหนึ่งของมนุษย์ที่ต้องยอมรับคือ...เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิด หรือการกระทำของคนอื่นได้
ประเด็นคือ...เป้าหมายชีวิตและอนาคตของเรา ความฝันของครอบครัวเราสำคัญแค่ไหน
นั่นคือแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราก้าวต่อไป....
เก่งแล้วค่ะที่ก้าวมาถึงวันนี้ได้
วิชาชีพนี้เป็นวิชาชีพที่ต้องอาศัยความอดทน....และเกิดมาเพื่อให้อย่างแท้จริง
อาจารย์อยากให้เรามองว่า...นี่แหล่ะคือก้าวแรกๆของบทเรียนแรกของเรา...หากเราเดินผ่านมันไปได้ก็จะก้าวไปสู่ก้าวที่สอง สาม และ สี่ ต่อไป
ส่วนเรื่องอนาคตไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ...วิชานี้ไปได้อีกไกล...เราสามารถเรียนต่อในหลักสูตรที่เราชอบต่อได้ในระดับปริญญาโท..รวมถึงวิชาจิตวิทยาที่อยู่อยากเรียนด้วยเช่นกัน...ดังนั้นยังไม่ต้องกังวลถึงอนาคต...ทำวันนี้ให้ดี ศรัทธาในความสามารถของตัวเราเอง...และมุ่งมั่นก้าวต่อไปในความสำเร็จในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ค่ะ
อาจารย์เป็นกำลังให้ค่ะ...
ประเด็นสำคัญที่อยากฝากไว้อีกอย่างหนึ่งว่า...แม้ว่าอาจารย์จะใช้ถ้อยคำหรือการสื่อสารอาจทำให้เรารู้สึกแย่ อาจทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายใจ เพราะรูปแบบของการสื่อสารของอาจารย์แต่ละท่านอาจแตกต่างกันจากการเรียนรู้รับรู้ที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งภายใต้ถ้อยคำนั้น...”คือวิชาความรู้ที่ท่านกำลังมอบให้แก่เรา” เราสามารถเลือกเก็บเกี่ยวมันไว้ได้ และขอบคุณท่านด้วยความจริงใจกับความรู้นั้น และด้วยความเคารพ อาจารย์เชื่อว่า..พลังงานแห่งการให้เกียรติ และเคารพในตัวท่าน ท่านจะสัมผัสได้ในไม่ช้า หรือหากท่านยังสัมผัสไม่ได้..ไม่เป็นไรค่ะ..เพราะนั่นหมายความว่าเราได้ทำดีที่สุด..และความดีนั้นก็จะติดตราตรึงเป็นพลังงานบวกให้กับเราต่อไป อย่าย่อท้อต่อสถานการณ์นะคะ ยืนหยัดในความตั้งใจของเรา เพื่ออนาคต และความสำเร็จในชีวิตของเราค่ะ
ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:1:09:51 น.  

 
 
 
สำหรับคุณนมัสิการ
ในทางวิชาการทางจิตวิทยา
ความกลัว...มีอิทธิพลจากสมองซีกขวาค่ะ...(ด้านอารมณ์ ความคิด จินตนาการ)
ถ้าเรามุ่งใช้สมองซีกขวา...สมองซีกซ้ายก็อาจทำงานได้น้อยลง (ส่วนของการประมวล เหตุผล ความคิดเชิงบวก)
แต่อย่าลืมนะคะว่า...มนุษย์มีสมองอันชาญฉลาดอยู่แล้ว...เพียงแต่เราจะเลือกใช้สมองซีกใด
มนุษย์มักใช้ซีกขวาก่อนเสมอ เมื่อเจอเหตุการณ์.....
เพียงมีสติ...ว่างเปล่า...คุณก็จะพบพลังของสมองซีกซ้ายที่นำพาคุณไปเจอสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ๆ
ดังนั้นเราต้องไม่ติดกับดักสมองซีกขวานานเกินไป....(ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนที่มักใช้ซีกขวาก่อน)
เรามีพลังงานจิตใจ ซึ่งเป็นพลังอันทรงอนุภาคที่สุด กำหนดสมองทั้ง 2 ซีกได้
ซึ่งเมื่อใช้สมองซีกขวา...เราต้องนิ่ง วาง ว่าง สมาธิจะมา
สมองซีกซ้ายก็จะเริ่มทำงาน สติ การประมวล ความคิดที่มีศักยภาพก็จะเกิด
ให้เขาทำสิ่งที่เป็นปัจจุบันก่อนค่ะ...ที่จะต้องทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว อาชีพ
เพราะสิ่งอื่นยังไม่มาในวันนี้......แต่วันนี้ยังมีสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป
เดินไปพร้อมกันค่ะ
แต่ให้เน้นประเด็นที่เป็นปัจจบันก่อน....เช่น
เราจะมีความสุขและทำความดีในชีวิตต่อๆไปเพิ่มขึ้น (ค่ะและนำมาตั้งเป็นประเด็นหลักของชีวิต)
และนำมาประทับตึงตราความมุ่งมั่นไว้ในดวงจิต..สร้างแรงบันดาลใจ..และความุ่งหมายนี้ให้แจ่มชัด...มันก็จะชัดขึ้นมาเรื่อยๆทุกๆวันและมีพลังงานเพิ่มทุกวันด้วยเช่นกัน ส่วนตัวที่เราไม่ได้เพ่งเล็งพลังงานก็จะอ่อนไปเอง
ประเด็นคือ...ให้เขาสนใจในสิ่งที่กำลังดำเนินปัจจุบัน ตนเอง ความครัว..ความสุข..และคุณภาพชีวิต หรือสิ่งที่เขาต้องการที่เป็นสิ่งดี เป็นแรงบันดาล และเขาก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาการต่างๆ หรือสถาณการณ์ด้านลบก็จะมีน้ำหนักลดลงไปเองคะ

ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:1:51:54 น.  

 
 
 
อาจารย์ต้องไปต่างประเทศ สัปดาห์หนึ่ง ถ้ามีสิ่งที่ต้องการให้แลกเปลี่ยน ปรึกษา เขียนไว้นะคะ แล้วจะมาแบ่งปันข้อคิดเห็นให้กันและกันค่ะ


และท่านใดสนใจศาสตร์การดลจิต
อาจารย์มีออกอากาศรายการ คนสู้โรค ประมาณ สัปดาห์ที่ 2หรือ 3 เดือนกันยานี้ค่ะ...ลองติดตามดูกันค่ะ
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:1:56:00 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณอย่างสูงนะค่ะอาจารย์สำหรับคำตอบที่ช่วยให้หนูคิดได้ ขอให้อาจารย์เดินทางปลอดภัยน่ะค่ะ
 
 

โดย: วนิดา IP: 110.164.181.203 วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:11:09:07 น.  

 
 
 
ด้วยความยินดีค่ะ...คุณวนิดา
 
 

โดย: ธิรดา สุวัณณะศรี IP: 124.122.196.142 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:2:14:38 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ คุณธิรดา
ผมมีเรื่องที่จะรบกวนปรึกษาเพื่อที่จะให้สิ่งที่กังวล หดหู่และค้างติดอยู่ภายในใจได้หายไปเสียที คือเรื่องนี้น่าจะเกิดมาน่าจะเกิน 20 ปีมาแล้วครับ ผมได้เข้าเรียนที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งย่านธัญบุรี ในห้องเรียนนั้นเป็นแบบเดินเรียนบ้าง อยู่ประจำที่ห้องบ้าง สัดส่วนระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงก็น่าจะพอๆกันครับ ห้องเรียนนี้น่าจะเป็น ห้องเรียนที่เก่งสุดหรืออาจจะเป็นที่สองของทั้งหมด 13 ห้องก็อาจจะเป็นได้ .....ใช่แล้วครับห้องเรียนนี้คือห้องเรียน /8 สิ่งที่มันเกิดนี่มันคงสะสมมาเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มเข้า ม.1 เลยละครับมั้ง ในวันนั้นน่าจะเป็นช่วงบ่ายของวันหนึ่งคุณครูที่สอนชื่อที่จำได้คือ ครูกมล ท่านมีลักษณะเข้มขรึมแต่แฝงไปด้วยความเมตตาและหวังดีต่อเด็ก แต่บางเวลาก็บวกความขี้เล่นเข้าไปอีกด้วย วันนั้นครูกมลมองไปสัมผัสที่หน้าเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ครูกมลบอกเธอว่าหน้าเธอออกสีเหลืองเหมือนจะไม่สบายหรือเปล่า คนในห้องก็มองไปที่หน้าเธอคนเดียวแล้วก็อมยิ้มกันไป ตัวเธอเองก็ยิ้มออกมา นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเอง ผมก็แอบชอบเธอเล็กๆตลอดมาภายในใจ ส่วนผมนั้นเป็นคนขี้อายค่อนข้างมากไม่เคยเปิดเผย ไม่เคยส่งยิ้มให้ใคร เจียมตัวตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะที่บ้านเคร่งครัดเรื่องนี้และไม่ชอบให้เรื่องนี้มาทำลายการเรียนของเรา อีกอย่างฐานะทางบ้านผมก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร น่าจะปานกลาง พอมีพอกินไม่อดอยากเท่านั้น แถมเวลาอยู่บ้านก็ต้องทำงานแบบที่ผู้ใหญ่บางคนเขาทำกันด้วย(ผมขออนุญาตไม่บอกว่าทำอะไรนะครับ แต่เป็นสิ่งถูกกฎหมายแน่นอน) ดังนั้นเวลาว่างแทบจะไม่มีเลย ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อมาทำงานต่อ ในเวลาเรียนมีกิจกรรมอะไรทำผมกับเธอก็มีโอกาศได้ทำร่วมกันบ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ผมแอบดีใจเล็กๆ แต่มันก็ไม่ได้เป็นดั่งที่หวังเสมอไป พอขึ้น ม.2 ผมได้ข่าวว่าเธอมีแฟนแล้วคอยไปรับไปส่ง คอยตามจีบ ตั้งแต่นั้นมาผมก็พยายามเก็บความรู้สึกดีๆไว้คิดแต่เพียงว่าเราอยู่ข้างหลังแล้วคอยมองดูเธอกับเขามีความสุขดีกว่า ต่อมาพอขึ้น ม.3 ห้องเราได้ครูประจำชั้นคนใหม่ชื่อครูประเสริฐ และครูนันทนา มาเป็นแบบแพ็คเกจคู่กัน ครูประเสริฐเป็นครูสอนบาสเกตบอลที่ลำบึกบึนมาก สามารถปั้นทีมบาสเกตบอลหญิงเป็นถึงแชมป์ ส่วนบาสเกตบอลชายได้แค่รองแชมป์ผมก็มีส่วนในการแข่งขันด้วยถึงแม้แทบจะไม่มีเวลาซ้อมเลยก็ตามนะ เวลาใกล้จบ ม.3 ซึ่งเราจะต้องแยกย้ายกันไปต่อ หลายๆที่อาจจะสายอาชีพ สายสามัญ(ม.4-6) เพื่อนๆในห้องก็จะมีสมุดเฟรนชิบมาให้เขียนกัน น่าจะมีผมคนเดียวมั้งในห้องที่ไม่เคยเขียนให้ใครเลย ถามตัวเองก็ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอันใด นี่แหละครับเป็นสาเหตุให้เรื่องหลายเรื่องติดค้างในใจ แม้ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอผมก็ไม่เคยได้บอกความรู้สึกนั้นออกไป ผมไม่รู้ว่า ณ เวลานั้นเธอชอบผมบ้างไหม พยายามหาทางติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆก็ไม่ได้เลย นี่คือเรื่องที่ผมรู้เสียใจกับโอกาศที่ไม่มีทางที่มันจะกลับมาแล้วในชีวิตนี้
มาได้ข่าวอีกทีตอนเธอแต่งงานมีลูกแล้ว และเรียนสูงถึงขั้นปริญญาเอก ผมเห็นข่าวแล้วแอบปลื้มน้ำตาซึมเล็กๆด้วยความยินดี และแอบอิจฉาเล็กๆกับผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่ยืนข้างเธอในวันนี้ เรื่องในอดีตนั้นผมรู้ว่าไม่ควรนำมาเก็บไว้เพื่อทำลายชีวิตตัวเอง แต่ควรเก็บแต่สิ่งดีๆมาเพื่อเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปครับ
ผมอยากถามว่าผมควรทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดีครับ ควรเก็บไว้หรือส่งไปให้เธอรู้ แล้วเธอจะรู้หรือไม่
https://www.youtube.com/watch?v=czvDyFfVoVU
 
 

โดย: Back Focus IP: 202.122.130.32 วันที่: 15 กันยายน 2557 เวลา:14:04:30 น.  

 
 
 
ถึงคุณ​ Back​ focus คุณปรารถนาจะทำสิ่งใดมากกว่ากันค่ะ​ ระหว่างเก็บไว้​ หรือบอกความในใจของคุณ​ สิ่งใดที่จะช่วยให้คุณมีควาสุขมากกว่ากันค่ะ​ หากเมื่อตัดความกลัว​ ความกังวนออกจากใจคุณแล้ว​ ลองทำตามที่หัวใจคุณปรารถนา... มอบพลังงานความรู้สึกดีๆที่คุณปรารถนาจะมอบให้แก่เธอ.. ดิฉันคิดว่าเธอจะสามารถรับรู้สิ่งนั้นได้​ ไม่มีความอิ่มเอมใจใดๆที่จะดีไปกว่าการมอบรู้สึกที่ดีต่อกัน​ เป็นกำลังใจสำหรับทุกการตัดสินใจของคุณนะคะ🌼🌼🌼
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 10 ธันวาคม 2561 เวลา:22:14:59 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง
 
Location :
ธิรดา สุวัณณะศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine (THAILAND) Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com