Welcome to Pinn's Land

 
มีนาคม 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มีนาคม 2556
 

ชีวิตหมอน้อยในชายแดน ... ตอน ตัวอะไรเข้าหู

ฉันตั้งใจว่าจะเขียนทั้งหมดสิบตอนไม่ให้มาก และน้อยไปกว่านั้น...แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า

หน้าที่หลักของอินเทิร์นนอกจากจะเป็นการราวน์วอร์ดในแต่ละเช้า นั่งเฝ้าโอพีดีตอนสายและไปตามรายงานแลปตอนเย็นแล้ว สิ่งสำคัญมาก อีกอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือการอยู่เวรER นั่นเอง

มันเป็นสิ่งที่ทุกโรงพยาบาลอาจจะถือปฏิบัติกันมาจนเป็นธรรมเนียมว่าอินเทิร์นที่มาใหม่ จะรับซื้อเวร ER ของสต๊าฟเก่าๆ ที่อาจจะมีภาระมาออกตรวจไม่ได้ก็จะขายและก็จะเพิ่มเงินให้ตามธรรมเนียม อันนี้ถือเป็นรายได้หลักของอินเทิร์นแต่มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก...แต่พวกเราก็ต้องเข้าใจว่าสต๊าฟส่วนใหญ่เป็นแพทย์เฉพาะทางที่ว่างเว้นจากการตรวจเคสที่ไม่ใช่กรณีเฉพาะทางมามากแล้วเขาจึงต้องรบกวนพวกเรา อาจจะมีบ้างบางคนที่แท็กทีมกันมาอยู่เช่นหมอเด็กกับหมออายุรกรรม ที่พออยู่พร้อมกันก็จะสามารถรักษาได้เกือบทุกโรคที่มีบนโลกใบนี้

แต่สุดท้ายเวรส่วนใหญ่ก็จะเป็นของพวกเราชาวอินเทิร์นนี่เองเรามาผลัดเวรกัน เวรบ่ายคือบ่ายสี่ครึ่งถึงเที่ยงคืนครึ่ง และเวรดึกคือเที่ยงคืนครึ่งถึงแปดโมงครึ่ง

ฉันเองก็ต้องรับเวรแบบนี้มาอยู่เช่นเดียวกันเวรบ่ายคือการวิ่งราวตรวจจนหัวขวิด ส่วนเวรดึกอาจจะนั่งตบยุงแต่ต้องโดนตามเรื่อยๆตลอดทั้งคืน

มีความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งว่าการอยู่ให้รอดในสามจังหวัดต้องพอพูดภาษายาวีเป็นเล็กน้อยไม่งั้นต้องพึ่งพาล่ามตลอดเวลาจะทำให้เปลืองพลังงาน

มีอยู่คืนหนึ่งฉันนั่งแกร่วหลังจากรับเวรดึก...การอยู่เวรดึกนี่จิตใจจะตุ้มๆ ต่อมๆเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมีเหตุการณ์ที่เราจะเอาอยู่ได้ถึงไหน และที่สำคัญการคอนซัลท์เวรดึกคือการโทรไปปลุกสต๊าฟให้ตื่นจากนิทรารมย์เราดีๆ นี่เองหากรายงานไม่ดีอาจมีสิทธิ์โดนตามมาตื๊บในตอนเช้าได้ตลอดเวลา

เคสที่ชอบมาเวรดึกมีไม่กี่แบบ... ฉันนั่งเก็บสถิติมาจนรู้ว่าเคสเหล่านั้นคือ

“หมอคะ เด็กสิบปีหลังตื่นนอนรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าหูค่ะ”

เอาล่ะค่ะมันเข้าตอนไหนไม่เข้ามาเข้าอิตอนตีสามนี่แหละค่ะ กำลังใกล้สว่างฉันว่าแมลงคงฟิน...

“ไหนหมอดูหน่อยนะคะ”

ฉันหยิบที่ส่องหูมาดู...ก่อนจะเห็นท้องอ้วนๆ กลมๆ ของมันสะท้อนกับแสงไฟจากที่ส่องหูเป็นเงางาม...

ใช่ค่ะ... มันคือ ‘ตัวเห็บ’ นั่นเอง

ที่จริงแล้วฉันอยากจะกรีดร้องเสียงดังๆมาก ที่ต้องมาดึงเห็บตอนตีสาม ไหนจะสายตาพร่ามัว ไหนจะอิหนูดิ้นไปดิ้นมา

“คุณแม่คะวันหลังห้ามน้องออกไปเล่นกับแมวอีกนะคะ”

แต่มันไม่ใช่ทุกวันที่เด็กเหล่านี้จะยอมนอนนิ่งๆและให้เราเอาเห็บออกจากหูของพวกเขาแต่โดยดี... เด็กบางคนมีแววมาแต่ไกล แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอันมอมแมมขะมุกขมัวดินเปื้อนเต็มหน้าและแววตาเอาเรื่อง ยามเมื่อโดนพ่อหามเข้ามาในห้องฉุกเฉิน

“หมอคะเด็กหกปี รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในหูค่ะ”

เอาล่ะค่ะถึงแม้ว่าส่องไปดูจะเห็นเป็นเงาตูดสะท้อนแสงไฟแบบเดิมแต่เด็กบางคนมันก็ไม่เหมือนเดิมค่ะ เริ่มด้วยการดิ้นพราดราวกับเอาไก่ไปลวกในหม้อไฟ(และเสียใจที่ฉันไม่ใช่ประเภทรักเด็ก) ... ตีนดำๆ ของเด็กน้อยเริ่มเตะมาบนหน้าฉันแล้วก็ปากที่เต็มไปด้วยฟันอันมีหนอนไชตะโกนด่าจนคนเป็นหมอแอบคิดไม่ได้ว่า

อูย...นี่ตูไปทำผิดกับมันมาตั้งแต่ชาติปางไหน...ทำไมต้องมาเจอเด็กกรดแบบนี้...

คุณหม่ะบอกว่า

“เอ็งน่ะกรรมตามสนอง สมัยก่อนเอ็งขาเข้าไปในล้อรถมอเตอร์ไซค์เป็นแผล เอ็งไปโรงพยาบาลทำแผลทั้งร้องทั้งด่าพยาบาลซะจนเขากระเจิง”

เออ...จริงของคุณหม่ะ...นี่แหละฉันเรียกว่ากรรมตามสนอง

สมัยนั้นฟันของฉันก็คงเต็มไปด้วยหนอนไชแล้วก็ร่างกายสกปรกขะมุกขมอม เพราะฉันก็เกิดมาเป็นเด็กบ้านๆเที่ยวเล่นแต่ดินทรายเหมือนกัน

กลับมาที่เด็กน้อยหลังจากที่เริ่มพยายามจะเอาออก เด็กน้อยก็เริ่มดิ้น แล้วก็กรี๊ดใส่หน้าฉันใหม่ ...ตีนเล็กๆ ของเด็กน้อยถีบมาบนใบหน้าของฉัน ซ้ำแล้วซ้ำอีก...ชิบหายล่ะเห็บก็เอาออกยาก เด็กมันก็ยิ่งร้อง...

หมอทุกคนถูกสอนมาให้เป็นคนอดทน...ฉันก็อดทนเหมือนกันยิ้มและบอกพ่อเด็กว่า

“ไม่เป็นไรนะค้า....น้องยังเด็กเดี๋ยวหมอจะรีบทำให้เสร็จเร็วๆ”

แต่ในใจกำลังคิดภาพตัวเองตบบ้องหูเด็กจนมันกระเด็นไปสามวาพร้อมกับตวาดว่า

“เงียบหู!!! ใครใช้ให้เอ็งไปเล่นซนจนเห็บเข้าหู หา??!!!”

ดึกทุกคืนที่ฉันจะต้องตื่นขึ้นมาในช่วงราวๆเกือบเช้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“หมอคะ ชาย สามสิบหกปีหลังตื่นนอนรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าหูค่ะ”

เอาหล่าว ...(เป็นภาษาใต้ แปลว่าเอาอีกละ) ... ให้มันได้ทุกคืนสินะกับอะไรเข้าหู

ลุกขึ้นอย่างงัวเงียขึ้นมาในตอนกลางดึกแม้ว่าในใจจะแอบสาปแช่ง และอยากจะซื้อที่อุดหูให้กับทุกคนก่อนจะนอนมันช่วยไม่ได้ที่ทุกเวรดึกของฉันจะต้องถูกปลุกขึ้นมาด้วยเรื่องนี้

“ไหนเอาที่ส่องหูมาดู”

มันเป็นอะไรวะ...ฉันนึกในใจสงสัยใกล้สว่างแล้วตาพร่ามัว

มันเป็นสีดำอุดอยู่เกือบแน่นเต็มรูหู

“โอ๊ย....ซาเก๊ะ” ...ซาเก๊ะแปลว่าเจ็บเป็นภาษายาวี พ่อฉันเคยส่งไปเรียนตอนเด็กๆ ก็เลยพอเขาใจ บอมอแปลว่าหมอ ซึ่งรวมถึงพยาบาลด้วย แต่ถ้าบอมอบือซา จะแปลว่า หมอใหญ่ ก็คือนายแพทย์หรือแพทย์หญิงนั่นเอง

“บอมอ ซาเก๊ะ...ซาเก๊ะ”

ยิ่งซาเก๊ะมือก็ยิ่งสั่น...ฉันเริ่มเอาที่คีบคีบไอ้ตัวสีดำๆ ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา...

ฉันคีบได้เศษปลายๆท่าทางมันเหมือนเป็นปีก มันก็ยังยากที่จะจินตนาการว่ามันเป็นปีของตัวอะไร

ฉันลงมือคีบรอบใหม่...เอ๊ะอะไรเละๆ เหมือนเป็นท้อง...

ฉันคีบอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ไม่สนใจ‘บอมอซาเก๊ะ’ แล้ว หยิบเศษที่เหลือออกมาทั้งยวงแล้วเอามาวางบนผ้าก๊อซประกอบกันก่อนจะเฉลยว่าเป็นตัวอะไร...

อึ๋ยย.... ลูกแมลงสาบ!!!

และมันช่วยไม่ได้ที่ทุกเวรดึกตอนประมาณตีห้าฉันจะโดนปลุกด้วยบทพูดเดิมๆ

“หมอคะ คนไข้อายุ ... ปีหลังตื่นนอนรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในหูค่ะ”

หลอนใช่ไหมล่ะ... ตอนนี้ฉันอัพเลเวลเต็มที่สามารถคีบลูกแมลงสาบออกมาได้ทั้งตัวโดยที่ไม่ต้องแยกชิ้นเป็นส่วนๆ อีกต่อไป

เก่งจริงๆ ...แหม๊....คุณป๊า คุณหม่ะ คงภูมิใจ

มีอีกเรื่องของการอยู่เวรดึกที่ฉันยังนึกย้อนกลับไปถึงบ่อยๆ... อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น การอยู่เวรดึกนั้นลำบากตรงเวลาที่จะโทรคอนซัลท์โดยเฉพาะตอนหัวรุ่งที่ทุกคนกำลังมีความสุขอยู่กับการนอนและโดยเฉพาะแผนกที่ยุ่งมาทั้งคืนเพิ่งได้นอนตอนหัวรุ่งของวันใหม่จะเกิดเหตุการณ์โทรไม่ติดจนต้องปีนรั้วเข้าไปเคาะประตูบ้านก็เคยมี

เช้าวันหนึ่งฉันมีคนไข้ที่มีปัญหาด้านศัลยกรรมเป็นช่วงเช้าตรู่ยังไม่ถึงหกโมงดี ค่ำคืนที่ผ่านมามีเคสผ่าตัดเยอะ ฉันก็ออกเกรงใจแต่ก็จำเป็นต้องโทรไปหาสต๊าฟศัลย์เพื่อรายงานเคสของตัวเอง

“อาจารย์คะ คอนซัลท์จาก ER ค่ะ”

สต๊าฟของฉันหน้าตาดีประเภทมีสาวกรี๊ดตรึม... เลี้ยงหมาเอาไว้ตัวหนึ่งอยู่ในห้องกินนอนเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตอนฉันโทรไปเช้าตรู่ได้ยินเสียงแหบๆ ของคนหล่อๆ รับโทรศัพท์กลับมาว่า

“อืม...ว่างาย...”

น้ำเสียงบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวยังไม่ตื่นจากนิทรารมย์ดี...ฉันเปิดอ่านรายงานเคสต่อ

“เป็นผู้หญิงค่ะ อายุสี่สิบสองปีมาด้วยอาการปวดท้องด้านขวาล่างมาแปดชั่วโมง มีไข้ต่ำๆอาเจียนหนึ่งครั้งค่ะอาจารย์”

“บ๊อกๆ....บ๊อกๆ”

ฉันนิ่วหน้า... ดูเสียงอาจารย์เปลี่ยนไปจากเดิมหน่อยนะ...

“อาจารย์คะตรวจดูแล้วกดเจ็บที่ท้องน้อยด้านขวาค่ะ เจ็บชัดเจน”

“บ๊อกๆ ....บ๊อกๆ....”

“จากการตรวจร่างกายและก็ประวัติมีไข้ร่วมด้วยไม่เคยผ่าตัดไส้ติ่งมาก่อนหนูสงสัยว่าเคสนี้จะเป็นไส้ติ่งอักเสบค่ะอาจารย์”

“บ๊อกๆ....บ๊อกๆ.... บ๊อกๆๆๆๆๆ”

ฉันเอาหูโทรศัพท์ออกห่างจากตัว...พร้อมกับบอกกับตัวเองว่า

เช้านี้ดวงดีจริง...ได้โทรรายงานเคสกะไอตูบซะแล้วเออ..




 

Create Date : 13 มีนาคม 2556
1 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2556 15:05:46 น.
Counter : 1722 Pageviews.

 
 
 
 
รออ่านตอนต่อไปนะคะ สนุกดีค่ะ

พี่คนยะลา ตอนนี้ทำงานที่หาดใหญ่ ไปกลับทุกอาทิตย์ อ่านแล้วนึกภาพออกเลยค่ะ
 
 

โดย: pocha_t วันที่: 20 สิงหาคม 2556 เวลา:13:13:19 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

พิณณ์อวี
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add พิณณ์อวี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com