เรื่องเล่าจากห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ (ตอนจบ) แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไปเมื่อผมมาพบว่า ผมพิมพ์หัวข้อของโครงงานตก!! ประสาทแทบกินอีกครั้งแต่ถ้าไปส่งที่โรงเรียนอีกทีก็ไม่ได้ เพราะมันดึกมากแล้วเลยต้องส่งไฟล์ในตอนเช้าแทน(และมันก็เป็นวันที่ผมไปโรงเรียนเช้าที่สุดเท่าที่เคยไปในวันปกติ)แต่สุดท้ายได้ไวนิลมาก็ต้องแก้ใหม่อยู่ดี เพราะผมตัดตารางผลการทดลองออกไปตามคำแนะนำของครูการงานท่านหนึ่ง เรียกได้ว่าเสียเงินและเวลารอบสอง ทีนี้ก็ถึงวันเดินทางไปนำเสนองานแล้วซึ่งก็เสียเงินค่าเดินทางและที่พักอีกนั่นแหล่ะ เพราะโรงเรียนมีงบไม่พอเนื่องจากถูกตัดงบสนับสนุนส่วนนี้ไปเพราะผลงานของรุ่นก่อนไม่ดีพอ (เลยต้องรับเคราะห์แทนรุ่นพี่ )นั่งรถมาเกือบ 5 ชั่วโมงพอถึงโรงเรียนนารีรัตน์ ก็ไปลงทะเบียนและไปนั่งกินโต๊ะจีน (แบบอลังการมาก)โดยมีการแสดงด้วย ซึ่งผมนั้นได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแสดงแต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝนจะไม่เป็นใจซักเท่าใด เมื่อในขณะที่หมู่ครูและนักเรียนจากหลายๆโรงเรียนกำลังร่วมรับประทานอาหารและชมการแสดงอยู่นั้นฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักและไม่มีท่าทีจะหยุดเลยจนทำให้งานต้องกร่อยไป(ก็สงสารเจ้าภาพอยู่นะ) เลยจำเป็นต้องกลับที่พักไปแต่ยังดีที่เพื่อนยังแบ่งอาหารไว้ให้อยู่ แต่ก็เป็นเวลาที่มีความสุขเช่นกันช่วงค่ำหลังจากเดินฝ่าฝนไปเดินซื้อของในห้างใกล้ๆที่พักก็มาฝึกอ่านสคริปต์ที่เตรียมไว้เช้าอีกวันก็ถึงเวลานำเสนอ ซึ่งเป็นช่วงที่ตื่นเต้นมาก โดยการนำเสนอแบ่งเป็นสามแบบคือ นำเสนอปากเปล่าแบบภาษาอังกฤษ แบบภาษาไทย และนำเสนอแบบโปสเตอร์ โดยกลุ่มผมได้นำเสนอแบบโปสเตอร์ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผมจึงจริงจังกับการทำโปสเตอร์มากพอถึงการนำเสนอจริงๆในตอนบ่ายนั้น มันเป็นเวลาที่ตื่นเต้นมากจริงๆโดยกลุ่มผมนั้นได้นำเสนอเป็นกลุ่มที่ 8 โดยกำหนดเวลา 10นาที แต่เมื่อเห็นการนำเสนอของโรงเรียนอื่นๆนั้นก็ทำให้ผมยิ่งกังวลและตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเพราะกลัวจะนำเสนอได้ไม่ดี ยิ่งพอถึงคิวตนเองนั้น จากที่ตื่นเต้นมากแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก จนกระทั้งนำเสนอ ก็ได้ลืมแนะนำชื่อสมาชิกไป แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เมื่อถึงเวลาที่กรรมการได้ถามคำถามนั้นกลุ่มผมกลับทำได้ดีเกินคาด และยังตอบคำถามได้ทั้งหมดด้วย และแล้วก็หมดเวลา 10 นาทีไปเหมือนดังยกภูเขาออกจากอก มันโล่งไปหมด ความเครียด ความกังวลและความตื่นเต้นที่เคยมีมาก่อนหน้าทีหายไปหมด เหลือไว้แค่ความความสุขและความโล่งใจดังนั้นพอถึงวันงานวันสุดท้ายในเช้าถัดไปจึงมีเวลาไปเดินและถ่ายรูปเล่นในตัวเมืองเต็มที่มันเป็นอะไรที่ช่างสุขใจมากๆ ระหว่างทางนั้นก็ได้เจอกับครูสอนคณิตที่มาด้วยกันจึงเดินไปเที่ยวกับครู ซึ่งครูนั้นเป็นคนแพร่ด้วย เลยรู้สถานที่ที่น่าสนใจหลายจุด เมื่อการนำเสนอของกลุ่มสุดท้ายของโรงเรียนจบลงไป จึงถึงเวลาเดินทางกับบ้านและเหลือไว้แค่ความทรงจำที่มีทั้งเรื่องดีและแย่ปะปนกันไปให้รู้ว่าชีวิตมันไม่เคยมีประสบการณ์อะไรที่ผ่านมาหรือได้มาง่ายๆ ถ้าไม่พยายามและยังเป็นประสบการณ์ที่ถ้าไม่ตัดสินใจมาเรียนในห้องเรียนพิเศษแล้วคงไม่มีโอกาสได้รับประสบการณ์แบบนี้ ในระดับชั้นมอปลายที่ไหนอีกเลย |
สมาชิกหมายเลข 1208501
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |