ทำยังดีเมื่ออยากลดน้ำหนัก?

สวัสดีคะชาวพันทิพทุกท่าน

หลังจากที่ได้เข้ามาเขียนเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเมื่อมาอยู่ต่างแดน คิดว่าหลายๆคนน่าจะสนใจคะ มาครั้งนี้อยากจะแนะนำง่ายๆเรื่องการดูแลสุขภาพรวมไปถึงการลดน้ำหนักแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะการที่ยิ่งลดเร็วมากเท่าไหร่ โอกาศที่น้ำหนักจะกลับมาเร็วนั้นก็ยิ่งมีสูง อยากให้นึกถึงเวลาที่เราอดอาหาร เมื่อเรายิ่งอดมากเท่าไหร่ พอหิวทีเราจะตะบะแตกทานไม่เลือกเลย (คิคิคิ) คราวนี้ละจากที่อยากจะลด กลับจะขึ้นเร็วมากกว่าเดิม

เริ่มต้นจากการถามตัวเองก่อนว่าตัวเราพร้อมมั้ย?

1.พร้อมที่จะลดอาหารที่ทานให้น้อยลงมั้ย? และทานให้บ่อยค่อย เปลื่ยน จากมื้อใหญ่ๆวันละ 2-3 มื้อปกติ เป็น วันละ 4-5 มื้อ หรือ 5-6 มื้อ ต่อวัน แต่ละมื้อทานแค่พออิ่มเท่านั้น มื้อเล็กๆๆ แค่ให้หายท้องร้องพอ อิอิอิ

2.พร้อมมั้ยที่จะใช้เวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีในการออกกำลังกายหรือวิ่งต่อวันหรือวันเว้นวันหรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง?

3.พร้อมมั้ยที่จะเลือกทานอาหารให้ดีขึ้นและทานของหวานรวมทั้งไอศครีมให้น้อยลง?

4.พร้อมมั้ยที่จะเลิกทานจุกจิก

5.ถ้าคุณพร้อมแล้ว เราก็มาเริ่มได้เลยคะ

เริ่มต้นเลยถ้าคุณไม่เคยออกกำลังตั้งแต่มาอยู่ต่างแดน คุณต้องมีการปรับสภาพร่างการก่อน ห้ามหักโหมออกกำลังกายในวันแรก เพราะจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยตัวมากๆในวันถัดไปและจะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจที่จะออกกำลังกายอีกคะ

มื้อเช้าตื่นนอนควรจะหาเครื่องดื่ม Protein Shake (โดยส่วนตัวจะดื่ม Soy Milk คะ) แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ดื่ม Protein Shake จะดีกว่าคะ ไปหาซื้อตาม Health food store ได้คะ หลังจากดื่มแล้วรอซัก 5 นาที จากนั้นจะเริ่มออกกำลังกายอย่างช้าๆ ในกรณีถ้าคุณมีเครื่องออกกำลัยกายอยู่ที่บ้านแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจากวิ่งหรือเดินช้าๆแล้วค่อยเซ็ตให้เร็วขึ้นหลังจาก 5 นาที เพราะถ้าคุณเซ็ตความเร็วให้สูงเลยตั้งแต่เริ่มวิ่ง คุณจะเหนื่อยเกินไปเมื่อทำครบ 30 นาที บางทียังไม่ถึง 30 นาทีด้วยซ้ำคุณก็จะหอบแล้ว ให้คุณค่อยๆวิ่งไปเรื่อยๆ ให้เร็วแค่พอเหมาะ Speed ไม่เกิน 2.6-3.0 ในช่วงแรกๆที่ออกกำลังกาย ในระหว่างที่คุณวิ่งอยู่บนเครื่องถ้าเหลือเวลาอีก 5 นาทีใกล้จะครบ 30 นาทีที่ตั้งไว้แล้ว ให้คุณค่อยๆปรับความเร็ว Speed ให้น้อยลง ค่อยๆน้อยลง จนเหลือ 1.3-.14 เหมือนการเดินช้าๆ เพื่อให้ร่างกายในปรับภาพก่อนที่เครื่องจะหยุด ไม่อย่างนั้นถ้าคุณวิ่งเร็วๆแล้วมาหยุดเลยทันทีโดยไม่มีการปรับตัวก่อน เมื่อคุณก้าวลงมาเหยียบที่พื้นแล้ว อาจจะเกิดอาการเซโลงังได้คะ 555 คือมึนหัว ยืนไม่ตรงเซไปเซมา อาจจะเกิดอันตรายได้ถ้าคุณหักโหม จากที่อยากจะลดความอ้วน กลายเป็นเจ็บตัวซะก่อนคะ
สำหรับท่านที่ไม่มีเครื่องออกกำลังกายที่บ้าน ก็ให้ออกไปวิ่งนอกบ้านคะ จับเวลาซัก 30 นาที พอ
เคยได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เค้าบอกว่าถ้าคนที่ผอมอยู่แล้วแต่อยากให้หุ่นคงที่วันละ 30 นาทีก็ถือว่าพอดีแล้วคะ แต่ถ้าคนที่ค่อนข้างน้ำหนักเยอะก็วันละ 1 ชม. คะ

เมื่อทำครบ 30 นาทีแล้ว ก็ไปนั่งพักทานข้าวได้คะ

เมื่อคุณลองสังเกตุดีๆว่าเมื่อทานข้าวมากๆนั้นจะทำให้ร่างกายรู้สึกหนักและหนักท้องด้วย แต่ถ้าคุณได้ทานอะไรที่ไม่เน้นข้าวหรือแป้งมากนัก จะทำให้ท้องรู้สึกเบาขึ้น ก่อนทานอาหารควรจะดื่มน้ำก่อน เพื่อช่วยกำจัดความหิวที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เราจะได้ไม่ต้องรีบกินเพราะหิว เวลาทานอาหารอย่ารีบทานคะให้ทานช้าๆค่อยเคี้ยวให้ละเอียด การเคี้ยวอาหารให้ระเอียดจะทำให้ย่อยอาหารให้ได้ง่ายขึ้นคะ

คราวนี้มาเริ่มกับอาหารทั่วไปต่อวันที่จะทานนะคะ เน้นไม่หนัก แต่ไม่ต้องถึงขนาดมานั่งอดสุดๆ เพราะคิดว่าคงไม่ดีกับสุขภาพแน่ๆ เพราะอากาศและหลายๆอย่างที่ต่างแดน ไม่เหมือนที่เมืองไทย รู้สึกหิวง่าย และอยากกินนู้นกินนี่ตลอด (คิดว่าไม่เป็นทุกคนคะ แต่หลายๆท่านที่คุยมาเป็นกันคะ) เวลาอดอาหารเมื่ออยู่ต่างแดน อาจจะรู้สึกต่างกันคะ คือ อดอาหารที่ต่างแดนจะรู้สึกเหนื่อยง่ายมาก เพลียง่ายและมึนหัว เราเองตอนอยู่เมืองไทยบางวันกินนิดเดียว ยังออกไปเดินเที่ยวได้ทั้งวันโดยที่ไม่เป็นไร ดังนั้นต้องระวังไว้นิดนึงคะ เดี๋ยวจะร่วงซะก่อนสวย

มื้อเช้า/มื้อแรก (แล้วแต่คนตื่นนะคะ ถ้าตื่นสายก็เรียกเป็นมื้อเช้าไปละกัน คริคริ) ที่อยากจะแนะนำคือ ทานข้าวให้น้อยลง อย่าตักข้าวเยอะมากๆ โดยส่วนตัวตักแค่ทัพพีเดียว คุณอาจจะทานไก่ต้มซัก 2 ชิ้น จะเป็นอกไก่หรือน่องก็ได้คะ ฟังแล้วมันดูจืดจังไม่น่าทานเลยใช่มั้ยคะ? (จะทำเป็นไก่อบก็ได้คะ ส่วนไก่ทอดนั้นนานๆครั้งไม่ว่ากัน) คุณอาจจะหาน้ำจิ้มไก่ไปหาซื้อตามเอเชียมาเก็ตหรือทำน้ำจิ้มเองก็ได้แล้วแต่สะดวกคะ หรือจะทำเพิ่มเติมรสชาติให้เผ็ดขึ้นก็ได้คะ แต่ถ้าคิดว่าไม่อิ่มแน่ๆ คุณอาจจะเสริมด้วยซุปผักหรือซุปเต้าหู้เล็กๆซักถ้วย ลืมบอกไปคะว่าถ้าจะทานไก่ 2 ชิ้น ก็ไม่ควรทานข้าว แต่ถ้าอยากจะทานข้าวด้วย ก็ให้ทานไก่แค่ชิ้นเดียวคะ

มื้อเที่ยง
อาจะทานเป็นสลัดไปหาซื้อตามซุปเปอร์ได้แบบสำเร็จรูป คุณอาจจะคิดว่าน้ำสลัดมันก็อ้วนนี่นะ! เราคิดว่าการที่แต่ละวันในบางมื้อเราได้ทานอะไรที่มันอร่อยๆบ้าง มีไขมันบ้างนิดนึงมันก็จะรู้สึกดีไม่น้อย ดีกว่าต้องมาฝืนกินแบบจืดชืดไม่อร่อยทั้งวัน มันจะทำให้อารมณ์เสียด้วย อิอิอิ แค่อย่าใส่น้ำสลัดเยอะจนเกินไป ให้ใส่น้อยแค่พอให้มีรสชาติคะ
อยากจะบอกว่าโดยส่วนตัวชอบทานสลัดของที่ Wegmans มากๆคะ อร่อยมากน้ำสลัดสุดยอด แต่อ้วนคะ ดังนั้นก็เลยต้องบอกเค้าว่าอย่าใส่เยอะ พอกลัวอ้วนมากกว่าจะตามใจปากคะ

มื้อเย็น
ควรจะทานอะไรที่มันไม่หนักมาก เพราะเมื่อคุณกลับมาถึงบ้านแล้วหลังจากทานข้าวไปมันก็ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะเหมือนช่วงระหว่างวันที่ต้องทำงานเดินไปเดินมา ผักต้มกับปลาตัวนึงน่าจะกำลังดี หลายๆคนไม่ชอบทานปลานึ่งเพราะมันเหมือนมีกลิ่นคาว ส่วนตัวชอบทานปลาทอดคะ เมื่อทอดเสร็จแล้วจะเอาไปซับความมันออกก่อนแล้วค่อยทาน แต่ที่เน้นๆคือผักต้มจะทานเยอะพอควร โดยส่วนตัวจะไปซื้อผักมาหลายๆอย่างรวมกันทั้งแครอทด้วย เอาไปล้างให้สะอาดๆและเอาไปต้มๆรวมๆกัน แต่ถ้ามันจืดมาก ทานไมได้ ก็ไปหาน้ำจิ้มหรืออะไรมาทานด้วยก็ได้คะ ส่วนตัวก็จะทำน้ำจิ้มที่เค้าเอาไปยำมาม่าอะคะ ปรุงรสแล้วใส่ถ้วยแยกตางหากไว้ มาทานรวมกับผักเพราะมันจะได้ไม่จืดชืดจนเกินไป อาจจะฟังเหมือนตลก แต่ทานด้วยกันแล้วรถชาติไม่เลวเลย (ลองนึกถึงยำมาม่าบ้านเราอะคะ แต่อันนี้แค่ไม่มีต้องใส่เครื่องมากเน้นกินผักเป็นหลักคะ)

อยากบอกไว้ตรงนี้ก่อนนะคะว่าควรจะงดการทานอาหารที่เค็มเกินไป เพราะความเค็มจะเป็นตัวกักเก็บน้ำทำให้หน้าท้องคุณป่องได้คะ

เแรกๆอาจจะลำบากและทรมานในการปรับตัวในเรื่องของการทานอาหารนะคะ แต่เมื่อทำได้แบบนี้เป็นเวลาซัก 1-2 อาทิตย์ขึ้นไป (ส่วนตัวอาทิตย์เดียวรู้สึกถึงความเปลื่ยนบ้างแล้วคะ) คุณจะรู้สึกเองว่าตัวเบาขึ้น ไม่อึดอัดมาก และเมื่อคุณรู้สึกถึงความแตกต่างแล้วคุณก็จะได้มีกำลังใจในการทำต่อไปคะ

ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องมีเป้าหมายและคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอคะว่าสู้ๆ คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้

มาถึงตรงนี้ถ้าใครมีเมนูเด็ดๆ หรือมีอะไรอยากคุยเพิ่มเติมแนะนำกันเข้ามาได้เลยนะคะ ข้อมูลที่ได้เขียนมาทั้งหมด อาจจะมีอะไรขาดตกบกพร่องไม่ครบถ้วน ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณมากนะคะ

Create Date : 26 กรกฎาคม 2551		0 comments
Last Update : 26 กรกฎาคม 2551 11:22:18 น.
Counter : 491 Pageviews.
Share Tweet