|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นกยางโทนใหญ่
นกยางโทนใหญ่ Casmerodius albus (Great Egret) เป็นนกยางสีขาวๆที่ตัวโตที่สุดที่พบในประเทศไทยคือมีความยาวจากปลายปากจรดปลายหาง 91-104 เซนติเมตร ความกว้างจากปลายปีกถึงปลายปีก 131-145 เซนติเมตร และมีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม ในชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์ขนคลุมตัวเป็นสีขาวปลอด ปากลักษณะคล้ายกริชเป็นสีเหลือง ขาและเท้าสีดำ นกทั้งสองเพศคล้ายคลึงกัน
เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ นกจะมีขนประดับสีขาวยาวยื่นออกมาจากบริเวณกลางหลัง ชุดขนนี้จะมีลักษณะคล้ายพู่คลุมชุดขนเดิมทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น เมื่อจะเกี้ยวพาราสี นกจะยกขนชุดนี้ขึ้นดูคล้ายนกยูง ปากเปลี่ยนเป็นสีดำ ขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง ซึ่งสีแดงนี้อาจเป็นสีแดงเข้มหรืออ่อน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่พบนก หากพบตอนที่เปลี่ยนชุดขนเต็มที่ ก็จะแดงก่ำเลยทีเดียว หนังเปลือยเปล่าบนหน้าเปลี่ยนจากสีเหลืองอ่อนเป็นสีฟ้าอมเขียวสดใส ทำให้นกดูมีสีสัน สวยงามขึ้นมาก
นกยางโทนใหญ่มักถูกพบตามทะเลสาบ ทุ่งนา ป่าชายเลน หาดโคลน นาเกลือ หนองน้ำ บึง ที่มีอาหารชุกชุม ซึ่งอาหารของนกชนิดนี้ก็คือ ปลา แมลง สัตว์เลื้อยคลานเล็กๆ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง กบ เขียด หรือแม้กระทั่งนกเล็กๆ ในประเทศไทยเป็นนกที่พบได้บ่อยมาก นกที่พบในภาคกลางมักเป็นนกประจำถิ่นและนกที่พบในภาคอื่นๆมักเป็นนกอพยพที่เข้ามาหากินในช่วงฤดูหนาว ในการหาอาหาร นกยางโทนใหญ่จะยืนนิ่งๆบนตลิ่ง ข้างร่องน้ำ หรือยืนในน้ำ เมื่อเห็นเหยื่อก็จะพุ่งคอลงไปและใช้ปากอันแหลมคมทิ่มเหยื่อ และยกขึ้นมากินเหนือน้ำ
นกยางโทนใหญ่เป็นนกที่มีการกระจายพันธุ์เกือบจะทั่วโลก ทั้งทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นนกทิ่อพยพในฤดูหนาวไปยังประเทศที่อบอุ่นกว่า ทำรังเป็นกลุ่มก้อนร่วมกับนกยางอื่นๆ ทำรังจากกิ่งไม้นำมาวางสานกันและคลุมด้วยใบไม้ บนต้นไม้หรือพุ่มไม้ วางไข่สีฟ้าอมเขียวอ่อนๆครั้งละประมาณ3ฟอง
แม้ว่าจะเป็นนกที่มีปริมาณมากทั่วโลก แต่ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่สหรัฐอเมริกาเคยมีการล่าเอาขนประดับของนกชนิดนี้มาประดับหมวกจนนกมีจำนวนลดลงไปมาก จนกระทั่งมีกฎหมายออกมาคุ้มครอง นกจึงเพิ่มจำนวนขึ้นมาจนปัจจุบันอยู่ในภาวะที่เสี่ยงน้อยที่สุดต่อการสูญพันธุ์ และ นกชนิดนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ National Audubon Society ของสหรัฐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งคือเพื่อปกป้องนกที่ถูกฆ่าเพื่อเอาขน
การจำแนกนกชนิดนี้จากนกยางชนิดอื่นค่อนข้างง่าย เพราะมีขนาดตัวโตกว่านกยางชนิดอื่นที่พบในเมืองไทยอย่างเห็นได้ชัด คือ นกยางโทนใหญ่ 91-104 ซม. นกยางจีน(หาพบยาก) 69 เซนติเมตร นกยางโทนน้อย(นกอพยพ) 71 เซนติเมตร นกยางเปีย 61 เซนติเมตร และนกยางควาย(เฉพาะชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์เป็นสีขาวทั้งตัว) 51 เซนติเมตร นกที่มีขนาดและหน้าตาใกล้เคียงกับนกยางโทนใหญ่ที่สุดคือยางโทนน้อย Egretta intermedia(Intermediate Egret) ซึ่งมีปากเหลือง ขาและเท้าสีดำเหมือนกัน ข้อสังเกตคือนกยางโทนใหญ่มีคอที่ยาวกว่าและตัวใหญ่กว่า
นกยางโทนใหญ่นี้ถ่ายภาพมาจากอ่างเก็บน้ำบางพระ และบริเวณนาเกลือ ตำบลโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร
ข้อมูลจาก :
//www.birds.cornell.edu //en.wikipedia.org/
Create Date : 12 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 8:24:10 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2839 Pageviews. |
|
|
|
โดย: จันทร์น้อย วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:20:11:25 น. |
|
|
|
โดย: เสียงซึง วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:1:29:31 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์น้อย วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:20:29:35 น. |
|
|
|
โดย: quin toki วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:14:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปกติไม่ค่อยได้ดูนกน้ำเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างจำแนกยาก ชอบดูนกป่ามากกว่าค่ะ
แต่รูปนกที่คุณจันทร์น้อยถ่ายมาสวยๆ ทุกรูปเลย
แล้วจะแวะมาเยี่ยมอีกนะคะ