space
space
space
 
มิถุนายน 2561
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
3 มิถุนายน 2561
space
space
space

คู่แท้ (นิยายรักแฟนตาซีข้ามภพ ตอน ๔)



  คู่แท้


ตอนที่ ๔

ในเช้าวันต่อมา เจนนรีรีบเข้างานตามปรกติ หล่อนแวะขอกาแฟดื่มจากคุณแม่บ้านที่ห้องครัวของแผนก จากนั้นจึงเดินมาที่โต๊ะทำงาน ทันทีที่หล่อนนั่งลงกับโต๊ะเพื่อจะหยิบแฟ้มงานที่ใส่ลายผ้าต้นฉบับ เสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น เจนนรียกโทรศัพท์แล้วตอบไปว่า “สวัสดีค่ะ” เป็นสายของคุณปรางค์ เลขาผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้านั่นเองที่โทรมา “คุณเจนคะ ท่านผู้จัดการมาแล้วค่ะ คุณเจนเอางานมาให้ท่านดูได้เลยค่ะ ช่วงเช้านี้ท่านไม่มีนัดประชุมอะไรค่ะ” เจนนรีรู้สึกดีใจจึงรีบตอบกลับไปว่า“ค่ะๆ เดี๋ยวเจนจะรีบเอางานไปให้ท่านดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

แต่พอเจนนรีจะหยิบแฟ้มที่หล่อนใส่ลายผ้าต้นฉบับไว้นั้นก็ปรากฏว่า หล่อนหามันไม่เจอ ไม่ว่าหล่อนจะหยิบแฟ้มเล่มไหนขึ้นมาเปิดดูก็ไม่พบว่าใช่สักอัน เจนนรีบ่นกับตัวเอง “หายไปไหนนะ ก็เมื่อวานเรายังวางไว้บนโต๊ะอยู่เลยนี่นา” พี่ตาลเดินผ่านมาพอดีจึงถามเจนนรีว่า “มีอะไรหรอคะน้องเจน” “แฟ้มงานต้นฉบับลายผ้าไทยประยุกต์ของเจนน่ะค่ะไม่รู้มันหายไปไหน” เจนนรีตอบด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง พี่ตาลจึงพูดว่า “ค่อยๆหา เดี๋ยวก็เจอเองละค่ะ แฟ้มบริษัทเราก็เหมือนอุปกรณ์สำนักงานชิ้นอื่นๆที่เวลาสั่งมาทีก็จะสั่งเป็นล็อตใหญ่ หน้าตาแฟ้มมันเลยดูเหมือนกันไปหมด”

แล้วเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะของเจนนรีก็ดังขึ้นอีกรอบ เจนนรียกหูโทรศัพท์ขึ้นรับสาย “สวัสดีค่ะ” เป็นเสียงของคุณปรางค์อีกครั้ง “คุณเจนคะ ท่านผู้จัดการถามถึงงานของคุณเจนน่ะค่ะ ท่านขอดูงานตอนนี้เลยค่ะ เชิญคุณเจนมาที่ห้องหน่อยนะคะ” เจนนรีตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี หล่อนได้แต่ตอบไปว่า “เอ่อ...คือ...งานเจนหายไปไหนก็ไม่ทราบอ่ะค่ะ เจนกำลังค้นแทบจะทุกแฟ้มบนโต๊ะแล้วอ่ะค่ะ รบกวนคุณปรางค์แจ้งขอโทษท่านผู้จัดการให้ทีนะคะ เดี๋ยวถ้าเจนหาแฟ้มงานต้นฉบับเจอแล้วจะรีบไปพบท่านค่ะ”

เจนนรีพยายามค้นดูทุกแฟ้มจนครบทุกอันบนโต๊ะของหล่อนเป็นรอบที่สองก็แล้ว แต่ก็ยังไม่พบแฟ้มงานต้นฉบับลายผ้าไทยประยุกต์อยู่ดี ‘จะทำยังไงดีละนี่ จะปล่อยให้ท่านผู้จัดการรอนานก็คงไม่ดีแน่’ เจนนรีคิดในใจแล้วจึงตัดสินใจว่า ‘เราพริ้นต์งานลายผ้าแบบแรกที่เราเซฟไฟล์ไว้แล้วให้ท่านดูก่อนก็แล้วกัน ดีกว่าไม่มีความก้าวหน้าอะไรส่งให้ท่านดูเลยสักอย่าง’ ว่าแล้วเจนนรีก็พริ้นต์แบบผ้าลายแรกที่หล่อนบันทึกลงคอม แล้วเดินไปที่ตู้เก็บอุปกรณ์สำนักงาน เพื่อหยิบแฟ้มใหม่มาใส่ จากนั้นก็ตรงไปพบท่านผู้จัดการแผนกฯ

เมื่อเจนนรีไปถึงห้องท่านผู้จัดการ “เชิญนั่ง” ท่านผู้จัดการกล่าวแล้วจึงถามถึงงานออกแบบของเจนนรีว่า “เป็นยังไงบ้าง เห็นคุณปรางค์บอกว่าเมื่อวานคุณถือแฟ้มงานต้นฉบับมาส่งผม เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่มั้ย ไหนขอผมดูงานที่คุณออกแบบหน่อยซิ” เจนนรีส่งแฟ้มอันใหม่ให้ท่านผู้จัดการด้วยมือสั่นพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ท่านผู้จัดการรับแฟ้มงานจากเจนนรี แต่ยังไม่ทันเปิดออกดู เพราะสังเกตเห็นสีหน้าเจนนรีที่ดูผิดปรกติไป

“วันนี้คุณเป็นอะไรรึ ไม่สบายรึเปล่า ทำไมดูหน้าซีดเซียวจัง” ท่านผู้จัดการถาม เจนนรีจึงจำต้องตอบตามจริงว่า “คือ... เมื่อวานเจนยังไม่ทันได้เซฟภาพลายผ้าแบบที่สองลงคอมฯเพราะคิดว่าจะเอางานมาให้ผู้จัดการดูก่อนเผื่อท่านจะมีความเห็นให้เพิ่มเติมหรือปรับแก้งาน แต่วันนี้แฟ้มที่ใส่งานไว้มันหายไปอ่ะค่ะ วันนี้เจนเลยมีแต่งานแบบผ้าลายแรกมาส่งให้ท่านผู้จัดการดูแค่ลายเดียวอ่ะค่ะ” “อะไรนะ งานคุณหายเสียงอุทานด้วยความที่ไม่คาดคิดของท่านผู้จัดการดังขึ้น

จากนั้นท่านผู้จัดการก็ถามต่อไปว่า “แล้วมันหายไปได้ยังไงกัน คุณเก็บแยกแฟ้มกัน แล้วเลยลืมไปรึเปล่า” เจนนรีรีบตอบว่า “เปล่านะคะ เมื่อวานเจนเก็บแบบต้นฉบับทั้งสองรวมกันในแฟ้มเดียวค่ะ เมื่อกี๊ก็ลองค้นดูทุกแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะแล้ว แต่ก็หาไม่เจอค่ะท่าน” ท่านผู้จัดทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หรือว่าออฟฟิสเราจะมีขโมยซะแล้ว” คำพูดของท่านผู้จัดการทำให้เจนนรีนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อวานตอนเย็นขณะที่หล่อนรีบร้อนออกไปหาพี่เกดกับคุณหญิงนั้น คุณริต้าและพี่สมยศยังไม่กลับบ้าน ทั้งที่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว

“ผู้จัดการคะ เจนขออนุญาตดูภาพจากกล้องวงจรปิดของทางบริษัทหน่อยได้มั้ยคะ” เจนนรีกล่าว ท่านผู้จัดการฟังแล้วเกิดข้อสงสัย “ว่าไงนะจะดูภาพจากกล้องวงจรปิด? แต่ว่าออฟฟิสเราถึงจะติดกล้องวงจรปิดไว้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ติดทุกซอกมุมนะ ที่แผนกออกแบบลายผ้าที่พวกคุณนั่งอยู่น่ะก็ไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่นะ เพราะผมอยากให้ทุกคนทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกว่ามีใครมาคอยจับผิด ไม่ต้องรู้สึกเคร่งเครียด ไอเดียออกแบบจะได้เกิดขึ้นง่ายหน่อย”

เจนนรีรีบชี้แจงว่า “คือว่า...เมื่อตอนเย็นวานนี้ตอนที่เจนถือแฟ้มกลับไปที่โต๊ะ เจนเห็นว่ามีพี่ในแผนกสองคนยังไม่กลับ ทั้งๆที่ตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว เจนแค่อยากจะเช็คหน่อยน่ะค่ะว่า ใครอยู่ดึกที่สุดหลังจากที่เจนกลับออกไปแล้ว และตอนที่เขาสองคนเดินออกไปจากตึกนั้นมีท่าทีพิรุธอะไรรึป่าวอ่ะค่ะ” ผู้จัดการได้ฟังดังนั้นแล้วจึงตอบว่า“อืม...ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวเราไปที่ห้องหัวหน้าหน่วย ร..ภ กัน แต่เดี๋ยวก่อน...สองคนที่กลับทีหลังคุณนั่นเป็นใครกันบ้าง

เจนนรีตอบว่า “มีคุณริต้ากับพี่สมยศค่ะ” ผู้จัดการฟังแล้วทำหน้าครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดว่า “คุณสมยศทำงานกับเรามานานเกือบจะสิบปีแล้วนะ เขาไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลย ส่วนคุณริต้า...เขาเพิ่งจะเข้ามาทำงานกับเราได้แค่ปีกว่าๆ แต่ยังไงก็ยังคงยังตัดสินคนเพียงแค่ดูอายุงานอย่างเดียวไม่ได้หรอก” “ถ้างั้นเราลองไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดสักหน่อยเถอะค่ะ เผื่อจะได้เบาะแสอะไรบ้าง” จากนั้นท่านผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้าและเจนนรีก็ตรงไปยังห้องหัวหน้าหน่วยร...

ทางฝ่าย ร..ภได้ให้ทั้งสองคนดูภาพในตำแหน่งทั้งทางหน้าประตูทางเข้า ด้านข้างของตึกและจุดที่เป็นทางออกไปยังลานจอดรถ ภาพที่ปรากฏนั้นพบว่าคุณริต้ากลับออกไปหลังจากเจนนรีเพียง 30 นาที โดยตรงไปที่ลานจอดรถชั้น 3แล้วขับรถของตนเองออกไป ส่วนคุณสมยศนั้นกลับออกจากตึกเป็นคนสุดท้าย คือ เมื่อประมาณ 3 ทุ่ม โดยออกทางประตูด้านข้างที่ชั้นล่างของตึก เนื่องจากเขาจอดรถไว้ที่ชั้น 1

ผู้จัดการดูแล้วจึงพูดกับเจนนรีว่า “ดูจากภาพพวกนี้แล้ว มันก็ยังยืนยันอะไรไม่ได้หรอกนะ ถึงคุณสมยศจะกลับดึกเป็นคนสุดท้ายของตึกก็ตามทีเถอะ” แต่เจนนรีกลับตอบผู้จัดการว่า “เจนไม่คิดว่าจะเป็นคุณสมยศหรอกค่ะ เจนกลับสงสัยคุณริต้ามากกว่าค่ะ” ผู้จัดการรีบถามกลับในทันที “ทำไมล่ะดูแล้วเขาก็ไม่ได้มีพิรุธอะไรนี่ แถมยังกลับบ้านหลังคุณแค่ 30 นาทีเองนะ” เจนนรีจึงตอบว่า “คือเจนแค่สงสัยน่ะค่ะ เพราะกระเป๋าสะพายของคุณริต้ามันใบใหญ่มาก ในขณะที่พี่สมยศไม่ได้ถืออะไรติดตัวออกไปเลย”

ท่านผู้จัดการฟังแล้วจึงได้เข้าใจว่า “อ้อ นี่คุณกำลังสงสัยว่า แฟ้มคุณอาจถูกคุณริต้าขโมยใส่กระเป๋าไปอย่างงั้นรึ” เจนนรีได้แต่ตอบว่า “เจนก็แค่สงสัยน่ะค่ะ เพราะขนาดกระเป๋าสะพายของคุณริต้ามันใหญ่พอจะใส่แฟ้มของเจนได้สบายๆ” แต่ท่านผู้จัดการก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักจึงกล่าวว่า “แต่เราก็ไม่สามารถจะมองทะลุเข้าไปในกระเป๋าได้นะ ยังไงก็คงจะกล่าวหาคุณริต้าลอยๆ ไม่ได้หรอกตราบใดที่เรายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอ”

เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ท่านผู้จัดการจึงได้แต่บอกกับเจนนรีว่า “วันหลังคุณก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน ต่อให้เป็นงานที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติเป็นฉบับสมบูรณ์ ยังไงซะก็ควรจะเก็บสำรองไว้ในคอมฯก่อนน่าจะปลอดภัยที่สุด” เจนนรีได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเหมือนรู้สึกถูกต่อว่าว่าตนเองไม่รอบคอบแล้วจะไปกล่าวใครได้ เธอจึงได้แต่ตอบท่านผู้จัดการไปว่า “ค่ะ ต่อไปเจนจะระวังมากขึ้น” ท่านผู้จัดการจึงกล่าวว่า “ถ้ายังหามันไม่เจอ วันนี้คุณคงต้องวาดลายผ้าแบบที่สองใหม่อีกรอบแล้วล่ะ ไม่งั้นจะไม่ทันเอาเข้าที่ประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้นะ”

เจนนรีได้แต่ก้มหน้ากัดฟันรับคำสั่ง “ค่ะ ดิฉันจะรีบทำขึ้นมาใหม่ให้ทันนำเสนอในที่ประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้” จากนั้นหล่อนก็เดินออกจากห้องของผู้จัดการ ระหว่างทางเดินกลับมาที่แผนก เจนนรีได้แต่คิดในใจว่า “น่าเสียดายจังที่ตอนนี้พลังที่มือซ้ายของเราหายไปแล้ว ไม่งั้นเราเพียงหาทางได้สัมผัสกระเป๋าของริต้า เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าริต้าเอาของเราไปที่ไหน” แต่ทว่ามือซ้ายของหล่อนนั้นถูกน้ำมนต์ที่พลัดออกมาจากนิมิตครั้งก่อนลบพลังไปหมดสิ้นแล้ว

เจนนรีกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้งเพื่อจะลงมือวาดภาพลายผ้าแบบที่สองใหม่ จังหวะนั้นพอดีกับคุณริต้าเดินถือขนมเข้ามา มันเป็นกล่องคุกกี้ซึ่งมีด้วยกันหลายสี หล่อนตั้งใจเดินถือกล่องขนมมาแจกเพื่อนๆในแผนก โดยเริ่มจากที่เจนนรีเป็นคนแรก “เจนจ๊ะ เอาสีอะไรดีจ๊ะ คุกกี้เจ้านี้อร่อยมากเลยนะต้าให้เจนเลือกเป็นคนแรกเลยนะจ๊ะ ในฐานะน้องใหม่” แต่เจนนรีกลับตอบไปว่า “ต้ากำลังจะทำให้เจนตายใจคิดว่าต้าเป็นคนดีรักเพื่อนร่วมงานอย่างเจนม๊ากมากน่ะหรอคะ ”

คุณริต้ามีสีหน้าประหลาดใจ “นี่เจนพูดอะไรคะ ต้าไม่เข้าใจ” เมื่อได้ยินดังนี้กลับยิ่งทำให้เจนนรีเกิดอาการฉุนเฉียวมากขึ้น เพราะหมั่นใส้ริต้าที่ช่างเสแสร้งเสียเหลือเกิน เธออยากจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับริต้าตรงๆไปเลยว่า ‘บอกมาตามตรงจะดีกว่านะว่าเธอใช่มั้ยที่เป็นคนขโมยงานของฉันไปเมื่อวานนี้ แล้วก็เลิกทำเป็นคนดีทำเป็นมาตีสนิทกับฉันเสียที เห็นแล้วเลี่ยน’ แต่เจนนรีก็ทำได้แค่ชักสีหน้าแสดงอาการหงุดหงิด แล้วเบือนหน้าไปอีกทางนึง

พี่ตาลเห็นสองคนทำท่าจะมีเรื่องมีราวกัน หล่อนจึงรีบเข้าไปดึงตัวริต้าออกมาแล้วพูดกับริต้าว่า “น้องเขาคงจะหงุดหงิดไปหน่อย พอดีว่าแแฟ้มงานของเขาหายไปน่ะต้า” แพมก็ช่วยดึงตัวริต้าออกห่างจากเจนนรีแล้วบอกกับริต้าว่า“เจนคงจะเข้าใจผิดไปน่ะ” จากนั้นแพมก็เรียกเพื่อนคนอื่นๆมาเลือกขนม “มาๆ พี่ยศคะ พี่แป๋วขา แล้วก็จี๊ดด้วยจ้ะ มาๆ ลองชิมขนมกันเถอะค่ะ” แต่ริต้ายังคงแสดงสีหน้างุนงงพร้อมกับถามพี่ตาลว่า “เจนเค้าคิดว่าต้าเป็นคนขโมยอย่างงั้นหรอคะ”

“ต้าเปล่านะคะพี่ตาล” ริต้ายืนยันกับเพื่อนๆ รวมทั้งพี่ตาล “พี่ว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ คงไม่มีอะไรหรอก” พี่ตาลตอบ แพมซึ่งสนิทกับริต้าก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงอะไร หล่อนเองก็รู้คร่าวๆเพียงแค่ว่าเมื่อวานว่าริต้ากลับเย็นกว่าปกติ “ขนมร้านนี้อร่อยดีนะต้า” แพมพยายามชวนคุยเพื่อเปลี่ยนประเด็นและไม่อยากให้บรรยากาศในห้องทำงานของแผนกวันนี้เสียไป ส่วนพี่สมยศซึ่งกลับเย็นไล่เลี่ยกันกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร ท่าทางจะเอร็ดอร่อยกับขนมเสียมากกว่า

ระหว่างที่แต่ละคนลองชิมขนมกันอยู่นั้น พี่จี๊ดก็สังเกตเห็นว่าวันนี้พี่สมยศใส่แหวนทองวงใหญ่ซึ่งมีลวดลายดูแปลกตา ตั้งแต่ร่วมงานกันมาจี๊ดไม่เคยเห็นพี่สมยศใส่แหวนหรือเครื่องประดับมีราคาขนาดนี้มาก่อน ทำให้จี๊ดอดจะทักพี่สมยศไม่ได้ว่า “พี่ยศขา... แหวนนี้พี่ได้แต่ใดมา” พี่สมยศอมยิ้มแล้วทำท่าอย่างภาคภูมิใจว่า“มรดกคุณตา ท่านให้” แป๋วซึ่งได้ยินด้วยก็พลอยแปลกใจจนต้องหยุดกินขนมแล้วจ้องดูแหวนของพี่สมยศ

แป๋วถามพี่สมยศว่า “นี่มันแหวนเก่าแก่มากเลยหรือเปล่าคะพี่ยศ” พี่สมยศถอดแหวนออกแล้วถือให้ทุกคนได้เห็นชัดๆพร้อมกับบอกเล่าว่า “แหม่... น้องแป๋วนี่ตาถึงจริงๆ มันเป็นสมบัติเก่าแก่ของตระกูลฝ่ายแม่ของพี่เอง แหวนนี้ทำด้วยทองคำหนักสามบาทกว่า มันเป็นทองคำโบราณ ที่หัวแหวนมีการลงอักขระบางอย่างไว้ คุณตาพี่เล่าให้ฟังว่าแหวนวงนี้ตกทอดมาแต่สมัยอยุธยาทีเดียวเลยนะ”

เจนนรีซึ่งนั่งลงที่โต๊ะตามเดิมแต่ยังไม่มีอารมณ์อยากจะวาดรูปใหม่ ตอนนี้เธอกลับหูผึ่งตื่นตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินพี่สมยศพูดคำว่า“ทองคำโบราณ” เจนนรีลืมความโกรธเรื่องริต้าไปสนิท แต่กลับสนใจอยากจะได้ดูแหวนเก่าแก่ของพี่ยศ ด้วยความคิดที่ว่าหากต้นตระกูลของพี่ยศเคยเกี่ยวข้องกับของโบราณพวกนี้ บางทีผู้ใหญ่ในตระกูลของพี่ยศอาจจะช่วยหล่อนในการไขปริศนากำไลทองคำของคุณหญิงเพ็ญโฉมก็เป็นได้

เจนนรีลุกขึ้นจากโต๊ะทันที แล้วค่อยๆเดินเข้าไปร่วมวงสนทนากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ หล่อนกล่าวกับพี่สมยศว่า “พี่ยศคะ เจนขออนุญาตดูแหวนของพี่ยศใกล้ๆหน่อยได้มั้ยคะ เจนสนใจลวดลายที่อยู่บนตัวแหวนน่ะค่ะ” พี่สมยศไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะรู้ว่าเจนนรีสนใจเกี่ยวกับลายไทย จึงตอบว่า “ได้สิ”พร้อมกับส่งแหวนนั้นให้เจนนรี เจนนรียื่นมือซ้ายไปรับแหวนวงนั้นเข้ามาดูใกล้ๆ เพื่อจะดูลวดลายที่ตัวเรือนและจะได้ซักถามถึงต้นตระกูลของพี่สมยศ

แต่ทว่าในทันทีที่ตัวเรือนแหวนทองคำโบราณนั้นสัมผัสถูกมือซ้ายของเจนนรี หล่อนก็รู้สึกได้ทันทีว่า พลังงานที่มือซ้ายของหล่อนซึ่งได้หายไปแล้วนั้นกลับถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เจนนรีพลันสังเกตเห็นว่ารอยปานแดงที่มือซ้ายหล่อนเริ่มกลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง หล่อนมีสีหน้าตื่นตะลึงและมือสะดุ้งเล็กน้อย พี่สมยศเห็นท่าทีของเจนนรีดูผิดประหลาด เขาจึงถามว่า “มีอะไรหรือครับน้องเจน”

เจนนรีตอบกลับทันทีเพื่อไม่ให้พี่สมยศรู้สึกผิดสังเกตว่า“แหวนสวยดีค่ะพี่” จากนั้นหล่อนก็รีบใช้มือขวาหยิบแหวนจากมือซ้ายส่งคืนให้พี่สมยศ พี่ตาลก็เอ่ยปากชมบ้างว่า “แหม่...แหวนเก่าแก่ขนาดนี้คงน่าจะแพงมากเลยนะเนี่ย” พี่สมยศตอบว่า “แน่นอนครับพี่ตาล แต่ผมคงไม่ขายหรอกครับ คุณตาท่านบอกว่าแหวนนี้มีไว้ติดตัวเพื่อเสริมสิริมงคล ช่วยให้แคล้วคลาดจากอันตราย ใส่แล้วจะดีกับตัวเองมากๆ ครับ”

เจนนรีกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม หล่อนแบมือซ้ายของตนเองออกดู รอยปานแดงนั้นชัดขึ้นมาจริงๆ เสียด้วยสิ พร้อมกับพลังงานที่ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนเสียงหัวใจเต้นตุ๊บๆ สักครู่หนึ่งเจนนรีก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าภายในวันนี้เราหาโอกาสได้สัมผัสกระเป๋าของริต้าใบนั้นด้วยมือซ้าย บางทีมันอาจจะทำให้เราล่วงรู้ได้ว่า เมื่อวานริต้าเอางานเราติดกระเป๋าไปแล้วนำไปซ่อนต่อที่ไหนกันนะ ซึ่งก็จะทำให้หล่อนหางานต้นฉบับเจอได้ไม่ยาก และจับคนทำผิดมายืนยันกับผู้จัดการได้

แต่ในตอนนี้คนยังอยู่เต็มแผนก มันยังไม่มีโอกาสเหมาะๆที่เจนนรีจะเข้าไปหยิบจับกระเป๋าของริต้าได้ หล่อนจึงได้แต่หยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อวาดภาพลายผ้าที่สองใหม่อีกครั้งไปพลางๆก่อน เจนนรีจึงพยายามจะสงบสติอารมณ์ลง แล้วค่อยๆ ร่างภาพลวดลายนั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยใช้ดินสอร่างเบาๆ ก่อน จากนั้นจึงใช้ปากกาปลายหัวเล็กลากตัดเส้น ระหว่างนั้นเจนนรีก็พยายามมองหาจังหวะที่ริต้าไม่อยู่ที่โต๊ะ หล่อนรอจนกระทั่งริต้าลุกไปห้องน้ำโดยไม่ได้สะพายกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย

แต่ระหว่างนั้นยังมีคนอื่นๆนั่งกันอยู่เต็มในแผนก ทำให้เจนนรีรู้สึกว่ายังไม่ได้จังหวะที่เหมาะสมนัก “ทำยังไงดีน้า...” เจนนรีครุ่นคิดอยู่ในใจ และแล้วหล่อนก็นึกหาวิธีได้ขึ้นมา เจนนรีถืองานที่วาดค้างอยู่พร้อมกับปากกาปลายหัวเล็กสำหรับลากเส้นตัดติดมือแล้วลุกเดินไปยังโต๊ะแพมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะริต้า เจนนรีแกล้งถามแพมว่า “แพมมีปากกาปลายหัวเล็กกว่านี้ให้เจนยืมก่อนมั้ยคะ แล้วเดี๋ยวบ่ายๆ เจนจะเบิกมาคืนค่ะ”

แพมจึงหยิบปากกาปลายหัวเล็กตามขนาดที่เจนนรีต้องการขึ้นมาแล้วยื่นส่งให้“นี่จ้ะ” เจนนรียื่นมือไปรับปากกาด้ามนั้น แต่แกล้งทำเป็นรับพลาด ปากกาล่วงลงกำลังจะถึงพื้น แต่ก่อนจะที่มันจะล่วงลงไปถึงพื้น เจนนรีย่อตัวลงอย่างตั้งใจ แล้วยื่นกระดานบอร์ดที่ตัวเองถือหนีบกระดาษวาดรูปไว้นั้นรองรับปากกาดังกล่าว หล่อนตั้งใจรับและปัดมันกระเด็นไปลงที่ข้างๆโต๊ะริต้า

จากนั้นเจนนรีก็แสร้งทำเป็นรีบวิ่งไปยังโต๊ะริต้าเพื่อก้มลงเก็บปากกาหัวตัดที่หล่นลงไป เจนนรีก้มลงเอามือขวาเก็บปากกา ส่วนมือซ้ายหล่อนจับที่เก้าอี้ของริต้าไว้จนดูเหมือนคนที่กลัวจะล้มที่ต้องเอาอีกมืดยึดกับของอีกอย่างไว้ กระเป๋าสะพายของริต้าถูกวางพิงไว้กับเก้าอี้ เจนนรีจึงเอามือซ้ายจับทั้งหูหิ้วของกระเป๋าแตะแน่นกับพนักวางแขนของเก้าอี้ที่ริต้านั่งเป็นประจำ

เจนนรีใจเต้นระทึกขณะที่มือซ้ายของหล่อนได้สัมผัสกับกระเป๋าของริต้า แต่ภาพที่ปรากฏนั้นกลับว่างเปล่า ไม่ได้มีแฟ้มงานของหล่อนเคยถูกเก็บลงในกระเป๋าของริต้าแต่อย่างใด และภาพทุกอย่างก็เป็นเหมือนกับที่หล่อนเห็นริต้าเดินสะพายกระเป๋านี้ตามที่เห็นจากภาพของกล้องวงจรปิด แต่แล้วเจนนรีก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงแพมตะโกนถามว่า“เจอปากกามั้ยเจน”

เจนนรีรีบคว้าปากกาที่หล่นอยู่แล้วยืดตัวขึ้น หล่อนรีบตอบแพมว่า “อยู่นี่ค่ะ ขอบใจมากจ้ะแพม” ขณะนั้นริต้าเดินกลับจากห้องน้ำพอดี ทำให้เจนนรีต้องรีบเดินกลับโต๊ะตัวเองทันที มิฉะนั้นอาจจะถูกริต้าสงสัยเอาได้ เจนนรีกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเองแล้วก็ได้แต่รู้สึกละเหี่ยใจ“แล้วนี่แฟ้มเราหายไปไหนกันนะ” หล่อนถามตัวเองในใจ แต่เมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หล่อนจึงจำต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

เจนนรีวาดลายผ้านั้นใหม่อีกรอบจนเสร็จและทยอยลงสีไปได้บางส่วน วันนี้หล่อนใช้เวลาหมดไปกับมันมากเสียจนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เลยเวลาเลิกงานแล้ว คนในแผนกกลับกันหมดแล้ว และคนสุดท้ายที่เตรียมตัวจะกลับก็คือริต้า เมื่อเจนนรีเห็นริต้าเก็บของเสร็จและสะพายกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับ หล่อนจึงตัดสินลุกขึ้นกล่าวคำว่า “เจนขอโทษต้าด้วยนะ เอ่อ...เรื่องที่เจนพูดไม่ดีกับต้าเพราะคิดว่าต้าขโมยงานเจนไป”

ริต้าได้ยินคำขอโทษแล้วก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรอีก แต่กลับถามเจนนรีว่า“แล้วนี่...เจนรู้หรือยังล่ะว่างานหายไปไหน หรือว่าใครหยิบงานเจนติดมือไปหรือเปล่า” เจนนรีได้แต่ส่ายศีรษะ ตอบว่า“ไม่รู้เลย ตอนนี้เจนก็ได้แต่พยายามจะทำงานชิ้นนั้นใหม่ให้เสร็จ คืนนี้เจนคงต้องอยู่ดึกสักหน่อยกว่างานนี้จะเสร็จ” ริต้าพูดให้กำลังใจว่า “สู้ๆ นะเจน เจนเป็นคนเก่งอยู่แล้ว ต้าเชื่อว่าเจนทำได้”

เจนนรีกล่าวขอบคุณริต้า “ขอบใจนะต้า แล้วก็...ขอบคุณที่ต้าไม่โกรธเจนด้วย ต้องขอโทษต้าอีกครั้งนะ” ริต้าตอบด้วยความเห็นใจว่า “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะ แล้วเจนก็ขอโทษต้าแล้วนี่นา อย่าคิดมากเลยน่ะ” ริต้าก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วก็บอกกับเจนนรีว่า “ต้าคงต้องกลับแล้วล่ะ วันนี้ต้านัดแม่ไว้ว่าจะพาไปซื้อของ ต้าขอตัวก่อนนะ”

เมื่อริต้ากลับไปแล้ว เจนรีก็เริ่มรู้สึกว่ากระเพาะเริ่มร้องเสียแล้ว ก็เพราะกลางวันหล่อนไม่ยอมลงไปทานข้าวเลย ด้วยความที่ต้องเร่งงานให้เสร็จทันกำหนด เจนนรีคิดว่ายังไงวันนี้หล่อนคงต้องอยู่ดึกมาก ตอนนี้คงต้องไปหาอะไรทานรองท้องสักหน่อยแล้ว เจนนรีไม่ลืมทำตามที่ท่านผู้จัดการแนะนำไว้ คือควรจะบันทึกภาพลงในคอมไว้ก่อนไม่ว่างานชิ้นนั้นจะเป็นฉบับสมบูรณ์แล้วหรือไม่ก็ตาม

แต่พอเจนนรีสแกนภาพแล้วจะบันทึกข้อมูลเชื่อมต่อลงในคอมพิวเตอร์ หล่อนก็พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เกิดมีปัญหา เครื่องเกิดขัดข้องไม่สามารถทำการบันทึกข้อมูลได้ ดูเหมือนเครื่องมันไม่อ่านข้อมูลที่ป้อนเข้าเลย เจนนรีเริ่มเกิดอาการวิตกกังวลพร้อมกับหงุดหงิด“โหย...นี่มันวันซวยอะไรของฉันกันนะ งานก็ดันมาถูกขโมยไป แถมเครื่องคอมฯก็ดันมามีปัญหาติดขัดเอาตอนเวลาเลิกงานแล้วอีก แล้วฉันจะไปตามช่างที่แผนกไอทีมาได้ยังไงละเนี่ย” หล่อนได้แต่บ่นกับตัวเอง

กานต์เดินผ่านมาที่แผนกออกแบบลายผ้าพอดี เขาเห็นไฟยังเปิดอยู่ พอได้ยินเสียงเจนนรี เขาก็รีบแวะเข้ามาด้านใน แล้วถามว่า “เป็นอะไรไปครับคุณเจน ทำไมทำหน้าเซ็งโลกซะขนาดนั้นละครับ” เจนนรีบ่นให้กานต์ฟังทันทีว่า “ก็คอมพิวเตอร์น่ะสิคะ มันดันมามีปัญหาเกิดไม่ทำงานขึ้นมาซะดื้อๆ ตอนนี้เจนมีงานด่วนต้องรีบทำด้วยอ่ะค่ะ แล้วนี่มันก็เลยเวลาเลิกงานไปแล้วด้วยอ่ะ ป่านนี้เจ้าหน้าที่ไอทีคงกลับกันหมดแล้ว แล้วเจนจะทำยังไงดีเนี่ย”

กานต์นั้นจบด้านวิศวกรรมศาสตร์มา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญในสาขาย่อยที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่ก็พอมีความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์พวกนี้อยู่บ้าง เขาจึงบอกกับเจนนรีว่า “เดี๋ยวผมช่วยดูให้ครับ” เจนนรีจึงลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อให้กานต์ช่วยดูคอมพิวเตอร์ได้ถนัดว่ามันเกิดข้อขัดข้องที่ตรงจุดไหน กานต์ลองเช็คการทำงานของหน้าจอและเครื่องซีพียูแล้วก็พูดว่า“เอ...ทั้งหน้าจอและตัวเครื่องก็ยังใหม่อยู่นะครับ ปัญหาไม่น่าจะใช่ที่ตัวเครื่องหรือว่าจอเสียหรอกนะครับ”

“อ้าว! แล้วทำไมอยู่ๆ จอมันก็ค้างแล้วก็ดับไปเฉยเลยล่ะคะ” เจนนรีถาม กานต์ชะโงกดูคอมพิวเตอร์ไปมาแล้วตอบว่า “ปัญหาอาจจะเป็นที่สายก็ได้นะครับ ตัวเครื่องใหม่จริงแต่สายอาจจะเก่าก็ได้ หรือไม่อย่างงั้นอาจเป็นที่ตัวปลั๊กพ่วงที่มันรวมสายต่างๆไว้ที่ใต้โต๊ะด้านล่าง” จากนั้นกานต์ก็พยายามออกแรงขยับโต๊ะเจนนรีซึ่งตั้งไว้ติดชิดตัวพาทิชั่นซึ่งเป็นชนิดที่แข็งแรงมากจนมันบีบตัวสายไฟที่เชื่อมต่อตัวเครื่องจากปลั๊กพ่วงที่ด้านล่างใต้โต๊ะ

ขณะที่กานต์ขยับโต๊ะออกมาเพื่อที่เขาจะได้ลองขยับสายไฟดูว่ามันเสียบไว้หลวมหรือเปล่าหรือว่ามันเป็นเพราะสายไฟที่เก่าแล้วนำมาใช้ใหม่กันแน่ จังหวะที่โต๊ะของเจนนรีถูกขยับเคลื่อนออกห่างจากมุมนั้น เจนนรีได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นตุ๊บ เมื่อหล่อนก้มลงดูที่ใต้โต๊ะจึงเห็นว่ามันคือแฟ้มต้นฉบับงานของหล่อนนั่นเอง ที่แท้มันก็ถูกแฟ้มอื่นเบียดล่วงไปติดตรงร่องที่เป็นรอยต่อระหว่างโต๊ะของเจนนรีเองกับพาทิชั่นที่กั้นไว้ หล่อนดีใจจนรีบมุดลงใต้โต๊ะเข้าไปเก็บแฟ้มนั่นขึ้นมาทันที

กานต์ทำสีหน้าประหลาดใจแล้วถามว่า “คุณเจนทำอะไรน่ะครับ แล้วนั่นมันแฟ้มอะไรหรอครับ” เจนนรีตอบไปตามจริงว่า “มันเป็นแฟ้มงานต้นฉบับลายผ้าไทยประยุกต์ของเจนเองค่ะ เจนนึกว่ามันหายไปแล้วซะอีก ที่แท้มันก็หล่นไปตรงร่องด้านข้างโต๊ะนี่เอง ขอบคุณนะคะ” เจนนรีเปิดแฟ้มออกดูด้วยความดีใจที่งานทั้งสองชิ้นของหล่อนยังอยู่ครบและอยู่ในสภาพที่ดีทุกอย่าง เพราะเป็นแฟ้มแบบใส่ซองพลาสติกใสหุ้มตัวงานที่เป็นภาพวาดไว้ ทำให้ภาพไม่เลอะเทอะเสียหาย

กานต์ยังคงสงสัยเกี่ยวกับเครื่องคอมฯ เขาพยายามขยับปลั๊กจนเข้าที่ ในที่สุดคอมพิวเตอร์ก็ทำงานตามปรกติได้ เขาจึงหันไปเจนนรีว่า “คอมฯใช้งานได้แล้วครับ ปลั๊กมันหลวมน่ะครับ แล้วก็เต้าเสียบปลั๊กพ่วงอาจจะเก่าเกินไปแล้ว เพราะเมื่อกี๊ผมลองเสียบใหม่ มันมีประกายไฟน่ะครับ ยังไงพรุ่งนี้คุณเจนคงต้องให้ฝ่ายอาคารเขามาเปลี่ยนเต้าเสียบปลั๊กพ่วงให้ใหม่แล้วล่ะครับ” เจนนรีกล่าวขอบคุณเขา “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” หล่อนดีใจเสียจนลืมเรื่องหิวข้าวไปเลย

“ว่าแต่นี่มันเย็นมากแล้วนะครับคุณเจนจะทำงานจนดึกเลยหรอครับ ไปหาอะไรทานรองท้องก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวจะได้โล่พนักงานดีเด่นเกินหน้าผมนะครับ”กานต์กล่าวกับเจนนรี “อืม...ขอเจนเซฟไฟล์งานแป๊บนึงได้มั้ยคะ แล้วเดี๋ยวเจนก็จะกลับแล้วล่ะค่ะ” เจนนรีตอบเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนกานต์นั้นเมื่อเห็นว่าเจนนรีไม่ได้จะอยู่ดึกอย่างที่คิด แต่จะกลับบ้านเลย เขาจึงอาสาไปส่งตามเคย “งั้นเดี๋ยวขอผมไปล้างมือหน่อย แล้วเดี๋ยวผมกลับมานะครับ แล้วค่อยไปส่งคุณเจนที่อพาร์ตเม้นท์” “โอเคค่ะ” เจนนรีตอบ

เนื่องจากสายไฟนั้นค่อนข้างจะฝุ่นเยอะอยู่ แถมปลั๊กพ่วงก็ดันอยู่ข้างล่างใต้โต๊ะในมุมอับ แม่บ้านคงจะทำความสะอาดเข้าไปไม่ถึงบริเวณนั้น เลยทำให้กานต์ได้ฝุ่นเขรอะติดมือมาเพียบ เขาเดินไปล้างมือที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ไกล้ๆกับลิฟท์ เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็บังเอิญเห็นธาวินเดินออกมาจากลิฟท์พอดี ธาวินก้าวออกมาจากตัวลิฟท์แล้วก็พูดกับตัวเองว่า “อ้าวเรากดผิดชั้นนี่หว่า” จากนั้นเขาก็ทำท่าจะกลับเข้าไปในลิฟท์ใหม่อีกครั้ง

กานต์รีบตะโกนเรียกเขา “เฮ้ย ธาวินเมื่อธาวินหันมาเห็นเพื่อนเก่าที่ช่วงหลังๆไม่ค่อยได้เจอกันเลยจึงรีบหยุดยืนก่อนจะก้าวเข้าลิฟท์ไป แล้วกล่าวทักทายกานต์ “อ้าวแล้วนี่แกมาทำอะไรที่วะ” กานต์จึงตอบว่า “ฉันก็มาทำงานสิวะ” ธาวินถึงกับอุทานด้วยไม่คาดคิดมาก่อน“อ้าว แล้วทำไมแกไม่บอกฉันก่อนล่ะ” กานต์รีบตอบทันทีว่า “ขืนบอกไป แกก็ได้ไปบอกท่านประธาน หรือไม่ก็ไปล็อคสเป็คที่ฝ่ายบุคคลน่ะสิ”

ธาวินนั้นเข้าใจดีว่ากานต์เป็นคนไม่ชอบเรื่องเส้นสาย อีกอย่างนึงกานต์เองก็เป็นคนเรียนเก่งมีความสามารถอยู่แล้วคงไม่อยากให้เขาทำอะไรเพื่อช่วยเพื่อนแบบนี้อย่างแน่นอน จากนั้นกานต์ก็ถามธาวินด้วยความแปลกใจว่า “ว่าแต่แกเหอะ วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะถึงมาเหยียบถึงที่บริษัทได้ ไหนแกเคยบอกว่าไม่อยากยุ่งกับงานธุรกิจของพ่อไม่ใช่หรอวะธาวินเล่าให้กานต์ฟังว่า “วันนี้ฉันแวะมารับคุณพ่อเผอิญคนขับรถประจำตำแหน่งของท่านเกิดท้องเสีย ขอลาป่วยครึ่งวัน”

“คุณพ่อท่านเลยโทรไปที่บ้านเพื่อจะขอให้คนขับรถที่บ้านแวะมารับท่านหน่อย แต่เผอิญว่าคุณย่าท่านใช้เขาไปรับชุดผ้าไหมที่สั่งตัดไว้ ฉันก็เลยอาสามารับคุณพ่อด้วยตัวเอง ฉันก็อยากทำอะไรให้พ่อบ้างน่ะ อยากชดเชยที่ฉันไม่อาจทำในสิ่งที่ท่านต้องการได้” กานต์ฟังแล้วก็เข้าใจความรู้สึกเพื่อนจึงพูดปลอบไปว่า “อย่าคิดมากน่ะแก ของแบบนี้ถ้าเราฝืนทำโดยไม่ชอบ งานจะออกมาแย่ก็ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้น พ่อนายก็คงไม่ปลื้มเช่นกัน”

แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของธาวินก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพูดกับกานต์ว่า “พ่อโทรตามฉันแล้วว่ะสงสัยท่านคงคิดว่าฉันยังไม่ถึงบริษัท” กานต์จึงรีบพูดว่า “งั้นแกรีบขึ้นไปหาท่านเถอะ” ธาวินกล่าวลาก่อนจะเข้าไปในลิฟท์ว่า“แล้วไว้เจอนัดเจอกันนะเพื่อน ขอให้สนุกกับงานที่นี่นะ” กานต์ตอบกลับว่า “รับทราบขอรับ คุณลูกเจ้านาย” พร้อมกับทำท่าโค้งคำนับธาวิน ธาวินส่ายหน้าแบบขำๆ ที่กานต์มักชอบพูดเล่นและทำท่าทางนบนอบจนเกินเหตุกับเขา

เมื่อธาวินกดลิฟท์ขึ้นไปแล้ว เจนนรีก็เดินออกมาหากานต์ กานต์จึงถามหล่อนว่า “เป็นไงบ้างครับคุณเจนฝีมือซ่อมคอมพิวเตอร์ของผมเนี่ยยอดเยี่ยมเลยใช่มั้ยครับ” เจนนรีเลยตอบไปว่า “ค่า...เยี่ยมมากเลยค่ะ พอเสียบปลั๊กแน่นปุ๊บ เจนก็ทำงานได้ปั๊บเลย” “ว่าแต่คุณเจนทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอครับถึงได้เดินออกมาจากห้องทำงาน” กานต์ถามเมื่อสังเกตเห็นเจนนรีสะพายกระเป๋าออกมาด้วย เจนนรีตอบว่า “เสร็จแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณคุณวิศวกรคนเก่งนะคะ เดี๋ยวมือเย็นนี้เจนเลี้ยงเองนะคะ”

“โอ้โห...แค่เสียบปลั๊กให้แน่นขึ้นเนี่ย ผมถึงกับได้ลาภปากเลยหรอครับ” กานต์อุทานแกมหยอกเล่น เจนนรีจึงตอบว่า “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ แต่เพราะคุณพยายามจะขยับปลั๊ก เลยต้องขยับโต๊ะออกมาน่ะสิคะ มันก็เลยทำให้เจนได้เจอแฟ้มงานที่คิดว่าหายไปแล้ว” กานต์ตอบกลับอย่างสนุกสนานแบบไม่คิดอะไรมากว่า “อ้อ...สรุปว่าความดีความชอบของด็อกเตอร์กานต์ในวันนี้ก็คือ...การออกแรงอันมหาศาลในการขยับปลั๊กไฟกับขยับโต๊ะทำงาน”

แต่เจนนรีกลับรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที่วันนี้หล่อนไม่น่าไปจับผิดคุณริต้าแบบนั้นเลย แท้จริงแล้วมันเป็นที่ความสะเพร่าเพราะหล่อนรีบร้อนจะออกไปพบพี่เกศกับคุณหญิงเพ็ญโฉมเอง จึงรีบเก็บของบนโต๊ะแบบลวกๆทำให้แฟ้มอันนั้นมันพลัดร่วงหล่นติดอยู่ในร่องข้างโต๊ะตัวเองกับพาทิชั่น แต่ด้วยความที่จอคอมพิวเตอร์ของหล่อนมันค่อนข้างใหญ่ มันก็เลยบังไว้ทำให้มองไม่เห็นแฟ้มดังกล่าว นี่ถ้าคุณกานต์ไม่ผ่านมา หล่อนก็คงจะไม่รู้ความจริง และคงรังเกียจคุณริต้าไปอีกนาน

เย็นนี้เจนนรีกลับที่พักด้วยความโล่งใจ หลังจากทานข้าวกับกานต์แล้ว หล่อนก็ขอแวะซื้อขนมกล่องหนึ่งระหว่างทาง ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้คุณริต้าเพื่อเป็นการขอโทษที่หล่อนเข้าใจเธอผิดไป กานต์ถามว่า “คุณเจนจะซื้อไปทานเองหรอครับ” เจนนรีตอบตามตรงว่า “จะซื้อไปฝากเพื่อนที่ทำงานค่ะ” แล้วกานต์ก็พูดว่า “แหม่...ผมก็นึกว่าผมจะได้ของหวานเป็นลาภปากด้วยซะแล้ว” เจนนรีตอบกลับว่า “คุณกานต์ก็ทำเป็นพูดเล่นไป ทีเมื่อกี๊เจนบอกจะเลี้ยงข้าวคุณ คุณก็ไม่ให้เจนเลี้ยง”




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2561
0 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2561 15:10:56 น.
Counter : 805 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

Candy24
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add Candy24's blog to your web]
space
space
space
space
space