จะ..อะไรมากมาย
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
11 กันยายน 2551

เรื่องอนาคตของชาติ(วันพุธที่ 23 ธันวาคม 2518)

โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

พลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 3 ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม 6 รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาพที่ 2 โดยนำผ้ายันต์พิชัย สงครามไปแจก ให้ทหารตามฐาน ปฏิบัติการชายแดน ระหว่าง วันที่ 20 - 23 ธันวาคม 2518 และในวันสุดท้าย คือวันที่ 23 ธันวาคม 2518 ได้ทำการแจกให้ทหารค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำการแจกได้แสดงธรรมกถาพิเศษ เรื่อง อนาคตของชาติ ที่ศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ. นครราชสีมา

มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล
เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติ
อาตมาได้ไงทำการแจกจ่ายผ้ายันต์และเหรียญ
แก่ทหารทางเหนือมาแล้ว 3 ครั้ง
ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงสมเด็จพระบรมราชินาถว่า
สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า
หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน ไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร
จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารภาคอีสานบ้าง

ความจริงอาตมาห่วงทหารภาคอีสานเช่นเดียวกับทหารภาคเหนือ
เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพล ที่ 3 รับจะอำนวยความสะดวก
ในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้

ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม
ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพลได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่มาแจกจ่าย
ว่าทรงคุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่รับแจกไปจะเกิดความศรัทความเชื่อมั่น
เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชาการกองผลที่ที่ 3 ได้อาราธนาจึงพูดเรื่องธรรม ก่อนสักเล็กน้อย
จากนั้นจึงจะพุดถึงเรื่องสิ่งของ ของที่นำมาแจกจ่าย
เราทุกคนอยากมีด้วยทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่าอยากมั่ง
อยากมียศมีอำนาจแต่ความจริง แล้วก็คืออยากมีดีนั้นเอง

แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้น ใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่มีสุดของความอยากนั้นก็คือความดีนั้นเอง

รักษาศีล 5 ให้ได้
ความดีนั้นมีกฎเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการคือ
เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รักแก ข่มแหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า
ไปรังแก ไปข่มแหงเขา
เราไม่อยากให้ใครมาลักเอง เราก็อย่าลักของเขา
เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราก็จะเป็นคนบ้า

เจริญพรหมวิหาร 4 ไว้
ความดีที่สูงกว่าขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเอง คือพรหมวิหาร 4 ประการคือ
เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รกครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ
ตลอดประเทศชาติ
กรุณา ความสงสาร ก็ต้องมีบุคคลอื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก
อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่ที่เขารับอยู่
มุทิตา ยินดีด้วย เมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา
เขาได้ดีก็ชื่นชม อนุโมทนาด้วย
อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้องของเราไม่ทำผิด เราต้องทำตัวเป็นกลาง เมื่อเขาได้รับโทษก็คือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือในทางที่ผิด

เว้นจากความลำเอียงทั้ง 4 ประการ
ผู้ที่จะมีความในธรรมในข้อ 4 นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ
ความสำเอียงเพราะความรัก
ความลำเอียงเพราะความชัง
เพราะความหลง
ความกลัว
ทหารแปลว่าเคยหนุ่ม
ทหารทุกคนต้องเป็นหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม
คนหนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรงว่องไว กล้าหาญบึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อมีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท และ ข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตาย เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เมื่อถึงคราวที่จำเป็นนี้พุดถึงทหาร เพราะอาตมาเคยเป็นทหารเรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี


ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง
ทหารที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น
หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่คือว่าเป็นความความชั่ว
แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราหน้าที่ป้องสิ่งที่ดีงามเอาไว้
ความดีนั้นคือความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และความสงบสุขปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน
ความสงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล
การที่ยอมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของเรา
จึงได้ชื่อว่าว่าเราทุกคนได้ทำความดี
สมศักดิ์ศรีของความเป็นทหารไทย
จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม

ภูอันธพาน ( ภูพาน )อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาน
ไม่อยากเรียกว่า ภูพาน ดังที่เขาเรียกกัน
เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพานทั้งนั้น
ได้พิจารณาถึงเหตุการณ์บ้านเมือง
การสู้รบของทหารเห็นว่า เราทุกคนจะไม่แพ้
จะไม่ตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงวิตก
และทรงมีความห่วงใย ประเทศชาติ บ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง
ดังที่เห็นได้ว่าเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2518
พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา ( วัดท่าซุง )
และได้ตรัสถามความเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคต
ว่าจะเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

อนาคตของชาติ
อาตมาได้ถวายพระพระองค์ว่า
ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร
อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป
ประเทศจะดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ
ความมั่นคงสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน
แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่จะมองเห็นได้ชัดๆ
ก็ต้องปี พ.ศ.2524 เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นนัก
และเริ่มจะฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป
ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์ เช่นนั้น
เพราะเหตุผลหลายประการ คือ

คำทำนายของพระพุทะโฆษาจารย์
ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย
ซึ่งพระอรหัตน์ ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำไย )
เขียนไว้ ทำนายเกี่ยวกับชะตาบ้านเมือง
ท่อนที่กรุงศรีอยุธยามากู้ชาติ ได้แล้ว
จะต้องไปตั้งเมืองหลวงใหม่ และเหตุการณ์ต่างๆ
ของกรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียเสียอิสรภาพแก่พม่า
ตอนที่กรุงเพฯยังไม่ปรากฏ

โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก
แต่จะเสียอิสระไม่นานนัก
จะมีคนดีของกรุงศรีอยุธยามากู้ชาติได้แล้ว
จะต้องไปตั้งเมืองหลวงใหม่
และ เหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นความจริง
ตามคำทำนายทุกอย่าง

ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง 10. รัชกาล
ในสมุดข่อยเล่มเดียวเดียวนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่
ในวันข้างหน้า ซึ้งเป็นการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละ รัชกาลดังนี้
รัชกาลที่ 1. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่2. รู้จักธรรม
รัชกาลที่3. จำต้องคิด
รัชกาลที่4. สนิทธรรม
รัชกาลที่5 .จำแขนขาด
รัชกาลที่6.ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่7. นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่8. ยุคทมิฬ
รัชกาลที่9. ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่10. ชาววิไล

ความแม่นยำของคำทำนาย
เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด ความแม่นยำของคำนำนาย
เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาล
ก็จะเห็นได้ชัดว่าคำว่าคำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด
รัชกาลที่1. ผ่านพระเจ้าตากสินขึ้นครองราชย์สมบัติ

รัชกาลที่2.ท่านว่างจากศึกสงครามก็เห็นมาทำนุบำรุง
พระพุทธศาสนา ให้สงฆ์ค้นคว้าธรรมวินัยรวบรวมเป็นใหญ่

รัชกาลที่3.ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินสร้างสรรค์บ้านเมือง
ให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้

รัชกาลที่4. ท่านสนิทธรรม
ก็เพราะราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง 27 พรรษา
มีความคล่องตัวในธรรมวินัย
ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิกฎอย่างแตกฉาน
และยังมีความสนิทสนมกับสมเด็จพระพุทธพุฒาจารย์ ( โต ) อย่างยิ่ง
เป็นคู่บารมีกัน

รัชกาลที่5. จำแขนขาด
เราเห็นได้ชัดเจนมาก
เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน
โดยพระองค์ทรงยอมเสียแขนดีกว่าเสียหมดทั้งตัว
คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วนเพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้

รัชกาลที่6. ราษฎร์าชาโจร
เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระพระคลังจนหมดสิ้น
แต่อาตมาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นชาตินิยม
มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชน
ให้รักชาติบ้านเมือง
เช่นมีเพลงบทบทหนึ่งพระราชนิพนไว้ว่า
ใครมาเป็นเจ้าของเจ้าข้าครอง
คงจะต้องบังคับไล่ เคี้ยวเข็ญ เย็นค่ำร่ำไป
ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง
ให้บุคคลอื่นเห็นว่าพระองค์ไม่ถือพระองค์ยังสามารถทำให้ไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไป
ช่วยสงครามโลกครั้งที่1. จึงจำต้องใช้เงินมาก
แม้จะใช้เงินมาก แต่ก็เกิดประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก

รัชกาลที่7. นั่งทนทุกข์
พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี
เงินท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อน
พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์
ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก
เท่านั้นยังไม่พอต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ
ไปนั่งทนทุกข์ ต่อดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก
เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ
ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดนจนสิ้นพระชนม์

รัชกาลที่ที่8.ยุคทมิฬ
บ้านเมืองอยู่ในสภาวะสงครามโลกครั้งที่2.
ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตกอดอยากแค้นแสนสาหัส
พระมหากษัตริย์ลูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต

รัชกาลที่9.ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
เราก็เห็นว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้าน เต็มเมืองล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น

รัชกาลต่อไป คือรัชกาลที่ 10.
ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า
บ้านเมืองของเราได้ผ่านยุคเข็ญ
จะประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเสียที
เราจะมั่งคั่งสมบูรญ์เหมือนานาอรยะธรรมประเทศ
ที่เจริญแล้วทั้งหลาย

ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง 10 รัชกาลเท่านั้นรึ ?

ปัญหาที่น่าคิดไปคือว่า ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์
จำทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง 10 รัชกาลเท่านั้น ?

กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง 10 พระองค์เท่านั้นหรือ ?
เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ
จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับหลวงพ่อปาน
และพระอาจารย์ต่างๆ
ซึ่งจิตของท่านเองเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา
สามารถที่จะรู้จริงในเรื่องอดีตปัจจุบัน อนาคต
ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆองค์ขณะนี้
ทุกๆรูปอาตมาได้สอบถามจากท่านเรื่องต่างๆ
ก็ยืนยันตรงกันว่า
พระมหากษัตริย์จะมียังมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน
มิใช่เพียงแค่ 10 พระองค์ เท่านั้น
แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้น
ก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่10 เป็นต้นไป
บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก
ประชาชนในชาติจะร่ำรวยประเทศไทย
จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง
ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป
ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา
จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก


พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก
ประการที่2 ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ
นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก
พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้
“อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน
ก่อนกึ่งพุทธกาล 15 ปี (ประมาณ พ.ศ. 2485 )
จะมีฝนเหล็กตกจากอากาศ
เหล็กกล้าจะพุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์
สมณะชีพราหมณ์จะตายกันมากแต่ว่า
ยักษ์นอกพุทธศาสนาทั้งหลาย
จะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง
จึงจะหยุดยั่งเลิกรบกันน
แต่ทว่าประเทศที่นับถือพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้นจะมีภัยเช่นนี้
เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก”

ความแม่นยำของพุทธทำนาย
จากพระพุทธทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง
ก่อนกึ่งพุทธกาล สงครามโลกครั้งที่2 ลูกระเบิดต่างๆ
ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์
หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือ
พวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป
แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบกระเทือนมาจนกระทั่งบัดนี้
มีเพียงไทยที่นับถืออย่างมั่นคง

ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่า
ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างศาสนาอย่างมั่นคง
และเป็นประเทศสุดท้ายที่พระพุทธศาสนา
ยังเหลืออยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้
ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์
พวกเดียรถีย์นอกศาสนาหมดแล้ว
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้าย
ที่พระศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอด
พระเจ้าอริฏฐะตั้งจิตของพบพระอรหันต์
ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าว่า
พระเจ้าอริฏฐะซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐานพระจอมทอง
อยู่ในขณะนี้ ได้ตั้งจิตอธิฐานขอให้พระองค์ได้พบพระอรหัตน์
ขอให้พระอรหัตน์เสด็จมาโปรด
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอริฏฐะ
จึงได้ทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระ รวม 4 รูป
เดินทางมาเผยแพร่พุทธศาสนาที่เมืองอริฏฐะก่อน

ศาสนาจะอยู่ในเมืองครบ5000ปี
ส่วนพระองค์ได้เสร็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไป อนาคตของพระพุทธศาสนาไว้ว่า พระพุทธศาสนาไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง5000ปี
เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่นอยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทยตามพระพุทธทำนายก็หมายความว่า เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสใคร จากคำพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไป อนาคตของพระพุทธศาสนา จากคำทำนายของพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสใคร จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ณานสมบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เมืองไทยเรานี้นี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีประเทศไทย แต่ข้อสำคัญ เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกัน สามัคคีกันไว้ไม่แตกแยกกัน และไม่ลุ่มหลงไปกับคำยุแหย่ของบุคคลผู้มุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง

ดวงทหารคู่กับดวงเมือง
ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า
เราด้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อม
ที่จะยอมตายเพื่อเพื่อชาติบ้านเมือง
และพระบวรพระพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น
เพราะบ้างเมืองจะอยู่รอดปลอดภัยก็เพราะทหารเท่านั้น
ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
รัชกาลที่1. เมื่อองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่
ได้ทรงผูกดวงใหม่และวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหาร
โดยให้ทหารผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง
บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด
ที่พูดมานี้มิได้ยุให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง
ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่....ขอให้เราทุกคน ช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้เมืองสงบเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุมรักษาเมืองแล้ว

เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล
สถานะภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เริ่มตั้งแต่
พ.ศ.2519 เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 เป็นต้นไป
เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้น
อาทิ เช่น น้ำมัน แร่ ทองคำ แร่ยูเรเนียม
วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้อยู่พร้อมในเมืองไทย
และเราก็ได้พบแล้ว แต่ยังไม่สามารถจะนำออกมาใช้ได้
เพราะเรามีความสามารถอันจำกัด

ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย
อย่างน้ำมันซึ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั่งโลกนั้น
ในเมืองไทยเรามีมากมายน้ำมันนั้นที่ใช้อยู่ในโลก
ขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสามที่มีในเมืองไทยเรา
ที่อาตมา พูดเช่นนี้มีได้กล่าวเกินจริง
แต่เป็นการจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2517
อาตมามาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว.เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ไ
ด้เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่งหลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน พอดับไฟเท่านั้น
ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู
เขาเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู
จึงถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน
เขาบอกว่า อยู่ที่ไหน
เขาบอกว่า อยู่ในห้องนี้แหละ
แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า
เมืองไทยเรามีน้ำมันมากมายมหาศาล เป็นลำธารกว้างขนาด
เมื่อใดที่ผู้บริหารทรัพยากรจะปรากฏขึ้น
เขาบอกว่าน้ำมันเวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดมาใช้
เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ
หากปรากฏขึ้นในขณะนี้
พวกทุจริตก็จะงุบงิบเอาไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด
เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาด
ซื่อสัตย์สุจริต
เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย
ทำให้เมืองไทยกลายเป็นมหาเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั้งโลก
และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย



ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่
เทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า
หากอยากรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมันให้ไปดูบ่อน้ำมันในเขตพม่า
ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด
ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตัวเอง
อาตมาอยากจะพิสูจน์ความจริงทุกอย่าง
บริเวณนั้นเป็นหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด
ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
จึงมั่นใจได้ว่าเทวดาองค์นั้นไม่โกหก
เมืองไทยเรามีแน่ๆ ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาด
มาบริหารชาติบ้านเมืองทรัพยากรเหล่านั้นจะปรากฏให้เห็น
และถ้านำมาใช้บ้านเมืองเรามีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว>>

จากนิตยาสารธัมมวิโมกข์ปีที่ 29 ฉบับที่ 320 พฤศจิกายน 2550


ขอให้บ้านเมืองผ่านมรสุม



Create Date : 11 กันยายน 2551
Last Update : 11 กันยายน 2551 15:43:52 น. 1 comments
Counter : 812 Pageviews.  

 
ถูกต้อง

เป็นสิ่งดีๆ ที่ควรทราบ

ขอบคุณที่นำมาฝาก จ๊ะ



โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:18:00:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Buranakarn
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Buranakarn's blog to your web]