Group Blog
 
 
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มีนาคม 2562
 
All Blogs
 

Wedding MC ไม่มีอะไรต้องกลัว

นี่คือ การเป็น MC ครั้งแรกของเรา หลังจากรอคอยมา 10 ปี

อยากลองเป็นพิธีกรงานแต่งตั้งแต่ อายุ 25 แต่อย่างว่า Destiny คงยังไม่ใช่

งานแต่งของคู่บ่าวสาว ก็มีครั้งเดียว

พลาดไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นครั้งแรก

หรือไม่ ก็ต้องผิดพลาดแบบกู้ภัยได้ทัน

เรารู้ตัวล่วงหน้าวันที่ 30 ม.ค. และงานแต่งมีวันที่ 9 มีนา

เราเริ่มต้นกันที่ เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ ที่เราอยากจะแชร์

เริ่มต้นที่   132135135

1. เราจะต้องหาข้อมูลกำหนดการให้มากที่สุด ว่าในงานแต่งงานประกอบด้วยอะไรมั่ง  มีทั้งใน Youtube และ Pantip ที่มีบทสรุปง่ายๆ มีแค่ 8-9 ข้อเท่านั้นแหละ
-พิธีกร กล่าวเปิดงาน
-เปิด Presentation แนะนำบ่าวสาว และ อ่านประวัติบ่าวสาว
-เชิญประธานดื่มอวยพร และคล้องมาลัยมงคล
-เชิญพ่อแม่กล่าวคำอวยพร และขอบคุณแขก
-สัมภาษณ์ บ่าว-สาว
-เชิญบ่าวสาวจุดเทียนมงคล และตัดเค้ก รึอาจจะเป็นรินแชมเปญ หรือปลูกต้นไม้ แล้วแต่เจ้าภาพจ้ะ
-โยนดอกไม้ และเชิญผู้โชคดีได้รับดอกไม้มาอวยพร
-บ่าวสาว ขอบคุณแขกและกล่าวความรู้สึก
-พิธีกร ปิดงาน
บอกย่อๆ จะประมาณนี้นะคะ  อันนี้ทุกคนไปหาข้อมูลง่ายๆ

แต่เราจะมาบอก Trick ที่เราใช้เตรียมตัว 102

1. ร่างข้อมูลล่วงหน้านานๆเลย สคริปต์ที่ใช้พูด

2.ให้บ่าวสาว ตรวจเช็กความเรียบร้อย ว่าเห็นด้วยตรงกันมั้ย บางที MC ว่าดีแล้ว แต่เจ้าของงานอาจอยากได้อะไรเพิ่มเติม หรือแก้ไขบางส่วน

3. ฝึกหัดอ่าน โดยเฉพาะ ชื่อเฉพาะต่างๆ เช่น ชื่อคน ชื่อโรงเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชื่อประธาน เพราะถือเป็นผู้ให้เกียรติสูงสุดในพิธีการ และโดยมากท่านประธานเป็นผู้อาวุโสมาก ไม่ควรเอ่ยนามผิด ถ้าไม่แน่ใจให้สอบถามผู้รู้ หรือผู้ใกล้ชิด

4.ซ้อมคะ ซ้อมให้โหดๆเลย วิธีการซ้อมของเราวันละ 3-5 เที่ยว  ลองถือสคริปหัดพูดเลย ถ้าผิดก็อย่า CUtttt แล้วเริ่มใหม่ ลองแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปเลย ลองดูว่า ตัวเองแก้ปัญหาได้ลื่นไหล มีลูกล่อลูกชนรึเปล่า ซ้อมหนักยังไง ก็ระวังเสียงหายนะคะ เอาที่พอดีๆ

5.ซ้อมหน้ากระจกเงาไปแล้ว ลองเชิญคนมานั่งสบตาเสมือนจริงกับอยู่ในงานคะ แต่จะบอกว่า ถึงเวลาจริง มันไม่ได้น่ากลัวแบบที่คิดนะคะ เพราะแขกบางส่วนก็ง่วนกับการกิน ไม่ได้จะสนใจดูพิธีกรหรอกคะ  แต่ถึงจะกิน หูก็ยังฟังอยู่ 555 เพราะฉะนั้น ต้องระวังอย่าพูดผิด

6. ถ้ามีรองเท้าคู่ใจวันไปงานแล้ว ลองสวมรองเท้าหัดพูดตอนซ้อมเลยคะ  ที่ให้ทำก็คงเหมือนบรรยากาศนักร้อง นักเต้นทั่วไปล่ะคะ เราต้องซ้อมกะรองเท้าคู่จริง  อีกอย่างการที่เราซ้อม จะทำให้เราเมื่อยขาคะ เราจะได้ฝึกเตรียมรับความเมื่อย ความเจ็บปวด รองเท้ากัดมั้ย และได้ดูการยืนพักขาของตัวเอง จริงๆ ก็ควรยืนเท้าชิดตัวตรงอ่ะคะ ไม่ว่าจะปวดเมื่อยขนาดไหน เพราะจะดู Smart มาก ภาพสวยด้วย

อย่าลืมนะคะ ถึงเราจะไม่สวยเท่าเจ้าสาวในงาน แต่เรายืนบนเวทีนานกว่าใคร บุคลิกต้องดีคะ

ถ้าเราเกรงว่าจะเมื่อยขาจริงๆ ควรจะเลือกชุดกระโปรงยาวคะ เพราะพรางขาได้ เกิดหย่อนเข่าเมื่อยขาขึ้นมา อาจจะไม่ทันเห็น

แต่ก็พยามท่องๆไว้คะ อดทน ถ้าเรารู้ตัวอยู่เสมอเราจะไม่ยืนพักขาคะ

7.เรื่องสคริปต์มั่นใจแล้ว มาดูเรื่อง Costume กันบ้าง  วันนั้น พอดีไม่มีพิธีกรคู่ เลยทำอะไรตามใจชอบได้เลย ไปเลือกเสื้อผ้าใส่คนเดียวได้เลย


ก็เลือกกระโปรงยาวคลุมเข่า เป็นราตรียาวไปเลยล่ะคะ รู้สึกมันดูหรูหรา กว่าชุดสั้นๆ อีกอย่างขาเราไม่ค่อยสวยด้วย
8. ผม สำหรับผู้หญิงนี่สำคัญ แต่เราplay safe ตัวเองว่า เราอ่านสคริปเยอะ และหน้าเล็กๆ ขอถักเปียเปิดหน้าไปเลย และเกล้าผมขึ้นให้หมด เพราะเราไม่อยากให้ผมตกหน้าตอนก้ม และการที่เราปัดผมบนเวที มันไม่ได้ดูเซ็กซี่ ดูแบบไม่งามอ่ะคะ

9.ก็ไปแต่งหน้าทำผม ปกติ ถ้าไม่มั่นใจ ก็ให้ช่างเลือกให้ว่า ผม แมตกับเสื้อผ้ารึป่าว และลองปรึกษาเค้าดูว่า อยากได้หน้า ได้สีตาประมาณไหน อยากเป็นสาวหวาน สาวเปรี้ยว อันนี้แล้วแต่เทสต์และความชอบแต่ละคน

10.วันงานจริง รีบเผื่อเวลาแต่งหน้าทำผม  และที่เหมือนไม่สำคัญ แต่ถ้าทำได้ก็ดี เราหาอะไรกินล่วงหน้าเลยอ่ะ  เพราะพอเป็นพิธีกร ก็จะไม่ได้กิน รึถ้าคิดจะไปกินในงานล่วงหน้า บางทีถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉิน กะทันหัน อย่างที่เราเจอ คือ เราต้องไปซ้อมคิว ต้องไปอธิบายบรีฟให้พ่อแม่เจ้าสาวฟัง ว่า เค้าจะขึ้นตอนไหน ต้องทำอะไร ต้องเช๊กความเรียบร้อยของตัวเอง

และถึงเวลานั้นจริงๆนะคะ ก่อนขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมง ความที่เป็นมือใหม่ จะทั้งตื่นเต้น ทั้งอยากเข้าห้องน้ำ กินไม่ลงอ่ะคะ ขนาดปกติชอบถ่ายรูปหน้างานเล่นๆ ยังไม่มีอารมณ์ถ่ายเลยคะ  เหมือนตัวเองมีภาระรับผิดชอบอยู่
อีกอย่าง กินเลอะเทอะ รึมีอะไรติดฟัน ลิปสติกจางไป ก็ดูไม่งามอีก 5555

อย่าลืม แปรงฟัน รึ ลูกอม ก่อนขึ้นเวทีนะคะ เพื่อความมัั่นใจ

ของสำคัญในนาทีที่ถึงงานแล้ว สำหรับเรา คือ
1.ลูกอม
2.ปากกา เผื่อมีอะไรแก้ไข จะได้แก้กันทัน
3.ลิปสติก
และสี่ คือ ความมั่นใจ มั่นใจแล้วทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องกลัว

จะบอกว่า ขึ้นไปบนเวทีวันนั้น สายตาก็จับจ้องอยู่คะ ก็แค่ชั่วระยะนึงเท่านั้น จากนั้น ทุกคนก็หันหลังให้ พิธีกรไม่สวยแน่ๆ แต่เราปลอบใจตัวเองว่า เค้าหันไปกินอาหาร 5555 ถ้าไม่มีอาหาร อาจจะคิดว่า สวยไม่พอ หุหุ ตอนนี้มีอาหาร โยนความอร่อยเป็นความผิดที่ขโมยซีนพิธีกร

ช่วงอ่านและทักทายแขก โชคดีที่เราไม่ต้องพูดถ่วงเวลามาก ก็เลยรันงานจบ และเสียงสั่นเพียง Shot เริ่มต้นเท่านั้น เพราะตื่นเวที หลังจากที่เราเริ่มเห็นคนสนอาหารมากกว่าตัวเราบนเวที เราก็จะผ่อนคลายมากขึ้น

จังหวะพูดไหล แล้วไปต่อไม่ถูก ก็หยุด แล้วก็พูดเรื่องต่อไปคะ มันไม่ยาก ถ้าเราซ้อมมาหนักจริงๆ และเคี่ยวกรำกับมันมากพอ

แต่ที่เราปรบมือให้ตัวเองรัวๆ ก็คือ เราอ่านชื่อ อะไร ไม่ผิดเลย และรันงานได้ตามสเต๊ปเปะ และจบลงภายใน 45 นาที ไวมากๆ 

เรื่องที่เราเขียนมาทั้งหมด ไม่ได้จะบอกว่า เราทำดีที่สุด Professional แต่ถ้าใครได้รับโอกาสให้ลองทำ เราว่ามันสนุกมากๆ ท้าทาย และน่าลองทำเป็นที่สุด

ถ้าได้ไปเป็นครั้งหน้า จะได้บอกคนอื่นว่า เคยเป็นแล้วคะ ความน่าเชื่อถือ มั่นใจขึ้นมากเลย
ขอบคุณ Mc มือฉมังที่พี่เค้าติดธุระ และหลีกทางให้น้องใหม่ แต่อายุเยอะอย่างเราได้ลองทำ 555
เชื่อสิ ว่ายัง 28 อ่ะ

มาดูรูปกันนะ เราอยากอวด อิอิ



























เราจะบอกว่า เรื่องที่เราพลาดมาก มาก ม๊ากกก คือ การไม่มีคนถ่ายรูปบนเวทีมาให้เพื่อนๆดูนี่แหละ วันหลังต้องเอามือถือไปด้วย คิดไปเองว่าจะมีคนถ่ายให้ คิดเอาเองว่า ไม่เอามือถือขึ้นเวที เด่วเสียสมาธิ สุดท้ายไม่มีรูปในวันสำคัญของตัวเองเลย  รู้งี้ ทิ้งเครื่องให้นักร้องข้างเวที ถ่ายให้ก็คงดี 

เสียจายยยยย

















 




 

Create Date : 20 มีนาคม 2562
0 comments
Last Update : 20 มีนาคม 2562 16:10:36 น.
Counter : 1153 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สมาชิกหมายเลข 5181927
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5181927's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.