Bloggang.com : : Boolloon IT : ทริปกระบี่ (ทัวร์ทะเลแหวก) วันที่ 3 ปี 09

ทริปกระบี่ (ทัวร์ทะเลแหวก) วันที่ 3 ปี 09

สำหรับวันที่ 3 ของทริปนี้ เราจะต้องเปลี่ยนที่พัก จากเดิมที่บุรีธารา ก็ต้องไปที่ อารีธารา ซึ่งยังคงเป็นห้อง Poll Ass. เหมือนเดิม เพราะว่าทริปนี้ตั้งใจจะลงว่ายน้ำมันทุกเวลา ก็เลยจองห้องติดสระไปเลย

และการเดินทางไปทะเลแหวในวันนี้เราต้องนั่งเรือลำใหญ่ไปกันหลายกรุ๊ป โดยต่อเรือจากลำเล็กขึ้นลำใหญ่ไปกันง่ะ
สถานที่แรกที่ไปก็คือ ทะเลแหวก หรือเกาะทับที่เค้าเรียกกัน

เมื่อไปถึงก็ไม่รีรอที่จะเดินลุยน้ำแหวกทะเลกันเอง

เพราะว่าช่วงเวลาที่ทางไกด์พามา มันไม่แหวกง่ะ แต่ก็มีคนเดินลุยน้ำแหวกกันเพียบเลย ยาวเป็นหางว่าวจริงๆ

วันที่ไปนั่น ไม่รู้คนเยอะแยะมาจากไหน คนไทยเยอะมากกว่าชาวต่างชาติซะอีก ก็เลยถ่ายภาพเล่นๆซะ

ไม่อยากลงเล่นน้ำเท่าไร เนื่องจากคนเดินไปมาเยอะจริงๆ

วันที่ไปนั่น ท้องฟ้าสวยมาก แต่ไหงพอตอนเย็นกลับครึ้มฟ้าครึ้มฝนซะได้

เราแวะพักกันที่ทะเลแหวกไม่เท่าไรประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ต้องไปต่อกันที่เกาะปอดะ

สำหรับรูปที่เกาะปอดะ ไม่ค่อยได้ถ่ายมา เพราะว่ากำลังวีนใส่ไกด์ที่นำอาหารมาไม่พอจำนวนคน แล้วเราก็ไม่ได้ทานแถมยังพามาที่คนแออัดอีก
บอกจริงๆ เริ่มไม่ประทับใจในช่วงเช้าแล้วนะนี่

หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงที่เกาะปอดะเสร็จแล้วก็ไปต่อกันที่เกาะไก่ เพื่อที่จะจอดให้ดำน้ำกัน

เราเองดำน้ำกันได้ไม่นานมาก เนื่องจากที่นี้มีแมงกะพรุนเยอะมาก และคุณแฟนก็โดนไปด้วย ต้องรีบขึ้นเรือมาล้างน้ำเค็ม ทาแป้งทันที คันมากก แสบผิวด้วย ลาด้วยภาพไกลๆก็เกาะไก่แล้วกัน แต่เราเมองเหมือนเกาะอุฐ มากกว่าเพื่อนๆ ว่างั้นมั้ย

เมื่อทำแผลกันเสร็จ เราก็นึกว่าคุณแฟนจะเข็ด หรือร้องเรียบกลับที่พัก แต่พอเรือพามายังจุดสุดท้าย ที่อ่าวพระนาง คุณแฟนก็ร้องโห... ทันที สวยมากกกก

เห็นแล้วอยากรีบลงจากเรือไปเดินเล่นไวไวจัง เห็นตรงปากถ้ำมั้ยครับ มีของดีด้วยสิ ใครที่บนบานไว้แล้วได้สิ่งนั้น ก็ต้องตามมาแก้บนที่นี่ด้วยปลัดขิกนะจร้ะ

ไม่พูดพร่ำทำเพลง คุณแฟนเธอก็กระโดดลงไปเล่นน้ำ ลืมเรื่องแผลซะแล้ว

คลื่นทะเล สำหรับที่นี้ คิดว่าแรงดีพอใช้ได้เลยล่ะ โดนซัดกันแต่ละที เล่นเอาลอยตัวไปไกลเหมือนกัน

คลื่นแรงอย่างนี้ เราก็ไม่ลงเล่นนาน เดินขึ้นมาเหยียบทรายขาวๆ ขอบอกว่าที่นี้ ทรายละเอียดมาก สวยมาก ทรายขาว นุ่มเท้า

แนะนำว่าต้องเดินเท้าเปล่า จะรู้สึกเหมือนสปาเท้าเลยล่ะ

หลังจากที่ตากแดดกันตัวดำแล้วก็ขึ้นมาหลบตามเงาไม้ถ่ายรูปบ้าง สำหรับใครที่เคยไปที่นี้ จะมีที่พักของโรงแรม สุดหรู ส่วนตัวมากๆ ขนาดยามยังเฝ้าไม่ให้นั่งบนขอบระเบียงเลย คิดดูสิ

แต่เราก็ไม่กลัวนะ แกล้งทำเฉยไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวเค้าก็เดินจากไปเอง อิอิ ถ่ายภาพดีก่า

วันที่ไปนั่น อย่างที่บอกว่าตอนเช้าแดดดี แต่ไหงตอนเย็นครึ้งฝนไปได้ ลมก็แรงมากด้วย เรือลำใหญ่ของเรามาเทียบจอดฝั่งอ่าวพระนางไม่ได้ ก็เลยต้องวนอ้อมไปที่ด้านหลังของเกาะ

เมื่อเดินมาทางเท้าจากฝั่งอ่าวพระนางมาเรื่อยๆ เราก็พบกับลิงฝูงเจ้าถิ่น ก็ต้องเดินดีดีหน่อยคอยหลบทั้งฝูงลิงที่คอยมาเกาะแกะ และหินย้อยด้วย
แต่สำหรับใครบางคนที่นี้ โดยเฉพาะนักปีนผาต่างชาติ จะชื่นชอบมาก จะมาปีนผากันเยอะ เราเองยังอยากลองเลย เพราะเคยไต่ลงเขามาแล้ว แต่คุณแฟนเธอห้าม เพราะว่าไม่มีเวลา

สำหรับอ่าวฝั่งของทางเข้าโรงแรมนั่น จะเงียบสงบ ไม่ค่อยมีคลื่นลมเท่าไร สวยมากดูส่วนตัวจังเลย (ไม่ส่วนตัวได้งัย คืนนึงตั้งเป็นแสน จะมีปัญญานอนมั้ยเนี่ย)

กลับมาที่พักของเราแบบสบายกระเป๋าดีก่า
เมื่อกลับมาถึงก็ต้องขอบคุณทางโรงแรม บุรีธารา อย่างมาก ที่ตระเตรียมกระเป๋าไปไว้ยังห้องพักที่อารีธาราเลย ทาง รร.บุรีธาราก็ขับรถมาเรามายังอารีธารา นึกว่าจะไกล ที่ไหนได้ประมาณ 100 เมตรเอง ยิ่งประทับใจใหญ่ เพราะรู้มาว่าเอารถเบนซ์มารับ และเป็นของเจ้าของ รร. แถมยังเป็นเครือเดียวกับบุรีธาราด้วยสิ

อันนี้ภาพถ่ายจากห้องพัก ตรงริมสระว่ายน้ำหน้าห้อง
ก็คิดว่าคุณแฟนเธอจะเหนื่อยที่ไหนได้ กลับมาถึงไม่เปลี่ยนชุดทูพีช ใส่ลงว่ายต่อเลยที่ รร.

เหนื่อยกันทั้งวัน ตื่นเช้ามาก็ทานเท่าที่เห็นนี้แหละครับ ก็เล่นตื่นตอน 9 โมงครึ่งไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะทานแล้วนี่น่า และวันนี้ก็เตรียมไปพักกันต่อ ที่ อนันตบุรินทร์ ซึ่งก็ยังเป็นเครือเดียวกับ บุรีธารา และอารีธารา

แล้วอย่าลืมติดตามชม ในวันที่ 4 ของทริปนี้ต่อไป (จริงๆมันคือวันที่ 6 ของทริป เพราะว่าวันแรกเราไปเที่ยวในเมือง และวันที่ 5 เราก็นอนแช่แป้ง น้ำในสระตลอด) พายคายัด ที่อ่าวท่าเลน