|
|
|
|
| | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
| 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
| 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
| 28 | |
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
Atonement ตราบาปแห่งโศกนาฏกรรม
ทุกครั้งที่ผมได้หยิบภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดูไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมไม่รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง การร้อยเรียงเรื่องราว เสียงต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทและผสมผสานกับตัวหนังได้อย่างลงตัว ทำให้ผมหลงรักหนังเรื่องนี้มากขึ้นทุกครั้งที่หยิบมาดู
Atonement ผลงานกำกับของ Joe Wright ซึ่งสร้างมากจานิยายชื่อเดียวกันของ Ian McEvan ซึ่งเป็นเรื่องราวของ ไบรโอนี่ เด็กน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ที่เห็นความสัมพันธ์ของพี่สาวของเธอ ซิซีเลีย กับ หนุ่มคนใช้ ร็อบบี้ และเธอได้เข้าใจผิดกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เมื่อเกิดคดีข่มขืนที่บ้านเธอ เธอจึงบอกว่าร็อบบี้เป็นคนทำ จึงทำให้เขาถูกจับ และชีวิตของร็อบบี้ ซิซีเลีย และไบรโอนี่ ต้องเปลี่ยนไปโดยไม่มีวันหวนคืน
**คำเตือน**บทความต่อไปนี้อาจเปิดเผยข้อมูลบางส่วนของภาพยนตร์
สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเทคนิคในการเล่าเรื่องของผู้กำกับ ที่ใช้หลักของ Reality (ความจริง) กับ Perception (สิ่งที่เราเข้าใจ) มาใช้ในการเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด โดยเล่าสลับกันเริ่มจากเล่าด้วยเหตุการณ์ Perception ก่อนซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่ไบรโอนี่เห็นผ่านหน่าต่างในห้องนอนของเธอ แล้วเข้าใจผิดคิดไปเองเกี่ยวกับภาพที่เธอเห็น ตามด้วยเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น (Reality) ต่อกันเลยทำให้เห็นการเปรียบเทียบของความ ลวง ที่คนเราคิดไปเอง กับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีการนำเอาเรื่องของ Reality กับ Perception มาเล่นกับความขัดแย้งภายในใจของตัวละครอีกด้วย ซิซีเลีย เธอไม่ได้คุยกับ ร็อบบี้ มา 3 ปีเพราะเธอคิดไปเองว่าตัวเธอนั้นเกลียดร็อบบี้ (Perception) แต่ความจริงแล้วนั้นร็อบบี้คือคนที่เธอรัก (Reality) ซึ่งเธอพึ่งมารู้ตัวและเข้าใจความจริงเมื่อได้รับจดหมายของ ร็อบบี้ (ซึ่งเป็นจดหมายที่เขาไม่ตั้งใจส่ง)
แต่ความเข้าใจผิดที่เราคิดไปเองคงจะยังไม่รุนแรงเท่ากับการที่คนอื่นทำให้เราเข้าใจผิด ไบรโอนี่ เคยได้นั่งคุยกับ โลล่า ญาติของเธอถึงความโรคจิตและบ้ากามของร็อบบี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอนั้นเข้าใจผิดทั้งหมด จนถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเรื่องเมื่อเด็กแฝดทั้ง 2 คนหนีออกไปจากบ้าน คนในบ้านทั้งหมดจึงต้องแยกย้ายกันออกไปตามหา สิ่งที่ไบรโอนี่ไปพบคือ โลล่ากำลังโดนใครคนหนึ่งข่มขืนแต่คนร้ายหนีไปก่อน เธอถามโลล่าว่าเขาเป็นใคร ร็อบบี้ใช่ไหม โลล่าได้ยินดังนั้นก็ป้ายความผิดให้ร็อบบี้ทันที ความมืดในจิตใจมนุษย์นั้นยากจะหยั่งถึง การที่ไบรโอนี่ให้คำให้การณ์กับตำรวจว่าร็อบบี้เป็นคนร้ายอาจไม่ใช่เพราะเธอเข้าใจผิดเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเธอแอบรักเขาอยู่แต่ทนกับการที่คนที่เธอรักไปชอบคนอื่นไม่ได้ และต้องการแยกเขาทั้งคู่ออกจากกัน
ร็อบบี้กลับมาที่บ้านพร้อมกับเด็กแฝดทั้ง 2 ที่เขาตามหาจนเจอ แต่สิ่งที่เขากลับมาเจอกลับไม่ใช่การต้อนรับแต่เป็นการยัดเยียดเข้าตารางโดยไรความผิด ทำให้เขากับ ซิซีเลียต้องแยกจากกัน ด้วยความเข้าใจผิดของคน ๆ หนึ่งก็สามารถทำลายชีวิตของคนอื่นได้ทั้งชีวิต
สิ่งที่ช่วยเสริมการเล่าเรื่องแบบสลับความ ลวง กับ ความจริง ให้ลงตัวยิ่งขึ้นคือ กระจกเราจะเห็นตัวละครในเรื่องทำอะไรผ่านกระจกบ่อยมาก แม้ที้ช่องเก็บของที่ไบรโอนี่ไปหาจดหมายเมื่อเปิดออกภายในก็เป็นกระจกทุกด้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นช่วยต้องยํ้าเรื่องของความจริงที่มีหลายด้าน
เมื่อมาถึงเนื้อเรื่องในช่วงหลังจากที่ ร็อบบี้ โดนจับเข้าคุก เขาก็ตัดสินใจมาเป็นทหารซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดออกมาจากคุก โดยความหวังเดียวที่ทำให้เขาต้องมีชีวิตรอดกลับไปคือ กระท่อมริมทะเล ซึ่งเขาสัญญากับซิซีเลียว่าจะไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น ภาพที่เราเห็นช่วงหลังจะเป็นภาพความโหดร้ายของสงคราม ซึ่ง Joe Wright สามารถสื่อทุกอย่างออกมาได้ในฉากเดียวคือ ฉาก Long take อันสุดยอดที่ดันเคิร์ก ด้วยการถ่าย Long Take นี้ทำให้เราเห็นสภาพอันยับเยินของทหาร สภาพของประชาชนที่หนีตายกันมา ความพังพินาศ เห็นความพ่ายแพ้ต่อสงคราม เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่เคยดูต้องจดจำฉากนี้ได้
ด้านไบรโอนี่เธอได้มาฝึกงานเป็นพยาบาลเพื่อหวังว่าจะช่วยลด บาป ที่เธอได้เคยก่อเอาไว้ในตอนเด็ก แต่มันเป็นสิ่งยากที่จะลบเลือนออกไปได้ ดังภาพตอนที่เธอล้างมือ เธอใช้แปรงขัดมือของเธอซํ้าแล้วซํ้าอีกเหมือนกำลังล้างบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นออกจากมือของเธอ แต่มันก็ไม่ออก ซึ่งสิ่งนั้นก็คือตราบาปของเธอ
สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ และเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเสียงดนตรีประกอบ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง นั่นก็คือเสียงพิมพ์ดีดที่นำมาใช้แทนดนตรี หรือ ควบคู่กันเพื่อให้จังหวะ และเสียงที่สำคัญอีกอย่างคือ เสียง voice over ซึ่งบางทีจะเป็นรูปประโยคที่ใช้วลีเหมือนในนิยาย เสียงทั้งหมดนี้ใช้บอกเป็นนัยแก่เราว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ ไบรโอนี่เขียนขึ้นเพื่อไถ่บาปของตัวเธอ โดยทำให้ ร็อบบี้ และ ซิซีเลีย ครองคู่กันที่กระท่อมริมทะเลในนิยายของเธอ
แม้ไบรโอนี่จะทำให้ความรักของทั้งคู่สมหวังในนิยายของเธอ แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เคยได้รับการให้อภัย แม้เธอจะสำนึกผิดอย่างไรก็ตามที มันเป็นตราบาปติดตัวเธอไม่สามารถลบเลือนให้มันหายไปได้
| Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553 |
| Last Update : 15 เมษายน 2553 0:26:46 น. |
|
8 comments
|
| Counter : 4809 Pageviews. |
 |
|
|
| โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.25.245 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:57:23 น. |
|
|
|
| โดย: จุใจ IP: 203.152.57.5 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:58:41 น. |
|
|
|
โดย: Swallowtail  วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:09:25 น. |
|
|
|
| โดย: Bua IP: 61.7.144.43 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:09:08 น. |
|
|
|
| โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:55:55 น. |
|
|
|
| โดย: beerled วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:2:37:44 น. |
|
|
|
| โดย: armpa* IP: 125.25.129.240 วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:0:10:08 น. |
|
|
|
| โดย: ถึงไม่ใช่หมอดู แต่ทำนายได้แม่นนะค่ะจะบอกให้ (ลาวดวงเดือน ) วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:18:13:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ตอนดูเองไม่เห็นซาบซึ้งกับเรื่องราวได้เท่ากับที่จขบ.เล่าเลยค่ะ
แต่เป็นหนังที่เศร้านะคะ