สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
11 สิงหาคม 2552

Ajimu Green Tourism

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเข้าร่วมทริป Green Tourism ที่Ajimu มาค่ะ

ซึ่ง Green Tourism นี่ เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรน่าจะได้นะคะ
คือ จะเป็นการไปพักในบ้านของเกษตรกรแล้วทดลองทำสิ่งต่างๆ(ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร)
Green Tourism เป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม
ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น แต่ยังดังในประเทศแถบตะวันตก
พวกยุโรป อเมริกา ก็ฮิตกันค่ะ โดยที่ดังๆ ก็เห็นจะเป็นที่ ฝรั่งเศส กับ เยอรมัน นะคะ

ถึงทริปจะสั้นแค่สองวันหนึ่งคืน แต่เราก็ประทับใจมากๆ เลยขอหยิบมาเล่าให้ฟังกันค่ะ

ช่วงแรกๆของทริป จะค่อนข้างหงอยๆค่ะ
เพราะผู้ร่วมทริปเหมือนว่าแต่ละคนจะต่างคนต่างมา ที่โชคดีมีเพื่อนมาด้วยถือว่าน้อยค่ะ
เพราะงั้น ขาไปนี่ก็จะแบบ นั่งกันเงียบๆ เงียบมากๆ
เราเลยถือโอกาสนี้งีบซะเลย หลังจากปั่นรายงานมาทั้งคืน เหอๆ

ระหว่างทาง ได้แวะชมน้ำตกชื่อดังของ อะจิมุ ที่ชื่อว่า น้ำตก Higashi Shiiya กันค่ะ

ป้ายชื่อน้ำตก


เดินๆเหมือนเดินเข้าป่า เข้าไปซักพัก ก็จะเจอกับน้ำตก หินๆ และต้นไม้ๆ
เห็นภาพนี้แล้ว รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ธรรมชาติเลยค่ะ


วันนี้ฝนตกทั้งวัน น้ำเลยเจิ่งนองทั้งจากฝนและน้ำตก เดินแล้วแอบกลัวลื่นค่ะ


เดินเข้าไปลึกพอสมควร เริ่มจะเห็นน้ำตกแล้ววววว


แล้วในที่สุด หลังจากบุกป่ามาเกือบสิบห้านาที เราก็ได้เจอกับน้ำตก Higashi Shiiya อันแสนยิ่งใหญ่กันค่ะ


น้ำตกสูงมากๆ และแรงมากๆ เห็นแล้ว พูดได้แค่คำว่า สุดยอด จริงๆค่ะ
(เห็นแล้วแอบนึกถึงพวกนักฝึกวิชาในหนังจีนด้วย ฮ่าๆๆ)
ยิ่งเข้าใกล้น้ำตก ก็ยิ่งได้รับละอองของน้ำที่ปลิวเข้ามาโดนหน้าและตัว
ดูเสร็จ เปียก แต่มีความสุขค่ะ ได้รับพลังธรรมชาติมาเต็มเปี่ยม

จากน้ำตก ก็แวะไปออนเซ็นอาบน้ำกันค่ะ
ตรงนี้ เสียใจด้วย ที่ไม่มีรูปให้ดูกันนะคะ

แล้วพอแช่น้ำขัดตัวกันจนหนำใจแล้ว ก็เคลื่อนตัวไปที่ตึกที่เหมือนจะเป็นศูนย์รวมของเมือง
แนะนำเจ้าของบ้านและแบ่งกรุ๊ปคนที่จะไปอยู่ จากนั้นก็แยกย้ายกันค่ะ

กลุ่มของเรา นอกจากเราก็มี สาวเกาหลีน่ารักมากแต่ดูเชิดๆคนนึง สาวจีนที่ดูเหมือนเด็กๆคนนึงและเหมือนพี่สาวคนนึง สาวไต้หวันหน้าตาใจดี และสาวญี่ปุ่นอีกคนที่เป็นสตาฟมาคุมค่ะ รวมเป็นหกสาว กรุ๊ปใหญ่ทีเดียวเลยค่ะ

ส่วนคุณป้าเจ้าของบ้านที่เราไปพักด้วยนั้น ชื่อคุณป้า Nakayama อายุ 70 แล้วแต่ยังแข็งแรง ทำอะไรคล่องแคล่ว ขับรถคันเบ้อเร่อ ขับรถข้ามจังหวัดก็ชิลๆค่ะ เราทึ่งพลังคุณป้ามากๆ
(แต่จริงๆ คนแก่ที่ญี่ปุ่นก็สุขภาพแข็งแรง และอายุยืนทุกคนเลย)

กว่าจะถึงที่บ้านก็หกโมงกว่า ท้องร้องกันแล้ว
ดังนั้น พอวางของเสร็จ ก็กินกันเลยค่ะ

ภาพนี้เป็นตอนที่นั่งรอคุณป้าจัดเตรียมอาหารให้ค่ะ


คุณป้าคนนี้ ขออวดเลยค่ะ ภูมิใจมาก
ท่านเป็นคนรุ่นแรกๆของเมืองที่ริเริ่ม Green Tourism เพื่อพัฒนาให้เมืองคึกคัก มีนักท่องเที่ยวเข้ามา
ส่วนความดังของคุณป้าน่ะหรอคะ แขกนี่มีเข้ามาพักแทบทุกคืน ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ
แล้วยังมีรัฐบาลจากต่างประเทศมาดูงานที่นี่ก็ยังมีค่ะ คุณป้าเจ๋งมากๆ

และที่คุณป้ามีชื่อเสียงอีกเรื่องก็คือ อาหาร ค่ะ
อาหารของคุณป้านั้น ลงนิตยสารมาแล้วกว่าสามสิบเล่ม ออกทีวีก็หลายครั้ง
(ล่าสุด คุณป้าเพิ่งบอกว่า มีรายการทีวีมาถ่ายไปเมื่อตอนกลางวัน)

เราฟังประวัติคร่าวๆของคุณป้าแล้ว ก็ได้แต่อึ้ง ทึ่ง
และดีใจที่เราได้มาอยู่บ้านนี้ค่ะ
(โดยเฉพาะเรื่องอาหารนี่ ช่างเหมาะเหม็งกับเราเสียนี่กระไร ฮ่าๆ)

นี่เป็น Torimeshi หรือว่า ข้าวปั้นไส้ไก่กับโกะโบ (ผักชนิดหนึ่ง)
เป็นจานเด็ดของคุณป้าที่ลงนิตยสารมาแล้วมากมาย


เรากินแล้ว ก็ได้แต่บอกว่าอร่อยมากกกกกกค่ะ
ข้าวสวยๆเอามาปรุงรสและปั้นเป็นก้อน มีโกะโบและเนื้อไก่พอประมาณ
แล้วข้าวก็แห้งๆไม่มันหรือว่าชืดๆฝืดคอเหมือนข้าวปั้นทั่วไปที่เราไม่ค่อยชอบ
ไม่รู้คุณป้าทำได้ไง ติดใจมาก ซัดไปสองเลยค่ะ (จริงๆอยากกินสาม แต่เกรงใจ - -")

เมนูนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหมู่คนเมือง
เพราะที่เราเห็นมันขายตามปกติทุกที่ที่ไป ก็เพราะว่าที่นี่มันเป็นชนบท
ถ้าเข้าเมืองไปแล้ว ไม่ได้มีวางขายและหากินง่ายๆเหมือนที่นี่ค่ะ
(แอบดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่แทนโตเกียว อิอิ)

นอกจากโทริเมชิ ก็ยังมี อาหารอื่นๆอีก ทั้ง ทงคัตสึ โครอกเกะ
และที่เด็ดสุดๆก็คือ ผักดองที่คุณป้าทำเอง สด กรอบ อร่อยมากค่ะ
กินแล้วแทบจะหยุดไม่ได้ ขนาดมะระดอง ยังไม่ขมเลย อร่อยสุดๆ

แต่เนื่องจากตั้งหน้าตั้งตากินไปหน่อย เลยไม่มีรูปมาฝากกันค่ะ.. - -"

ตอนที่กินข้าวไป ก็คุยแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรมไปเรื่อยๆ
ได้รู้เรื่องของประเทศต่างๆเพิ่มอีกหลายเรื่อง น่าสนใจดีค่ะ
นอกจากนี้ วันนี้ยังมีแขกมาพัก เป็นคู่สามีภรรยาที่เปิดคาเฟ่อยู่ที่ฟุกุโอกะ
ทั้งสองคนท่านก็ไปเดินทางมารอบโลก และมีเรื่องเล่าน่าสนใจมากมาย
ทำให้อาหารมื้อนั้น อร่อยและอิ่มทั้งปาก สมอง และใจเลยค่ะ

ในรูปเป็นคู่สามีภรรยาจากฟุกุโอกะ และคุณป้าNakayamaค่ะ


และเนื่องจากพรุ่งนี้มีแววว่าฝนจะตก
กำหนดการที่จะลองทำสวนก็เลยเป็นต้องงดไป
คุณป้าเลยเสนอที่สอนทำ อุด้ง พิซซ่า และนามะคาราเมลให้ค่ะ (สุดยอด!)

เพราะฉะนั้น คืนนี้ก็เลยต้องมีการเตรียมการเล็กน้อย
ก่อนอื่นก็ผสมแป้งเข้ากับน้ำและเกลือค่ะ จากนั้นก็มัดให้ถุงพองๆและเขย่าให้เข้ากัน

ภาพสองสาวชาวจีนตั้งใจผสมแป้งอย่างขะมักเขม้นค่ะ


ส่วนภาพนี้..เหยียบอะไรอยู่เอ่ย??


เฉลย...แป้งสำหรับทำอุด้งค่า


เพิ่งรู้ก็วันนั้นเองแหละค่ะ ว่าการทำอุด้งให้อร่อยและเป็นแบบดั้งเดิมนั้น
เค้าใช้ เท้า นวดแป้งกันค่ะ (แต่ปัจจุบันก็นวดด้วยเครื่องแทนกันแล้วค่ะ)
เรางี้อึ้งสุดๆ ถึงจะรู้ว่ามันมีอะไรมากั้นระหว่างเท้ากับแป้งก็เหอะ แต่ก็อึ้ง...

และอึ้งหนักยิ่งกว่า เพราะว่าตัวใหญ่ เลยถูกจับไปอยู่แผนกนวดแป้ง ()
(ทีสาวจีนตัวเล็กๆให้แค่เขย่าถุง หนูให้นวดแป้งเลย ป้านะป้า)
แรกๆ สุดจะรู้สึกผิดเลยค่ะ ไหว้แล้วไหว้อีก เหยียบก็ค่อยๆ
ก็คนไม่เคยเหยียบอาหารนี่นา

แต่ว่าพอชินแล้วก็เต็มที่ค่ะ เราต้องนวดเพื่อให้มันออกมาอร่อย (เริ่มมันส์)

นั่งกินๆคุยๆนวดๆแป้งจนถึงสามทุ่มกว่า คุณป้าก็ไล่ให้ไปนอนค่ะ
แต่มนุษย์ค้างคาวอย่างเรามีหรือจะหลับลง สักพักก็เลยลงไปแจมวงสนทนาของคุณป้ากับคู่คุณโกโตซัง
(คู่สามีภรรยาจากฟุกุโอกะ) พร้อมกับอีกสามคนค่ะ

พอไปรอบสอง เลยได้ของดีเลย คุณป้าแจกไวน์องุ่นให้ชิม
ซึ่งที่ อะจิมุ นี่จะดังเรื่ององุ่นและไวน์มากๆ และไวน์นี้ก็ผสมแต่องุ่นล้วนๆ
ไม่มีส่วนผสมแปลกๆอื่นๆอย่างที่ขายกันในไวน์ทั่วไปค่ะ (ป้าเค้าบอกมา)
เราชิมแล้ว อร่อยไม่อร่อยไม่ค่อยรู้ แต่รู้สึกว่าองุ่นเข้มข้นดีค่ะ >.<

นอกจากนี้ ยังได้ชิมองุ่นของที่นี่ (อร่อยเมพมากกกก) และเมลอนอีกแบบที่เราไม่เคยกินมาก่อน
ผลสีเหลือง เนื้อสีขาว อร่อยดีค่ะ

เราได้มีโอกาสคุยกับสาวจีนคนที่เหมือนพี่สาว กับสาวไต้หวันใจดี แล้วรู้สึกนับถือเค้ามาก
เค้าสู้ชีวิตกันสุดๆเลยค่ะ

คนนึงก็ทำงานพิเศษช่วยครอบครัวจ่ายค่าเล่าเรียนครึ่งนึง(ประมาณสี่แสนเยน)
แถมค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ก็หาเอง

ส่วนอีกคน ก็ชอบท่องเที่ยวและชอบกินมาก แต่ว่าต้องช่วยที่บ้านประหยัดเงิน เลยได้แต่หาข้อมูลทางอินเตอร์เนตแล้วมีความสุขแค่นั้น ไม่สามารถไปกินและเที่ยวจริงๆได้ (ข้อมูลเค้าปึ้กมากๆ จนคนญี่ปุ่นยังทึ่งเลยค่ะ)

เราฟังเรื่องของเค้า แล้วก็อดที่จะกลับมามองตัวเองไม่ได้
ได้แต่คิดว่า ต่อไปจะพยายามคิดเรื่องการใช้เงินให้มากกว่านี้ค่ะ...

คืนนั้น กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืน เพราะมัวแต่คุยและกินกันอย่างสนุกสนาน
และกว่าจะหลับได้ก็แอบแย่ค่ะ กินเยอะซะจนอึดอัดพุงไปหมดเลย

รายละเอียดของวันที่สอง ต่อบลอกหน้านะคะ ^^

สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2552
0 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2552 23:06:27 น.
Counter : 808 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


princenobu
Location :
Oita Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพิ่งเรียนจบ ตอนนี้ขออยู่ในสถานะว่างงานครึ่งปี เพื่อเรียนเพิ่มเติม ทำสิ่งที่อยากทำ เติมหัวใจของเราให้เต็ม

ชอบกิน เที่ยว ถ่ายรูป และแมว

ยินดีที่ได้รู้จักนะ:)
[Add princenobu's blog to your web]