|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
แด่คุณย่า
20 กรกฏาคม 2551
วันอาทิตย์ 9:16 AM
แปลกดี วันนี้เป็นวันแรกที่ผมตัดสินใจเขียน blog เป็นจริงเป็นจังหลังจากที่ signup เอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ signup ทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้เขียนอะไรขึ้นมาซักที
วันนี้เป็นวันที่คุณย่าของผมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ท่านเพิ่งจากครอบครัวเราไปเมื่อตอนตีสองที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
ท่านเพิ่ง admit ไปที่โรงพยาบาลเมื่อไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาการของท่านทรุดเร็วมาก เริ่มจากอาการถ่ายเบาไม่ออก 2-3 วัน ทานอาหารไม่ได้
อันที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นตอนช่วงต้นกรกฏา วันที่ 4 กรกฏานั้นเป็นวันเกิดผม และวันที่ 4 กรกฏาของปีนี้ เป็นปีที่ผมได้รู้ตัวว่ากำลังจะเป็นพ่อคน ถัดจากวันที่ 4 มา 1 สัปดาห์ คือวันศุกร์ที่ 11 วันนั้นผมตั้งใจจะพาภรรยาไปฝากครรภ์ที่ศูนย์นวบุตร
ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตอนนั้นผมกำลังประชุมอยู่ จู่ๆผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของผม บอกว่าคุณย่าเข้าโรงพยาบาลด่วน และหมอสงสัยว่าอาการจะหนัก ให้ผมรีบไปที่โรงพยาบาล แต่ผมนัดกับที่สถานฝากครรภ์เอาไว้ก่อนแล้ว เลยบอกพ่อไปว่าจะรีบตามไปทันทีที่จัดการเรื่องภรรยาเสร็จ
หลังจากฝากครรภ์เรียบร้อย ผมกับภรรยาก็เดินทางไปที่โรงพยาบาล สภาพของคุณย่าตอนนั้นก็ดูโทรมแต่ยังพอไหว ทุกคนคิดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้ออกจากโรงพยาบาล
จะว่าไป ทุกอย่างโดยรวมยังดูไม่รุนแรงมากตอนช่วงก่อนที่จะพาคุณย่าไปส่องกล้องดูอวัยวะภายใน
สถานการณ์เริ่มแย่ลงในตอนนั้น คนในตระกูลเริ่มแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมีคุณพ่อผมซึ่งเป็นลูกชายคนโต คุณป้าลูกสาวคนโตและคุณอาลูกชายคนเล็กของคุณย่าซึ่งเป็นคุณหมออายุรเวชอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ฝ่ายนี้คือฝ่ายที่ไม่ต้องการให้พาคุณย่าไปส่องกล้องเนื่องจากคุณย่าอายุมากแล้ว การไปทำอะไรแบบนั้นจัดว่ามีความเสี่ยงพอสมควรสำหรับสตรีในวัย 84 ปี
อีกฝ่ายคือลูกๆของคุณย่าอีกเหมือนกัน คุณย่าผมมีลูกหลายคน ซึ่งฝ่ายนึ้ดึงดันว่าจะให้ส่องกล้องให้ได้ และได้มีการเซ็นยินยอมกับคุณหมอเรียบร้อยในวันหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่ในห้องกับคุณย่า
หลังจากที่ได้มีการเซ็นยินยอมไปแล้ว ฝ่ายคุณพ่อผมและคุณอาเล็กไม่ค่อยจะพอใจนัก โดยเฉพาะคุณอาเล็กที่เป็นหมอ เนื่องจากเค้าได้มีการเตือนไปแล้วแต่ลูกๆอีกฝ่ายยังดึงดันที่จะทำให้ได้ คุณอาเล็กได้กล่าวในโทรศัพท์กับฝ่ายที่ยินยอมว่า
“อั๊วเตือนพวกลื้อไปแล้วแต่ยังไม่ฟัง พวกลื้อจำเอาไว้นะ ถ้าแม่เป็นอะไรไป คนที่ยินยอมจะต้องรับผิดชอบ เข้าใจมั้ย รับผิดชอบ!!”
คำประกาศกร้าวนั้นทำให้ฝ่ายลูกที่ยินยอมถึงกับร้องไห้ในวันที่รู้ตัวว่าคุณย่าอาการทรุดลงไปหลังจากทำการส่องกล้อง ผมจำได้ว่าก่อนที่คุณย่าจะถูกพาไปส่องกล้องนั้น คุณย่ายังลืมตามองลูกหลานที่มาเยี่ยมกันเต็มห้องได้ มือไม้ยังพอมีแรงและที่สำคัญคือยังพอจะพูดได้เป็นคำๆ แม้จะกระท่อนกระแท่นก็ตาม แต่หลังจากที่ไปส่องกล้องมาแล้ว อาการของคุณย่าเริ่มที่จะมีการเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม และเลวร้ายที่สุดคือเมื่อวันที่ผมไปเยี่ยมท่านในวันสุดท้ายคือวันที่ 19 กรกฏาคม
คุณย่ามีการตอบสนองน้อยมากและใส่เครื่องช่วยหายใจ คุณย่าพูดไม่ได้ ตาเหลือกขึ้นด้านบน 1 ข้าง ส่วนอีกข้างปิดสนิท แต่เวลาลูกหลานถามแกว่า รู้มั้ยว่าใครมาอยู่ในห้องตอนนี้บ้าง คุณย่าแกจะพยักหน้า
นั่นคือสิ่งที่ท่านทำได้ แค่นั้นจริงๆ
เมื่อคืนนี้ฝนตกตลอดคืน….
เช้าวันนี้ขณะที่ผมกำลังโกนหนวดอยู่ในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์สายใน ซึ่งภรรยาผมเป็นคนรับสาย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที ภรรยาผมเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาแล้วถามผมว่า รู้เรื่องแล้วใช่มั้ย?
ผม : ยัง มีอะไรเหรอ ภรรยา : อาม่าเสียแล้วนะ
เท่านั้น แล้วภรรยาผมก็ปิดประตูห้องน้ำ...
ผมไม่พูดอะไร ไม่คิดอะไรในหัว โกนหนวดต่อไปเงียบๆ อาบน้ำ แล้วเดินลงไปที่เครื่องชงกาแฟในห้องครัวชั้นล่างเพื่อทำกาแฟกิน
เมื่อลงมาถึงข้างล่าง ผมเห็นแม่ผมอยู่กับคุณอาเล็ก (คุณอาเล็กมี 2 คน คนนึงเป็นผู้ชายที่เป็นหมอแต่คนที่มาที่บ้านตอนนี้คือผู้หญิง) คุณอาเล็กอยู่กับแม่ผม คุยกันถึงเรื่องที่จะต้องจัดการต่อไป
ส่วนคุณพ่อผมตอนนี้อยู่กับคุณอาสามและกำลังเดินทางไปติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องศพของคุณย่า ผมทำกาแฟเสร็จก็เดินไปที่เค้าสองคนนั้นแล้วถามว่า คุณย่าท่านไปยังไง แม่ผมก็ตอบว่าเมื่อคืนนี้ ตีสอง
“เมื่อคืนนี้อาสองและอาห้าอยู่กับคุณย่าที่ห้องคนป่วย คุณย่าหายใจเบามากๆ คุณพยาบาลเค้าเดินเข้ามาตรวจ จับชีพจรแล้วก็บอกคุณอาทั้งสองคนว่าชีพจรอ่อนมากแล้วนะ”
ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่จะมองไปที่อาเล็กแว่บหนึ่ง แล้วคุณแม่ก็พูดต่อ
“คุณย่ามีเลือดซึมออกมาทางปาก นิดหน่อย ก่อนที่จะอาเจียนออกมาเป็นเลือดและแน่นิ่งไป”
ผมฟังแล้วรู้สึกแย่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อตอนบ่ายวันเสาร์ อาการของคุณย่าก็เริ่มทรุดหนักแล้ว ลูกหลานคิดกันว่ายังไงๆก็ไม่น่าจะพ้นคืนนี้ คุณพ่อผมเป็นคนที่เข้าไปกอดคุณย่า พูดที่ข้างหูของท่านว่า
“ลูกหลานทุกคนสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ถ้าลื้อต้องไปไหว้พระแล้วก็ไปเถอะ ทุกคนช่วยเหลือตัวเองกันได้หมดแล้ว”
คือธรรมเนียมคนจีน เค้าเชื่อกันว่า คนที่ไม่ไหวแล้ว คนที่กำลังจะเสียชีวิตนั้น ทุกคนจะเดินทางไปทางทิศตะวันตก และไปไหว้พระบนสวรรค์
คุณย่าผมไม่ได้ตอบสนองอะไร แต่ท่านก็เดินทางในคืนนั้นจริงๆ 20 ปีีหลังจากที่คุณปู่ของผมออกเดินทางไปก่อนและรอคุณย่าอยู่บนสวรรค์ คุณย่าผมอยู่กับลูกๆมาตลอด ท่านเป็นผู้หญิงที่โชคดี ลูกหลานไม่เคยทอดทิ้ง อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทานอะไรก็ได้ทาน ก่อนที่ท่านจะพูดไม่ได้ ท่านพูดกระท่อนกระแท่นกับผมและภรรยาในห้องผู้ป่วยเป็นภาษาจีนว่า
“ขอให้ได้ลูกชาย…”
ผมเชื่อว่าขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ ท่านกำลังเดินทางไปพบคุณปู่ของผมในปรโลก 20 ปีที่ไม่ได้เจอกันคงจะทำให้การพบกันของท่านนั้นมีความหมายมากทีเดียว
หากวิญญาณคุณย่ากำลังเดินทางไปทางทิศตะวันตก
ผมอยากให้คุณย่ารับรู้ว่าผมรักคุณย่ามาก
คุณย่าคอยดูและผมตั้งแต่เล็ก ป้อนข้าวป้อนน้ำ หาหยูกยาให้เวลาผมเจ็บป่วย
คอยปกป้องผมเวลาทะเลาะกับใคร
คุณย่าหวงและห่วงผมมากเนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ในขณที่ลูกๆคนอื่นของคุณย่ามักมีลูกเป็นผู้หญิง ผมจึงเป็นหลานชายคนโตสุดของบ้านที่คุณย่ารักมาก
ผมอยากบอกคุณย่าว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม
ผมกับภรรยาและครอบครัวดูแลตัวเองได้ คุณย่าหลับให้สบาย
แต่ผมเสียใจที่คุณย่าไม่มีโอกาสได้เห็น ได้อุ้มเหลน
แต่ผมเชื่อว่าวิญญาณคุณย่าคงมีความสุข
ผมจะดูแลสั่งสอนลูก – เหลนของคุณย่าให้ดี
สอนให้เค้ารู้ว่าคุณย่าทวดนั้นยิ่งใหญ่กับพ่อของเค้าแค่ไหน
ผมจะรักและคิดถึงคุณย่าตลอดไป
ผมรักคุณย่าครับ
Create Date : 20 กรกฎาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 10:59:45 น. |
Counter : 3477 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: MaiJung วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:32:37 น. |
|
โดย: นิรมาณ วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:20:24:36 น. |
|
โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:53:17 น. |
|
| |
|
รอยสักไหล่ขวา |
|
|
|
|