BlogGang.com : : รพีจรัส :

“มันมาจากนรก”

เขียนโดย สิรภพ เอกไกรศรี 25 กุมภาพันธ์ 2550

“มันมาจากนรก”

ก่อนการปฏิวัติรัฐประหารทำลายชาติทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ประเทศชาติกำลังดำเนินไปสู่ความเป็นผู้นำแห่งกลุ่มประเทศอาเซียน ประชาชนมีแต่ความสุข กินดีอยู่ดี รัฐบาลมีเสถียรภาพ สามารถนำพาประเทศชาติพ้นภัย ไอ เอ็ม เอฟ สู่ความมั่งคั่งมั่นคง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติภูมิจากนานาอารยประเทศทั่วโลก จนเป็นที่วิตกกังวลของกลุ่ม “ศักดินาเก่า” ที่ไม่มั่นใจในสถานภาพและอนาคตของตนเอง และกลุ่มไม่หวังดีที่เสียผลประโยชน์ จนมีการรวมกลุ่มเป็นพวก “มันมาจากนรก” ยุยง ปลุกปั่น บั่นทอน สร้างข่าว ปั้นข่าว เต้าข่าว และใช้ข่าวเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชน ชักจูงชนชั้นกลาง (ที่มักคิดว่า ตนเองเลิศเลอกว่าใครเพื่อน มีการศึกษาดีที่สุดและชอบอิจฉาตาร้อนผู้ที่รวยกว่า และชอบดูถูกดูแคลนคนชนบทว่าไร้สมองเป็นทาสเงินตรา) รวมทั้งคนกลุ่มทุนเก่า ที่ "ก้าวไม่ทันโลก" จนเกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่นำพาว่าการกระทำนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อชาติและประชาชน

เพราะมีแต่ “นรก” เท่านั้นจึงจะมีพวกต่ำทราม มีแต่กรรมชั่ว มากด้วยบาปกรรมสิงสถิตอยู่

พฤติกรรม “มันมาจากนรก” พวกนี้...เริ่มจากการรวมกลุ่มจัดรายการ “ตอแหลรายสัปดาห์”สัญจรภายใต้การชี้นำของเจ๊กขบถลูกต่างด้าวผู้นิยมการ “ปั้นน้ำเป็นตัว” ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งมีอธิการบดีหน้าตาเหมือนคนปัญญาอ่อน ต่อมาจึงขยับขยายมาจัดที่สวนสาธารณะภายใต้การอุ้มชูของพรรคฝ่ายค้าน พลตำรวจเอกสมาชิกวุฒิสภาผู้ซึ่งแสดงกริยาถ่อยต่อยสมาชิกวุฒิสภาด้วยกันเองในสภาอันทรงเกียรติ หน้าแหลมฟันดำผู้ที่มันสมองหล่อเลี้ยงด้วยน้ำคร่ำการปฏิวัติทำลายชาติ ดอกเตอร์ “จิ้มสาก” ผู้เก่งกาจในการไต่เต้าความเท็จ พลตรีหัวเกรียนเซ็กส์เสื่อมผู้สร้างภาพไร้เซ็กส์กับเมียผู้ถูกสั่งการมาจากหัวหงอกผู้มากบารมีให้นำเครือข่ายนักบวชนอกรีตเข้าร่วมชุมนุมจนเป็นหนึ่งในแกนนำ “มันมาจากนรก” ด้วย เป็นสัญญาณว่าการ “ชุมนุมทำลายชาติ” จะยืดเยื้อยาวนาน มีการเดินเท้าเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมไปในที่ต่าง ๆ โดยไม่มีการปิดล้อมเพราะความใจกว้างของรัฐบาล กระทั่งมีการชุมนุมทางการเมืองกลางศูนย์ธุรกิจหลักประเทศเพื่อการแอบเรียกร้องผลประโยชน์ก้อนใหญ่แลกกับการเลิกชุมนุมในสถานที่นั้น จนแม้มีการประกาศยุบสภาในวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน 2549 เพื่อให้ประชาชนผู้เบื่อหน่ายพวกก่อกวนทำลายชาติตัดสินว่าต้องการรัฐบาลชุดเดิมหรือไม่ แต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อเผด็จการ “มันมาจากนรก” ก็ยังทำตัวเหนือกฎหมาย มีการเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่สถานที่ต่าง ๆ โดยไม่สนใจใยดีความผิดถูกชั่วดี สมทบด้วยการบอยคอตเลือกตั้งของพรรคฝ่ายค้านที่รู้ตัวดีว่าเลือกตั้งอย่างไรก็ “แพ้” แน่นอน ส่อเจตนาชัดเจนเพื่อภารกิจการ “ชิงอำนาจ” โดยวิถีทางเผด็จการมากกว่าการขับเคลื่อนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ตามที่กล่าวอ้าง ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าของบรรดาแกนนำ “มันมาจากนรก” ก็ล้วนแต่เป็นกลุ่มทุนและสื่อมวลชน รวมทั้งพวก “ไร้อาชีพ” ที่รับจ้างสร้างความวุ่นวายซึ่งอิงแอบกับผลประโยชน์การเมืองที่กลัวว่าในระยะยาวจะส่งผลเสียหายให้พวกเขาทั้งสิ้น แม้มีความพยายามสู้ในระบบธุรกิจพบว่าสู้ไม่ได้ตามไม่ทัน ทางออกที่เหลือก็คือต้องช่วยกันล้มกระดาน เพื่อให้อำนาจเก่าของตนเองกลับคืนมาโดยเร็ว รวมทั้งให้ธุรกิจสูญเสียน้อยที่สุด จนก่อเกิดภาวะ Anarchism หรือ อนาธิปไตย โดยมีประชาชนผู้บริสุทธิ์หลงเดินเข้าไปในกับดักตกเป็นเครื่องมือ เป็นเบี้ย เป็นไพร่ราบไปตายแทน ในเกมชิงอำนาจที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งทางการเมืองและผลประโยชน์ธุรกิจที่มากมายมหาศาล เป็นเกมที่เต็มไปด้วยไฟสุมแค้น เมื่อการสร้างสถานการณ์สุกงอมดีแล้ว หัวหน้ากลุ่มศักดินาเก่าผู้มากบารมีผู้อยู่เบื้องหลังจึงได้สั่งการให้ลูกสมุนออกมาทำการปฏิวัติรัฐประหารทำลายชาติทำร้ายประชาชน โดยตั้งข้อกล่าวหาทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นจนเป็นอันตรายอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง เป็นเพียงการคาดคะเนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม ที่ไม่มีสิ่งพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านี้ได้คุกคามความมั่นคงปลอดภัยของชาติจริง และทั้ง ๆ ที่ใกล้มีการเลือกตั้งใหม่ ได้มีการออกพระรากฤษฎีกาและทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีแล้ว พร้อมทั้งสร้างเรื่องโกหกว่า “ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนกลุ่มรัฐประหาร” ด้วยการจัดฉากสร้างภาพของคนในกรุงเทพฯมอบดอกไม้และอาหารให้กับทหารทำโฆษณาชวนเชื่อทั้งในและต่างประเทศว่า พวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างมากมาย ในขณะที่ความเป็นจริงนั้นผู้ไม่เห็นด้วยและนักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายกลับถูกห้ามต่อต้านและห้ามดำเนินกิจกรรมทุกรูปแบบ รายการแสดงความเห็น วิทยุชมชน เว็บไซด์ และแหล่งต่างๆที่สำหรับให้ประชาชนได้แสดงความเห็นถูกปิดกั้น สื่อต่างๆถูกสั่งให้ “ร่วมมือ”กับคณะปฏิวัติรัฐประหารทำลายชาติทำร้ายประชาชนอย่างเข้มงวดเด็ดขาด

แม้เมื่อมีการเลือกตั้ง “มันมาจากนรก” กลับไม่ยอมส่งคนเข้าร่วมขบวนการประชาธิปไตยลงสมัครเลือกตั้ง กลับเลือกวิธีวางตนว่า “ยิ่งใหญ่” อยู่เหนือกฎหมาย ด้วยการเอาแต่ส่งเสียง “หอน” ข่มขู่ประชาชนผู้ใช้สิทธิให้เลือกคนที่พวกมันต้องการ แต่กลับถูกประชาชนผู้ยึดมั่นในประชาธิปไตยและมีใจเป็นธรรม “ตบหน้าสั่งสอน” ทั้งพวกปฏิวัติรัฐประหารทำลายชาติทำร้ายประชาชน และพวก “มันมาจากนรก” ด้วยการเลือกคณะบุคคลคนที่เคยถูกไล่ล่าทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรมขึ้นมาบริหารประเทศอีกครั้ง แต่พวก “มันมาจากนรก” ก็ไม่ยอมหยุดยั้งการสร้างความปั่นป่วนเสียหายต่อประเทศชาติ พยายามส่งเสียง “หอน” เพื่อ “ก่อกวน” ความสงบของประเทศชาติ เลือก “หอน” เฉพาะข้อมูลที่ตนเองได้ประโยชน์ ปกปิดข้อมูลบางส่วนเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นตัวตนที่แท้จริง มุ่งหมายเจตนาผลประโยชน์ส่วนตนแต่เอาผลประโยชน์ของชาติมาเป็นเครื่องต่อรอง โอ้อวดว่ายอมอุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติขณะที่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ส่วนตัว เอาประชาชนเป็นโล่มนุษย์ เกราะกำบังกาย รวมทั้งชอบแอบอ้างประชาชนอย่างหน้าด้าน ๆ ตลอดเวลา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายสั่งห้าม “คนไทย” กลับประเทศไทย ข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน สร้างความกังวลและความเครียดให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีบรรดา “สื่อมวลชนเลว ๆ” ทำตัวเป็นลูกคู่ “หอน”รับเป็นทอด ๆ

ต้องรออีกนานเท่าไรที่บรรดา “สื่อมวลชน” จะทำตัวเป็น “สื่อมวลชน” ที่แท้จริง ประพฤติปฏิบัติตนอย่างสร้างสรรค์ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ สรรหานำเสนอแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เลิกสนับสนุนการประโคมข่าวการทำลายชาติทำร้ายประชาชน ไม่ต้องให้ความสำคัญกับพวก “มันมาจากนรก” และถอนตัวเลิกเป็นลูกคู่ “หอน” รับทอดเสียง “หอน” ของบรรดา พวก “มันมาจากนรก” กลุ่มนั้น เพื่อให้พวกมันกลับลงไปใน “นรก” ที่สิงสถิตเสียที.

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551

1 comments

Last Update : 22 มีนาคม 2551 16:47:12 น.

Counter : 917 Pageviews.

ขอโทษที่ไม่ได้อ่านข้อความทั้งหมด เพราะสีชมพูจางๆมันปวดตาคะ

แต่เห็นด้วยกับ วรรค สุดท้ายคะ ที่ว่า ต้องรออีกนานเท่าไหร่ที่บรรดา สื่อมวลชน จะทำตัวเป็น สื่อมวลชน ที่แท้จริง ....

โดย: a_mulika 27 กุมภาพันธ์ 2551 22:24:17 น.