การเดินทางในประเทศพม่านั้นค่อนข้างยาก อิงค์เลยตัดสินใจใช้บริการ ของ M Service ค่ะ
เค้าดูแล รับ - ส่ง สนามบิน พาเราไปเที่ยวที่ต่างๆ 3 วัน ราคา 10,000 บาทค่ะ อาจจะดูแพงนะคะ
แต่มันสะดวกมากเลยสำหรับคนพิการอย่างอิงค์ (คืออิงค์เพิ่งผ่าตัดส่องกล้องที่เข่ามาค่ะ)
ไฟล์ทบินเวลาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เราบินแอร์เอเชียค่ะ มาถึงพม่าก็เที่ยงแล้ว อ้อ ลืมบอกว่าเวลาที่พม่าจะช้ากว่าที่ไทยอยู่ครึ่งชั่วโมงนะคะ ถึงสนามบินปุ๊ปเค้าก็มารอรับเราที่สนามบินเลยค่ะ คอยอ่านชื่อที่กระดาษเอาค่ะ เสร็จแล้วก็แลกเงินค่ะ แลกที่สนามบินเลยเรทไม่ต่างกันค่ะ 3 วันแลก 5,000 บาทค่ะ ได้เงินพม่ามา 195,000 จ๊าด รวยมากๆ 55555
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถ เค้าพาไปไหนก็ไปค่ะ รถที่พม่าขับคนละฝั่งกับบ้านเรา ไม่ชินเลยค่ะ และก็ขับรถกันเร็วพอสมควร คนขับพูดภาษาอังกฤษได้นะคะ แต่เราก็ฟังไม่ค่อยออกเพราะสำเนียงมันไม่เหมือนกันเนอะ
หวานไหมคะ หวานเนาะ
เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์(พระนอน) มีความสูงประมาณตึก 6 ชั้น ส่วนที่เค้าเรียกกันว่าพระตาหวานเพราะดวงตาท่านทำจากแก้วค่ะ ทาตาสีฟ้า สวยมากๆเลยค่ะ ดูของจริงนะใสมาก เหมือนมีชีวิตจริงๆเลยค่ะ จริงๆพระองค์นี้สร้างขึ้นมาใหม่แทนองค์เก่าที่ได้รับความเสียหายค่ะ
วัดที่ 2 ก็คือวัดงาทัตสึ
พระประธานองค์ใหญ่มากค่ะและท่านก็ทรงเครื่องกษัตริย์ค่ะ วัดนนี้อยู่ใกล้ๆกับวัดพระตาหวานค่ะ
เสร็จแล้วเราก็แวะเช็คอินที่โรงแรมก่อนค่ะ แล้วก็นัดคนขับรถมารับตอนบ่าย 3 โมงที่โรงแรมค่ะ เราหิวข้าวกันมาก เราเลยสั่งอาหารที่โรงแรมทานเลยค่ะ เราสั่งข้าวผัดทะเลรสชาติออกเค็มๆมันๆนะคะ
แต่ก็กินค่ะ หิวมากแล้ว เลือกไม่ได้ เพราะมันก็จะถึงเวลานัดคนขับรถแล้ว
วัดที่ 3 เจดีย์โบตะตาว
ชื่อเจดีย์หมายถึง ทหาร 1,000 นาย เค้าเล่ากันว่าเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ ให้ทหาร 1,000 นายตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุ (บ้างก็ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุค่ะ) ที่อันเชิญมาทางเรือจากประเทศอินเดียเพื่อไปบรรจุไว้ที่เจดีย์ชเวดากอง โดยมาขึ้นฝั่ง ณ จุดนี้ จึงได้สร้างเจดีย์เอาไว้แล้วได้แบ่งพระเกศาธาตุเอาไว้ 1 เส้น เพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์แห่งนี้ค่ะ
พระเกศาธาตุ
ไหว้เสร็จเราก็มาทางด้านวิหารด้านขวาของเจดีย์ค่ะ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้ามินดง พระพุทธรูปนี้เคยประดิษฐานอยู่ที่พระราชวังมัณฑะเลย์ จนกระทั่งตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้มีการขนย้ายออกไปอยู่ที่อังกฤษทำให้รอดจากการระเบิดในช่วงสงครามโลก จากนั้นพอพม่าได้เอกราช อังกฤษก็ส่งกลับมาให้คืนค่ะ
พระพุทธรูปปางมารวิชัยค่ะ สวยมากๆเลยค่ะ
เสร็จแล้วเราก็เดินมาทางซ้ายของเจดีย์ค่ะ ตรงนี้จะมี เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี
ที่ๆต้องมาใช่ไหมคะ เวลามาย่างกุ้ง 55555 มาแล้วก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ว่าจะไหว้ไม่เป็น เค้ามีคนพาเราทำค่ะ ที่สำคัญบอกเป็นภาษาไทยด้วย นั่นหมายความว่าไงค่ะ คนไทยมากันเยอะมากๆค่ะ
มาเที่ยวย่างกุ้ง เงินไทยเค้ารับนะคะ แบงค์ 20 กับแบงค์ 100 เตรียมมาเยอะๆค่ะ เค้าไม่เอาเหรียญนะคะ
ขอไปเลยค่ะ ประมาณว่าถ้าเก่งจริงขอให้ได้ตามที่ขอแล้วจะกลับมาถวายของให้อะไรประมาณนี้ค่ะ
ไหว้เทพทันใจเสร็จก็เดินข้ามถนนมาไหว้เทพกระซิบต่อค่ะ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย เป็นนัตองค์หนึ่ง
ตำนานบอกว่านางเป็นธิดาของพญานาคที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เชื่อกันว่าถ้าไปกระซิบขออะไรแล้วก็จะสมหวังค่ะ
เทพกระซิบค่ะ
แล้วก็มาต่อที่เจดีย์ชเวดากองค่ะ ด้วยเวลาเราน้อยจึงไม่ทันได้ไปเจดีย์สุเล พลาดมากๆเลย
มหาเจดีย์ชเวดากอง 1 ใน 5 ของมหาบูชาสถานของพม่า ถือเป็นอันดับ 1 ของสถานที่ท่องเที่ยวในพม่าที่ต้องไปเยือน
มหาเจดีย์ชเวดากองสร้างโดยกษัตริย์มอญเมื่อราวๆ 1,200 ปี ตำนานเล่าว่าพระพึทธเจ้าทรงประทานพระเกศาธาตุ 8 เส้นให้กับพี่น้องพ่อค้า 2 คนและถูกนำมาประดิษฐานในเจดีย์แห่งนี้ 2 เส้นค่ะ
มหาเจดีย์ชเวดากองค่ะ
หมดไป 1 วัน ของเราค่ะ กลับโรงแรมไปพักผ่อน เตรียมออกเดินทางตอนเช้า ไปหงสาค่ะ
แล้วก็ไฮไลท์ของเราคือ ไหว้พระธาตุอินแขวนค่ะ
วันที่ 2 ของทริป เริ่ม 8.00 น.ค่ะ เรานั่งรถไปหงสา ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงค่ะ ต่อจากหงสาไปอินแขวนอีกประมาณ 2 ชั่วโมง นานมากค่ะ การจราจรในย่างกุ้งรถค่อนข้างติดมากๆเลยค่ะ ฝุ่นควันก็เยอะค่ะ พอออกจากเมืองถนนก็โล่งดีค่ะ
ชแว้บ 4 ชั่วโมงผ่านไป เราก็มาถึงหงสาวดีค่ะ
เริ่มกันเลยที่เจดีย์ไจ๊ก์ปุ่น
เจดีย์ที่นี่องค์เจดีย์จะเป็นองค์พระทั้ง 4 ทิศประกบกันค่ะ เป็นทรงสี่เหลี่ยมไม่เหมือนใคร พระพุทธรูปประทับนั่งทั้ง 4 มีอายุกว่า 500 ปี สูงประมาณ 30 เมตรค่ะ เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ค่ะ
เจดีย์ไจ๊ปุ่น
เราซื้อบัตรเข้าชมที่นี่ก็จะเป็นแพ็คเกตนะคะ สามารถเข้าดูได้อีก 4 ที่เลยค่ะ
นี่ค่ะรูปตั๋ว
มาต่อกันเลยนะคะ ที่พระนอนชเวตาเลียงกันนะคะ
พระนอนองค์นี้ถึงจะไม่ได้ใหญ่ที่สุดในพม่า แต่ก็เป็นพระนอนที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มากๆค่ะ
ท่านอนเป็นแบบสีหไสยาสน์ (นอนอย่างราชสีห์) คาดว่าถูกสร้างมานานกว่า 1,000 ปี แต่ถูกทิ้งล้างไปในช่วงสงครามมอญกับพม่า จนถึงสมัยที่อังกฤษปกครองเมืองพม่า มีการสำรวจทางเพื่อสร้างทางรถไฟจึงค้นพบและได้ขุดมาบูรณะใหม่ค่ะ
พระนอนชเวตาเลียง
ต่อมาก็พระราชวังบุเรงนองค่ะ แต่ตอนที่ไปเค้ากำลังบูรณะอยู่นะคะ เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
เค้าสร้างจำลองจากของจริงค่ะ เพราะของจิงถูกเผาทำลายไปแล้วค่ะ
พระราชวังบุเรงนอง
แล้วก็มาถึงทางขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน เราจะขึ้นไปได้โดยรถขนหมู รถธรรมดาขึ้นไม่ได้นะคะ เพราะทางค่อนข้างแคบ สูงชันค่ะ ต้องคนชำนาญทางเท่านั้นค่ะ
นั่งรถขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ก็จะถึงจุดลงรถ แล้วก็เดินไปอีกสักประมาณ 500 เมตรก็จะถึงโรงแรมที่อิงค์พักกันคือนี้ค่ะ
สภาพห้องก็พออยู่ได้ค่ะ อย่าหวังความสะดวกสบาย เอาของเข้าเก็บที่พักเรียบร้อยก็เดินไปพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ จากที่พักเดินไปประมาณ 800 เมตรได้มั้งค่ะ กว่าจะถึง ที่พระธาตุ
ระหว่างการเดินทางขึ้นพระธาตุก็มีเรื่องเล่าของพระนางชเวนันจิน ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของฤาษีแต่ได้ไปฝากหัวหน้าเผ่ากะเหรี่ยงเลี้ยงไว้ นางได้แต่งงานกับเจ้าเมืองๆหนึ่ง ต่อมาพระนางไม่สบายมาก โหรทำนายว่าเป็นเพราะก่อนแต่งงานนางไม่ได้มาไหว้ผีบรรพบุรุษ นางจึงเดินทางกลับมาไหว้ฤาษีที่นี่ แต่ระหว่างทางเสือจะเข้ามาทำร้าย นางจึงอธิฐานต่อพระธาตุ สุดท้ายเสือก็ไม่ทำร้ายนาง แต่นางหมดแรงนอนสิ้นใจอยู่ตรงทางขึ้นพระธาตุ จึงมีอาคารที่มีรูปปั้นของนัตคือพระนางชเวนันจินนอนอยู่ค่ะ ท่านถือเป็นเทพที่คุ้มครองที่นี่ ความเชื่อก็คือ ถ้าเจ็บป่วยส่วนใดของร่างกายให้เราไปแตะตรงส่วนนั้นของพระนางแล้วอธิษฐาน อาการป่วยก็จะดีขึ้นค่ะ
พระนางชเวนันจิน
อาคารด้านตรงกันข้ามมีรูปปั้นของคนในตำนานผู้ซึ่งเกี่ยวคล่องกับพระธาตุ รวมถึงมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และภาพปูนปั้นนูนความเป็นมาของพระธาตุอิทร์แขวนค่ะ
เสร็จแล้วเราก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกันค่ะ บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คน ปูผ้านอนตากน้ำค้างกันเต็มลานไปหมดเลยค่ะ ใครจะไหว้ก็ไหว้ไปประมาณนั้น แต่ผู้หญิงเข้าไปไหว้ด้านในไม่ได้นะคะ
ก็มีจะของขายของชาวบ้านเต็มไปหมดค่ะ ไปสะดุดตาร้านนึงเหมือนขนมจีนบ้านเค้านะคะ
โมฮิงกา แบบรสชาติออกน้ำซุปปลาป่นอ่ะค่ะ
กินเสร็จก็กลับมานอนค่ะ ตื่นตี 5 มาตักบาตรพระค่ะ พระที่นี่เยอะมากค่ะ เค้าจะเดินๆ หยุดประจำที่ถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ และเต็มไปถึงพระธาตุเลยค่ะ และอยู่อย่างนั้นจนถึง 9 โมงเช้าค่ะ
เณรน้อยแบบนี้มีเยอะเลยค่ะ น่ารักไหมค่ะ
ใส่บาตรเสร็จเราก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุอีกครั้งค่ะ
บรรยากาศยามเช้าค่ะ
เสร็จจากไหว้ตอนเช้าแล้วเราก็รีบเตรียมตัวลง เพราะต้องเผื่อเวลานั่งรถกลับไปสนามบินด้วยค่ะ เลยต้องรีบลงหน่อยค่ะ
แต่ก่อนที่เค้าจะไปส่งที่สนามบินยังพาเราไปแวะได้อีกตั้ง 3 ที่แนะค่ะ
วัดพระหินขาว
วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบินค่ะ ชื่อวัดเรียกได้หลายอย่างมาก คนไทยชอบเรียกว่าวัดพระหินขาว บางที่เรียก วัดเจ๊าต่อจี พระหินขาว เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สูง 11 เมตร แกะสลักจากหินอ่อนก้อนใหญ่ๆก้อนเดียว ซึ่งมีความสมบูรณ์ สะอาด ไม่มีตำหนิ มันวาว น้ำหนักกว่า 600 ตัน หินก้อนนี้มาจากมัณฑะเลย์ขนย้ายผ่านทางอิระวดีมาจนถึงย่างกุ้ง นับว่าเป็นงานแกะสลักที่สวยงามมากๆค่ะ ช่างต้องฝีมือจริงๆเลยนะคะ
วัดหินขาว
ใกล้ๆก็จะมีช้างเผือกเมืองพม่า ช้างเผือกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งบุญบารมี การค้นพบช้างเผือกจึงเหมือนสวรรค์ประทานค่ะ
ช้างเผือกน่ารักมากค่ะ
วัดสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง PRA INN SAN ไหว้พระก่อนกลับนะคะ
นี่คือโฉมหน้าคนขับรถของเราค่ะ ชื่อว่าโซโซค่ะ
กลับแล้วนะคะ เครื่องบินมาแล้ว
สรุปการเที่ยวพม่าโดยขาไม่ดีนี่ก็แย่เหมือนกันนะคะ ลำบากเรื่องห้องน้ำ คือจะนั่งยองไม่ได้ จะนั่งชักโครกก็หาสะอาดๆยากค่ะ ใครเป็นภูมิแพ้แนะนำผ้าปิดจมูกมาด้วยนะคะ เพราะฝุ่นเยอะมากค่ะ
วัดที่นี่สวยค่ะ มีโอกาสจะกลับมาอีก ในวันที่ขาฉันหายดีแล้ว ขอบคุณค่ะ
มาเที่ยวย่างกุ้ง เงินไทยเค้ารับนะคะ แบงค์ 20 กับแบงค์ 100 เตรียมมาเยอะๆค่ะ เค้าไม่เอาเหรียญนะคะ
