Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ : ชาวอาหรับ-อเมริกันชื่นมื่น ริม่า ฟากีห์ คว้ามิสยูเอสเอช่วยลบภาพลักษณ์แย่ๆ

ชาวอาหรับ-อเมริกันชื่นมื่น ริม่า ฟากีห์ คว้ามิสยูเอสเอช่วยลบภาพลักษณ์แย่ๆ

ชาวอาหรับ-อเมริกันได้ดีใจกันถ้วนใจ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจาก ริม่า ฟากีห์ สาวสวยชาวเลบานอนอพยพจากรัฐมิชิแกน วัย 24 ปี ทำให้การคว้ามงกุฎมิสยูเอสเอ 2010 ของเธอเป็นชัยชนะของความหลากหลายทางเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะยิ่งในเวลาที่ชาวอาหรับโดนอคติในประเทศนี้ และความรู้สึกต่อต้านการอพยพกำลังเป็นที่สนใจ

ฟากีห์เกิดในเมืองศรีฟา ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปี 1986 ในตระกูลชีอะห์ที่มีอำนาจในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของเลบานอน ซึ่งโดนทิ้งระเบิดใส่อย่างรุนแรง ระหว่างสงครามอิสราเอล-เฮซบัลเลาะห์ เมื่อปี 2006 จากนั้นเธอเข้าเรียนในโรงเรียนคาทอลิก เซนต์ ริตา ใกล้ๆ กับเบรุต

ต่อมาเธออพยพพร้อมครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์ก ในปี 1993 เธอเติบโตขึ้นที่นี่และเข้าเรียนในโรงเรียนคาทอลิก ไฮสกูล ชื่อเซนต์ จอห์นส์ พรีแพราทอรี่ สกูล ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายมาอยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน เมื่อปี 2003 ครอบครัวของฟากีห์เป็นมุสลิม แต่พวกเขาเฉลิมฉลองตามความเชื่อของทั้งมุสลิมและคริสต์ และอยากให้ถูกพูดถึงว่าเป็นชาวเลบานอน, อาหรับ หรืออาหรับ-อเมริกันมากกว่า

ปัจจุบันฟากีห์พักอาศัยอยู่ในเดียร์บอร์น เธอเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยมิชิแกน-เดียร์บอร์นสาขาเศรษฐศาสตร์ และการจัดการธุรกิจ และมีแผนจะเข้าศึกษาต่อวิชาการนิติศาสตร์หลังจากหมดวาระ 1 ปีในตำแหน่งนางงามขาอ่อน

ถึงแม้มีข่าวว่า ฟากีห์เป็นชาวเลบานอน-อเมริกันคนที่ 2, ชาวอาหรับ-อเมริกันคนแรก, ผู้หญิงคนแรกที่นับถือมุสลิม และชาวอพยพคนแรกที่คว้าตำแหน่งมิสยูเอสเอ แต่เจ้าหน้าที่งานประกวดระบุว่า สถิติของพวกเขาไม่ละเอียดพอที่จะยืนยันคำกล่าวอ้างเหล่านี้เลย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฟากีห์บอกนักข่าวว่าเธอถึงกับต้องขายรถหลังเรียนจบในมิชิแกน เพื่อเอาเงินส่งตัวเธอเองเข้าประกวดมิสมิชิแกนยูเอสเอ โดยระหว่างการถ่ายทอด มีช่วงหนึ่งที่ภาพของเธอถูกฉายซ้ำ ฟากีห์เกือบล้มตอนที่กำลังเดินชุดราตรีให้จบเพราะความยาวของชุด ''ฉันทำพลาดที่นี่ แต่ทางที่ดีฉันไม่ควรพลาดที่มิสยูนิเวิร์ส ยังไงเสียการเป็นนางแบบก็ช่วยได้เยอะ''

ส่วนราน่าพี่สาวของเธอที่ย้ายกลับไปเลบานอนเมื่อ 2-3 เดือนก่อน เพราะได้งานใหม่ เผยว่าเธอคอยส่งข้อความคุยกับฮุสเซนพ่อของเธอ และรูบ้าน้องสาวอีกคนที่เข้าไปให้กำลังใจในงานประกวดตลอดทั้งคืน โดยกล่าวจากศรีฟาว่า ''นี่เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่สวยงาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ริม่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ เราภูมิใจมากในฐานะชาวเลบานอน-อเมริกัน และชาวเลบานอนที่ริม่ามาถึงจุดนี้ได้ ทั้งที่เผชิญความกดดันและอคติทุกอย่างเกี่ยวกับชาวอาหรับและชาวเลบานอน เธอทำได้สำเร็จ เธอสู้จนไปถึงเป้าหมาย''

ราน่ากล่าวเสริมว่า มิสยูเอสเอคนใหม่เกิดในหมู่บ้านทางใต้ของศรีฟา ใกล้ๆ กับไทร์ เมืองท่า หลังจากพ่อแม่ของเธอไม่สามารถเดินทางไปถึงบ้านของพวกเขาใกล้ๆ กับ เบรุต เพราะเกิดการต่อสู้อย่างหนักหน่วงระหว่างสงครามกลางเมืองในปี 1975-90 โดยพวกเธอมีพี่ชายน้องชายอีก 2 คน คือราบีห์และรามี่

ขณะเดียวกัน ด้านชาวอาหรับ-อเมริกันที่ดีใจไม่แพ้กันต่างพากันออกมาแสดงความเห็นต้อนรับข่าวดีนี้ โดย ดิวยา บาครี-บาซซี่ นักศึกษากฎหมายนับถือมุสลิมวัย 22 ปีจาก เดียร์บอร์น เช่นกัน กล่าวว่า ''จากความน่าอัปยศอดสูทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ 9/11 และวิธีที่ผู้คนมองชาวมุสลิมและชาวอาหรับ-อเมริกัน นี่ช่างเป็นวิธียอดเยี่ยมในการทำลายเครื่องกีดขวางทั้งหมดนั้น'' โดยเธอยังได้อัพเดตสถานะเฟซบุ๊ก ของเธอว่า ''เย้ เย้ ใครจะไปรู้ ฉันอาจเป็นมิสอเมริกาคนต่อไปก็เป็นได้''

อาเบ็ด อยูบ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อชาวอาหรับ-อเมริกันที่ตั้งอยู่ในวอชิงตัน บอกว่าชัยชนะครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง ''มันแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของประเทศเรา และโอกาสที่มันหยิบยื่นให้ประชาชนทุกคน'' ก่อนประณามการโพสต์ความเห็นแย่ๆ ในบล็อกว่า ''น่ารังเกียจ''

''ริม่ามีการประกวดที่ยอดเยี่ยม ศาสนาและเชื้อชาติของเธอไม่ใช่ประเด็นระหว่างการประกวด และผมหวังว่านี่ไม่ใช่ประเด็นระหว่างการตัดสินเช่นกัน เธอชนะเพราะความสวยงาม, ความงดงาม และคารมคมคาย''

แต่ก็ไม่ใช่ว่าฟากีห์และครอบครัวของเธอจะไม่ได้เตรียมตัวรับเสียงตอบรับแย่ๆ เอาเสียเลย อยูบกล่าวว่า แม้แต่ก่อนประกวด ตอนที่ฟากีห์ชนะตำแหน่งนางงามรัฐ กลุ่มต่อต้านของเขาได้ช่วยครอบครัวให้เตรียมรับมือไว้แล้ว ''เราบอกครอบครัวว่าพวกเขาควรคาดถึงเรื่องนี้ เราบอกพวกเขาว่าคนบางคนชอบคายความเกลียดชัง แต่เธอเข้มแข็ง เธอไม่ล้มง่ายๆ'' เขาเสริมว่าผู้ชนะในยุค 1980 อาจมีพ่อแม่เป็นชาวเลบานอน แต่การมีผู้ชนะที่มีเชื้อสายอาหรับนั้นถือว่าหาได้ยากกว่ามาก

สุดท้าย อิหมัด อาหมัด ผู้อำนวยการภูมิภาคของกลุ่มดังกล่าวในเดียร์บอร์น บ้านเกิดของฟากีห์ระบุว่า ชัยชนะครั้งนี้หอมหวานเป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบัน ''เราไม่ได้เลือกอยู่ในที่ร้อนระอุ แต่โศกนาฏกรรมของวันที่ 11 กันยายนทำให้เราอยู่ตรงนี้ และเจอความเป็นจริงใหม่ นอกจากนี้เรายังมีเบื้องหลังของรู้สึกต่อต้านการอพยพในอริโซนา และความพยายามของบางคนที่จะผ่านกฎหมายคล้ายกันในมิชิแกน ชัยชนะครั้งนี้จึงเป็นการเน้นย้ำว่า อเมริกาคืออเมริกา ดินแดนของผู้กล้า ดินแดนแห่งโอกาส ตอนนี้ริม่าสามารถเป็นแบบอย่างให้คนหนุ่มสาวของเราทุกคน''

ที่มา
สยามดารา

Create Date : 19 พฤษภาคม 2553

Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 1:46:09 น.

1 comments

Counter : 1561 Pageviews.

ทักทายยามเช้าหน้าฝน ออกจากบ้านอย่าลืมพกร่มนะคะ ^^

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว

วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:23:14 น.