ณิชา ชัยพฤกษ์ ไม่ชนะมิสทิฟฟานี่ แต่ชนะใจ
โดย ธิชา ชัยวรศิลป์
ถึงแม้เบ๊ตตี้-ณิชา ชัยพฤกษ์ จะไม่ได้ครองตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ แต่สาวพัทลุงคนนี้ก็ชนะใจผู้คนจำนวนมาก และสร้างประวัตศาสตร์หน้าใหม่ของการประกวดมิสทิฟฟานี่ด้วยความงามอันแหกขนบของเธอ เบตตี้-ณิชา ชัยพฤกษ์ ผู้เข้าประกวดหมายเลขสิบสอง วัยยี่สิบสี่ปี ยืนอยู่บนความสูงร้อยเจ็ดสิบหก และน้ำหนักห้าสิบห้ากิโลกรัม สร้างความตะลึงลานด้วยใบหน้าคมเข้มและผิวคล้ำจัด คุณสมบัตินี้ทำให้เธอเป็นผู้เข้าประกวดที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางสาวงามผิวขาวซีดที่หน้าตาเหมือนขนมคุกกี้ที่เคาะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน หรือเหมือนสาวๆ ในหนังสเต็พฟอร์ดไวฟ์สฺ ไม่แต่เพียงเท่านั้น การตอบคำถามอันฉลาดเฉลียวที่ดูจริงใจไม่เสแสร้งก็ยิ่งทำให้เธอชนะใจคนดู เธอทำให้การประกวดครั้งนี้มีนัยยะน่าสนใจ (แม้กระทั่งกับคนที่ไม่สนการดูประกวดนางงามเช่นฉัน) เธอกลับกลายเป็นตัวแทนของฝูงชนที่รังเกียจค่านิยมการบูชาคนผิวขาวที่สื่อและวงการโฆษณายัดเยียดให้พวกเราอย่างหนักหน่วงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนที่เชียร์ให้เธอชนะล้วนมีความหวังริบหรี่ว่า คณะกรรมการอาจเปิดใจกว้าง ไม่บ้าตามกระแสของผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งและกลูต้า และกระแสความงามสไตล์เกาหลีหรือญี่ปุ่น แล้วยอมรับความงามแบบไทยแท้ได้อย่างภาคภูมิใจ ท้ายที่สุดแล้ว การได้เข้ารอบและครองตำแหน่งรองอันดับหนึ่งก็เป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง เป็นนิมิตหมายใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า ในสังคมไทยยังมีเนื้อที่สำหรับคนผิวคล้ำ มิใช่ถูกเหยียดหยามล้อเลียนเช่นทุกวันนี้ POPpaganda สัมภาษณ์สาวงามคนนี้ด้วยความชื่นชมในความฉลาดเฉลียวและสีผิวคล้ำเนียนสุดเซ็กซี่ เพราะเราอยากจะประกาศว่า ในบ้านนี้เมืองนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีผิวขาวจึงจะประสบความสำเร็จเหมือนที่พวกเรากำลังถูกพรอพาแกนด้าอยู่ทุกวันนี้ -ทำไมถึงตัดสินใจประกวดมิสทิฟฟานี่? เหตุผลเดียวก็คือ self-motivation เป็นแรงผลักดันจากตัวเองคะ คือเดิมทีเป็นคนชอบดูการประกวดนางงามอยู่แล้ว แต่คิดว่าเรื่องการประกวดเองนี่เป็นเรื่องไกลตัวมาก เพราะไม่คิดว่ามีคุณสมบัติการเป็นนางาม จนวันนึงมานั่งคิดว่าอยากมีเรื่องไว้เล่าหลังเกษียณอายุทำงาน บวกกับเพื่อนๆ ยุนิดหน่อย ก็เลยตัดสินใจสมัคร -มั่นใจแค่ไหนในการลงประกวด? ไม่มั่นใจเลย ตอนเห็นเวทีก็ขาสั่นแล้ว ขึ้นบนเวทีนี่แทบทรงตัวไม่ได้ แต่พอได้ยินเสียงเชียร์ก็คิดอย่างเดียวว่าทำเต็มที่ค่ะ -คิดว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะได้ตำแหน่งมีมากเท่าไหร่? คนอื่นจะบอกเสมอว่ามีโอกาสนะ แต่สำหรับตัวเองคิดว่าสูงสุดคือรางวัลพิเศษ -รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคไหมที่ตัวเองแตกต่างจากผู้เข้าประกวดทั่วไปตรงที่ผิวคล้ำ? ไม่ได้คิดว่าเป็นอุปสรรคค่ะ เพราะถ้าคิดว่าเป็นอุปสรรคเราคงต้องจัดการอะไรกับมัน คิดว่าการมีผิวคล้ำเป็นความท้าทายมากกว่าที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับเวทีค่ะ พยายามคิดว่าการมีผิวคล้ำไม่ใช่อุปสรรค แค่ไม่ได้รับความนิยมเพราะฉะนั้นเราต้องเอาอะไรอย่างอื่นเข้าสู้ เช่นบุคลิกภาพ คาแรคเตอร์ โพรไฟล์ค่ะ ปัญหาจากผิวคล้ำมีอย่างเดียวคือ หาแป้งกับรองพื้นยากหน่อย แค่นั้นเองค่ะ -คิดอย่างไรกับค่านิยมบ้าความผิวขาวของคนไทย? ก็ต้องยอมรับค่ะ เรื่องของค่านิยมเหมือนเป็นเรื่องที่นักการตลาดสมัยดึกดำบรรพ์สร้างมา คนนิยมความขาวคงคล้ายๆ กับคนนิยมทอง วันนึงจะให้คนหันมาชอบสังกะสีดีบุกก็คงยาก เพราะฉะนั้นจะให้คนเลิกนิยมผิวขาวก็คงยากเหมือนกัน เราให้เขาชอบจุดอื่นของเราคงง่ายกว่า -คิดอย่างไรกับค่านิยมของคนไทยในขณะนี้ที่พยายามจะทำให้ตนเองดูเหมือนคนเกาหลีหรือญี่ปุ่น? คิดว่านักการตลาดเค้าเก่งจังค่ะ เทรนด์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างมักจะเกิดมาจากแคมเพญการตลาด เราเป็นกลุ่มลูกค้าที่เลือกจะชอบหรือซื้อสินค้าเหล่านั้น โดยส่วนตัวเป็นคนเคารพความคิดคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นหากอยากให้เค้าหันมานิยมในความเป็นคนไทย เราก็ต้องสร้างแคมเพญการตลาดให้เค้าเห็นว่าเป็นแล้วดีอย่างไร -ได้มีการทำอะไรกับร่างกายมาบ้างหรือเปล่า? เคยโบท็อกซ์ยกหางคิ้วให้เท่ากันสองครั้งค่ะ -คิดว่าตัวเองแตกต่างจากผู้เข้าประกวดทั่วไปอย่างไร? น่าจะเป็นแคแร็คเตอร์ที่ไม่เหมือนนางงามทั่วไป ด้วยความที่คิดว่าตัวเองเป็นคนครีเอทีฟ ดังนั้นการนำเสนอหรือบุคลิกภาพก็จะต่างจากคนอื่น เช่นการตอบคำถามก็จะพยายามตอบไม่ให้เป็นบล็อคนางงาม แต่ให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด -หากได้ตำแหน่ง จะทำอย่างไรบ้าง ตามที่ตอบคำถามว่าต้องการเป็นโรลโมเดล? ไม่ได้บอกว่าต้องการเป็นโรลโมเดลนะคะ แต่บอกว่าอยากจะมีโอกาสที่จะชูโรลโมเดลใหม่ๆ ของสาวประเภทสองให้กับสังคมได้รู้ เพื่อลดปัญหาการตีตราว่าสาวประเภทองมีขีดจำกัดในเรื่องของการประกอบอาชีพหรือความสามารถ อันเป็นสาเหตุของปัญหาการปฎิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันของสาวประเภทสอง -คิดว่าตัวเองสามารถเป็นโรลโมเดลในแง่ไหนได้บ้าง? เรื่องของการเรียนมั้งคะ แต่เดี๋ยวนี้สาวประเภทสองก็เรียนเก่งเยอะมาก ไม่ทราบว่ายังเป็นได้อีกรึเปล่า แต่จริงๆ อยากเป็นโรลโมเดลแบบสวยด้วย เรียนเก่งด้วย อะไรแบบนี้ -จะลงประกวดที่ไหนอีกหรือเปล่า? เวที Miss Tiffany Universe 2012 ให้ประสบการณ์ที่มีค่ามากและเป็นเวทีที่ทรงเกียรติมาก คิดว่าคงพอแล้วกับการประกวดด้านนี้ค่ะ -โครงการที่จะทำหลังจากการประกวดคือ? ก็ดำเนินงานในการรณรงค์ความเท่าเทียมกันต่อสาวประเภทสองร่วมกับเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย (Thailand Transgender Alliance) ต่อไปค่ะ key message ในปีนี้คือ กะเทยไม่ป่วย เป็นการรณรงค์ให้เพิกถอนกะเทยออกจากการเป็นโรคในบัญชีจำแนกโรคค่ะ -งานอดิเรกชอบทำอะไร? ก็เล่นบอร์ดนางงามค่ะ //www.t-pageant.com เล่นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ แบบออฟไลน์ก็ตีแบดค่ะ -ชอบผู้ชายแบบไหน? ชอบคนเก่ง ดูแลเราได้ เป็นที่พึ่งให้เราเสมอ อ้วนหน่อยๆ -อนาคตอยากจะใช้ชีวิตแบบไหน ต้องการอะไรบ้างในชีวิต? ก็อยากเป็นสาวประเภทสองที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยดังหวัง -เล่าให้ฟังถึงการโดนลบหลู่ เหยียดหยาม เพราะเราเป็นกะเทย ครั้งที่รุนแรงที่สุด เล่าตามจริงคือไม่เคยโดนรุนแรงจนต้องเก็บมาเสียใจเลยค่ะ เคยเจอก็แค่โดนแซวบ้าง -คิดว่าวงการกะเทย/สาวประเภทสองในบ้านเราเป็นอย่างไร? ตอบยากมากค่ะ เพราะตัวเองมีเพื่อนที่พบปะสังสรรค์ที่เป็นสาวประเภทสองค่อนข้างน้อย แต่คิดว่าวงการสาวประเภทสองบ้านเรามีทัศนคติในการมุ่งสู่ความสวยเป็นหลัก ซึ่งไม่ผิด เพราะสาวประเภทสองก็ต้องคู่กับความสสวยงาม แต่หากเป็นไปได้อยากให้เสริมสร้างความสามารถควบคู่ไปกับความสวยด้วยค่ะ -คิดว่าสาวประเภทสองจะสมหวังในความรัก และมีรักแท้ มีชีวิตคู่เหมือนคนทั่วไปได้หรือเปล่า? ต้องยอมรับว่าน้อยกว่าเพศอื่นนะคะ สาวประเภทสองคือผู้หญิงประเภทหนึ่งซึ่งตามธรรมชาติต้องคู่กับชายแท้ ส่วนตัวคิดว่า การยอมรับว่าลูกชายตัวเองเป็นสาวประเภทสองว่ายากแล้ว การยอมรับว่าลูกชายตัวเองเป็นแฟนกับสาวประเภทสองยิ่งยากกว่า -ชอบฟังเพลงของใครบ้าง? ชอบเพลงอินดี้หน่อยๆ ค่ะ กับเพลงเพื่อชีวิตแนวใต้ๆ -ถ้าให้เลือกอย่างเดียวระหว่างการมีการงานที่ประสบความสำเร็จ กับการมีความรักที่ประสบความสำเร็จกับผู้ชายที่ดี จะเลือกอะไร? คิดว่าคงเลือกการประสบความสำเร็จกับผู้ชายที่ดีค่ะ เพราะชีวิตของคนเราสั้นนะคะ ที่ทุกคนดิ้นรนก็เพื่อการสร้างความสุขให้กับตัวเองค่ะ * [ภาพจาก ณิชา เบตตี้ ชัยพฤกษ์ แฟนเพจ]
Create Date : 21 พฤษภาคม 2555 |
|
5 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 23:32:55 น. |
Counter : 4778 Pageviews. |
|
|
|