วันที่ภาดาแน่ใจว่าเขารักน้องทรายคือวันที่เขาเห็นสมิต
บุตรชายของนายแพทย์สุเมธ หมอประจำตัวของน้องทรายมาเยี่ยม จริงๆ
แล้วสมิตสนิทสนมกับน้องทรายมาตั้งแต่เด็ก
ภาพของน้องทรายที่ตื่นเต้นยินดีเมื่อเห็นสมิตนั้นคือภาพของทั้งสองคนคุยกัน
อย่างร่าเริง และเหนือสิ่งอื่นใดมือทั้งสองของน้องทรายอยู่ในอุ้งมือของสมิต
ความรู้สึกเริ่มหึงหวงเพิ่งเป็นที่ประจักษ์แก่เขา ณ เวลานี้
แต่เขาก็ยังอดปฏิเสธกับตนเองตลอดเวลาไม่ได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้คือความรัก
แต่เป็นเพียงความสงสารเห็นใจและห่วงใยเท่านั้น
แต่เวลานี้เขาตระหนักแน่ชัดแล้วว่าเขารักน้องทราย แม้ว่าเขายังเข้าใจผิดว่า
เขานั้นยังคงรักโฉมพิไลอยู่เต็มหัวใจอยู่เช่นเดิม
เมื่อเขาเริ่มรู้จักหัวใจตนเองเขาจึงดูแลเอาใจใส่น้องทรายมากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อน้องทรายนั้นหาหลุดพ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของ
ปลั่งสักวินาทีเดียว
จึงทำให้วันหนึ่งน้องทรายต้องประจันหน้ากับโฉมพิไลที่ส่งสายตาดุดันที่จ้อง
หน้าเธอด้วยความอาฆาตมาดร้าย พร้อมทั้งประกาศว่าเธอคือภรรยาคนแรกของภาดา
เวลาต่อมาเป็นความยากลำบากของภาดามากขึ้นนั่นคือปฏิกิริยาเฉยเมยของน้องทราย
ความหึงหวงเอาเรื่องของโฉมพิไล ความจงเกลียดจงชังของคุณอัมพร
การไปมาหาสู่น้องทรายบ่อยขึ้นของสมิต
และเหนือสิ่งอื่นใดอรินเพื่อนรักของเขาก็มีท่าทีพึงใจน้องทรายอย่างเห็นได้
ชัด สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของภาดาว้าวุ่นไม่เป็นสุข
เขาจัดการอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ไม่ได้แม้แต่จะใช้สิทธิ์ความเป็นสามีเพื่อป้องกันภรรยาจากชายอื่น
ความกลัดกลุ้มเหล่านี้จึงทำให้ภาดาใช้เวลาอยู่คนเดียวตามร้านอาหาร ผับบาร์
และบ้านเพื่อน จนวันหนึ่งในบาร์แห่งหนึ่ง
เขาได้ยินเสียงผู้ชายสองคนคุยกันโดยพาดพิงถึงลูกสาวเศรษฐีเมืองจันท์ที่
พิการทำให้ภาดาตั้งใจฟัง เสียงหนึ่งนั้นคือสมิต อีกเสียงคือ เอกชัย
ญาติห่างๆ ของสมิตที่ถามถึงคู่รักสาวน้อยที่สวยราวเทพธิดาแต่พิการ
คำตอบของสมิตทำให้ภาดาต้องร้อนผ่าวไปทั้งตัวเพราะสมิตตอบว่าเขารักน้องทราย
มาตั้งแต่เด็ก และขณะนี้เขาก็ยิ่งรักน้องทรายมากขึ้น
น้องทรายเองก็ไม่ได้รังเกียจเขาเลย
ซึ่งเขาก็ยินดีรอน้องทรายจนกว่าถึงวันที่น้องทรายเป็นอิสระ
คืนนั้นภาดากลับถึงบ้านด้วยความเมามายจนแทบทรงตัวไม่อยู่
เขาเข้าไปหาน้องทรายและล่วงเกินเธอด้วยพิษรักแรงหึง
แต่น้องทรายไม่ยินยอมต่อสู้จนสุดฤทธิ์จนภาดาต้องจำยอมหยุด
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมาภาดาก็กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องทราย
เธอไม่พูดด้วย ไม่มองหน้าเขา ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนสำหรับเธออีกต่อไป
มิหนำซ้ำยังแสดงท่าทีสนิทสนมกับสมิต อริน
หรือแม้แต่เฉลิมชัยพี่ชายของโฉมพิไลที่พาตัวเข้ามาใกล้ชิดกับน้องทรายเพราะ
หลงรักในความสวยงามของเธอ เฉลิมชัยเองก็อดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ดีๆ
น้องทรายที่เคยเฉยเมยจนอาจกล่าวได้ว่ารังเกียจเฉลิมชัยอย่างออกนอกหน้า
แต่ตอนนี้กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
ภาดาเองก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
ดูเป็นคนเฉยเมยต่อทุกสิ่งเรียกได้ว่าไร้หัวใจ
ทำให้โฉมพิไลครุ่นคิดด้วยความแค้นใจ เพราะเขาเงียบขรึม
ไม่แสดงความรักกับเธอเหมือนอย่างเคย
เธอรู้ว่าเป็นเพราะใครแผนการแก้แค้นจึงเกิดขึ้น
โฉมพิไลรู้ว่าน้องทรายมีแมวที่เธอรักมากชื่อสีเงิน
เธอจึงพาเจ้าซาตานสุนัขพันธุ์ดุของเธอไปที่บ้านวัชรเวศน์
เสียงกรีดร้องดังของเด็กสาวใช้ในบ้านทำให้แจ่มพาน้องทรายออกมาทันเห็นเจ้า
ซาตานกำลังขย้ำสีเงินอย่างมันเขี้ยว
น้องทรายได้แต่ร้องห้ามและทำท่าจะขยับตัวลุกขึ้นไปห้ามแต่แจ่มกดบ่าของน้อง
ทรายไว้ทัน ทั้งสองต่างมองตากัน
สายตาของน้องทรายมีแต่ความแค้นใจเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
คุณอัมพรเมื่อรู้เรื่องทั้งหมดกลับโทษและดุว่าน้องทรายที่ไม่ดูแลสีเงินให้
ดีกลับปล่อยออกมาเพ่นพ่านรู้อยู่แล้วว่าสุนัขกับแมวไม่ถูกกัน
แม้น้องทรายจะชี้แจงเหตุผลว่าเธอขังสีเงินไว้ในห้องนอนตลอดเวลาคุณอัมพรไม่
เชื่อและหาว่าเธอโกหก น้องทรายจำต้องนิ่งทั้งที่ใจสั่นระริกด้วยความโกรธ
น้องทรายตัดสินใจส่งข่าวให้นายวินเดินทางมาที่วัชรเวศน์โดยด่วน
และเมื่อนายวินมาถึง
เธอก็บอกความในใจว่าเธอทนไม่ไหวแล้วที่จะทำตามแผนของพ่อ
เธอขอคำตอบจากพ่อว่าเหตุใดพ่อจึงส่งให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านที่มีแต่คนใจดำ
นายวินได้แต่ตอบว่าให้น้องทรายอดทนและวันหนึ่งจะรู้ถึงเหตุผลของพ่อ
เธอพูดพลางร้องไห้พลางบอกพ่อว่าเธอจะไม่ทนอีกต่อไป
เธอลุกขึ้นเดินอย่างปราดเปรียวเพื่อจะออกจากห้องนอน
จะไปบอกทุกคนว่าเธอไม่ได้เป็นง่อยอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
เธอหายจากโรคร้ายมานานแล้ว
แต่พ่อขอให้เธอทำอย่างนี้เพื่อเหตุผลอะไรเธอก็จะไม่ขอฟังเหตุผลอีกแล้ว
นายวินได้แต่ปลอบโยนและขอร้องบุตรสาวให้เชื่อพ่ออีกสักครั้งเพราะพ่อรักและ
หวังดีต่อลูกสาวจริงๆ ในที่สุด น้องทรายจึงต้องจำยอมอีกครั้งหนึ่ง อ่านต่อเรื่องย่อละคร
รักในม่านเมฆ