📚 โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ◜◡‾)
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2565
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 พฤษภาคม 2565
 
All Blogs
 

ยามนฬิกา

ยามนาฬิกา โดย … ศรรวสา

 
การเขียนบทความบางครั้งก็เหมือนกับการประจานตัวเอง ว่าในช่วงเวลาที่นั้น ตัวผู้เขียน มีความรู้แค่ไหน มีความรู้สึกอย่างไร มีอุปนิสัยอย่างไร แล้วอยากจะบอกอะไร มีความสามารถในการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือได้แค่ไหน คล้ายๆ กับที่เราเขียนไดอารี่ไว้ในวัยเด็ก เราจะบันทึกความรู้สึกนึกคิดในช่วงเวลานั้นลงไปทั้งหมด แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เมื่อเราโตขึ้น เราอาจจะไม่ได้รู้สึกหรือมีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว เราอาจจะรู้สึกขำในถ้อยคำสำนวนของตัวเอง เพราะมุมมองต่างออกไป เมื่อเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถึงแม้คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่ตัวเราเองจะรู้ดี เลยทำให้ตัวผู้เขียนรู้สึกเกร็งในการจะเขียนบทความทุกครั้ง กลัวว่าจะเขียนไม่ได้ดี .. แต่ในการลงมือจะทำอะไรสักอย่างนั้น ผลจะมี 2 อย่าง คือ ได้ กับ เสีย แต่ถ้าไม่ทำ คือ เสียอย่างเดียว เราจะไม่ได้อะไรเลย สิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์ก็จะไม่เกิดขึ้น และถึงจะมีประโยชน์น้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เลยทำให้ผู้เขียนคลายความเกร็ง ความกลัว และเขียนออกมาได้

ช่วงที่ผู้เขียนเริ่มเรียนโหราฯ ใหม่ผู้เขียนก็มีการบันทึกไว้ เพราะว่าต้องการจะดูการพัฒนาวิชาของตัวเองว่า ในแต่ละปีนั้นมีความก้าวหน้าในวิชามากเพียงไร แต่พอจะเริ่มเขียนตำรา ก็ต้องย้อนกลับไปอ่าน แล้วก็รู้สึกขำในความเปิ่น เด๋อ เซ่อ เชย ของตัวเองในระยะ แรกๆ ของการเรียนเช่นกัน แต่พอได้เห็นว่าตัวเองมีการพัฒนาในวิชาทุกปีๆ สิ่งนี้ก็เลยกลายเป็นกำลังใจให้ศึกษาต่อมาเรื่อยๆ ((ก็ โง่ย่อมมาก่อนฉลาดนี่เนอะ))

นอกจากการอ่านดวงกำเนิดเพื่อทายดวงชะตาแล้ว ก็ยังมีการจับยามเพื่อทายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ซึ่งในช่วงนั้นยามที่นิยมใช้กันคือ ยามโหรทายหนู และยามนาฬิกา (เมื่อปี 2546) ส่วนตัวผู้เขียนเองนั้น ไม่ค่อยถนัดการใช้ยามโหรทายหนู เพราะว่าช่วงเวลาจะจำกัดและซ้ำกันไปตลอด เลยชอบใช้ยามนาฬิกามากกว่า เพราะสะดวกกว่า (เพราะแค่จำดาวจรในวันนั้นให้ได้) จริงๆ แล้ว ตอนแรกจะเขียนบทความเรื่องคู่มือการใช้ยามอัฏฐกาล แต่พอลองเขียนโครงสร้างบทความดูคร่าวๆ แล้วเห็นว่า ท่าจะยาวแน่นอน เพราะต้องเริ่มตั้งแต่ การทายดวงยามกำเนิด… การทายดวงยามเมื่อเกิดเหตุการณ์… การใช้ยามแทนการวางฤกษ์ รวมถึง การใช้ดาวจันทร์จรร่วมกับยาม (ซึ่งตรงนี้เป็นเคล็ดลับที่ อ. บุญเรือน ท่านใช้) แล้วยังมีรายละเอียดของยามชั้นฉายอีก เห็นท่าจะไม่สามารถเบียดเบียนเวลานอนได้มาก เลยคิดว่าพักไว้ก่อนดีกว่า เลยหันมาเขียนเรื่องยามนาฬิกาแทน

ในการจับยามเพื่อทายเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้น โดยใช้ดาวจรในวันนั้น และเวลานั้นนำมาทาย มีความแม่นยำค่อนข้างมาก แต่จะให้อธิบายถึงความแตกต่างกับการทายดวงกำเนิดนั้น ค่อนข้างยาก นอกจากผู้เรียนต้องฝึกฝนเอง แล้วก็ไม่ควรเกิดความสงสัยมากเกินไป หรือมีสงสัยนำหน้าไป ก่อนทดลองใช้ด้วยตัวเอง

ในการฝึกทายยามนาฬิกา ผู้เขียนเคยถามอาจารย์ว่า ….

“อาจารย์อา ขาาาาา …. ยามนาฬิกาทายยังไงอะคะ เอาแบบสั้นๆ สรุปๆ นะคะ”

“การทายยามนาฬิกานะหรอ … ก็ทายแบบง่ายๆ ไม่เหมือนทายดวงกำเนิด แค่นี้แหละ … เป็นไง สั้นพอมะ”

“เอิ๊ก…. สั้นจริงๆ ด้วย ขอบคุณคะ”

ผู้เขียนก็มานั่งคิดทบทวนว่า ทายยังไงดี ทายแบบง่ายๆ แล้วก็นึกคำนี้ไว้อยู่ในใจตลอด… ทายง่ายๆๆๆๆ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเสมือนข้อสอบที่ตัวผู้เขียนต้องสอบให้ผ่านให้ได้ ในช่วงนั้นสถานที่ที่จะฝึกฝนวิชาของผู้เขียนคือ ห้องchat เพราะจะมีทั้งอาจารย์ และเพื่อนที่เรียนโหราฯ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน(ยามว่างจากภาระกิจการงาน) และก็จะมีผู้ที่ต้องการถามปัญหาต่างๆ เข้ามาให้ได้ฝึกฝนในการทายกัน ซึ่งผู้เขียนก็ตั้งใจไว้ว่า ไงๆ วันนี้ต้องผ่านให้ได้

แต่พอเข้าห้องchat มา โห…. มีอาจารย์อยู่เพียบเลย ว้า…. แล้ววันนี้ใครจะมาถามปัญหากับเราน้อ…. เพราะเราเป็นแค่นักเรียนโหรต่องแต่ง ((แต่ก็ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ได้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เอง)) แล้วซักพักก็มีสาวนางหนึ่งเข้าห้องมา

“จารรรรรรร……. จับยามให้หนูหน่อย แฟนหนูหาย มันหายไปหลายวันแล้ว”

“จาร ช่วยดูให้หน่อยว่ามันหายไปไหน …. ไปอยู่กับใคร… อยู่กับผู้หญิงหรือผู้ชาย…. แล้วมันจะกลับมาเมื่อไหร่….”

เป็นเหมือนอัตโนมัติ ผู้ที่ศึกษาโหราฯ จะต้องดูเวลา เพื่อจับยาม ซึ่งยามในเวลานั้น เมื่อวางเป็นรูปดวงจะได้ดังนี้ ลัคนาราศีตุลย์ ยามเวลาตกที่ราศีมังกร


ส่วนตัวเองก็ปรึกษาวิชากับเพื่อน … ปล่อยให้อาจารย์ท่านทายกันไปก่อน ตอนนั้นผู้เขียนไม่ได้คิดอะไรนอกจาก…ต้องทายง่ายๆ… มีอยู่ประโยคเดียวในสมอง พอเห็นว่าพอมีช่องว่างบ้างแล้ว ผู้เขียนจึงตอบออกไปว่า…… “แฟนน้องไม่กลับหรอก ตราบใดที่น้องยังไม่ยอมอาบน้ำ” พอทายไปเสร็จ ผู้เขียนมีความรู้สึกเหมือนว่า ทั้งห้องเงียบกริบ รอลุ้นว่า น้องเขาจะตอบว่าไง

“พี่… พี่รู้ได้ไงอะ ว่าหนูไม่ชอบอาบน้ำ” แล้วก็มีคำแก้ตัวต่างๆ นาๆ ว่าไม่ชอบอาบน้ำเพราะอะไร จากนั้น …. ก็ฮาครืนกันทั้งห้อง

ในตอนนั้นไม่ได้สนใจว่า คำตอบจะออกมาถูกหรือผิดอย่างไร แต่คิดอยู่ในใจว่า ทายง่ายๆ ทายแบบนี้เองหรอ อ๋อ … เข้าใจแล้ว การทายยาม ทายแบบนี้นี่เอง เพื่อนผู้เขียนก็ถามว่า ทำไมทายแบบนั้น…. ผู้เขียนก็ตอบกลับไปว่า ทายยาม ต้องทายง่ายๆ แต่ต้องทายตามหลักวิชานะ อย่ามั่ว แล้วผู้เขียนเพื่ออ้างอิงตามหลักวิชา ให้เพื่อนฟังว่า….

ตนุเป็นดาว ๖ ซึ่งหมายถึง ความใหม่ ความสวยสดงดงาม พอไปอยู่ที่ราศีมังกรเรือนดาว ๗ พอซักพักมันก็จะเริ่มเฉาลงๆ เรื่อยๆ แหละ … ดาว ๖ เป็นดาวธาตุน้ำฝน เป็นความชุ่มฉ่ำ พอไปอยู่ธาตุดินแห้งแข็งเหมือนหิน ซึ่งน้ำของดาว ๖ ไม่สามารถทำให้ดินของราศีมังกรชุ่มได้(ซึ่งจะไม่เหมือนกับน้ำของดาว ๔ ) พอนานวัน น้ำไปมันก็เหือดหายไปในอากาศ ความชุ่มฉ่ำก็เหลือแต่ความแห้งผาด ก็คือ การซักแห้ง และก็คือ การไม่ค่อยอาบน้ำหรือดูแลตัวเองให้ดูสะอาด สดใส และถ้าดูที่ดาว ๓ ปัตนิ จะเห็นว่าไปอยู่เรือนมรณะ ดาว ๖ ก็หมายความว่า ตัวแฟนของน้อง ชอบสิ่งที่สวยสดงดงาม สะอาด แต่เมื่อน้องทำตัวเองให้คล้ายๆ เป็นหนอนเน่า แฟนก็หนีนะสิ

จะว่าไปแล้ว ผู้เขียนเองก็เป็นนักพยากรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะตอบไม่ตรงคำถามเลย …. แต่ในเมื่อสาเหตุเกิดจากตัวผู้ถาม ก็จำเป็นต้องให้แก้ไขในเรื่องนี้ก่อน ซึ่งตรงนี้ ผู้เขียนก็แนะนำไปว่า ถ้าทำตัวให้สดใส น่ารัก สะอาดหมดจด แฟนก็จะกลับมาเอง

“พี่ๆๆ หนูขอถามต่อได้ไหม…. หนูอยากรู้ว่า จะขายที่ได้ไหม”

เพื่อนผู้เขียนก็ถามว่า แล้วจะต้องจับยามใหม่หรือเปล่า …… “ไม่อะ ขี้เกียจอะ ใช้ยามเดิมนั่นแหละ”

ผู้เขียนก็ตอบไปว่า … “ขายได้จ้าา แต่พี่ขอเพิ่มเติมหน่อยนะ ขอให้ตอบตามจริงว่าถูกหรือเปล่า” ( เพราะจะได้อธิบายให้เพื่อนและอาจารย์ที่อยู่ในห้องฟังด้วยในคราวเดียวกัน เพื่อจะได้รู้ว่านำตรงไหนมาทาย และถ้ามีข้อผิดพลาดอะไร ท่านอาจารย์ที่อยู่ในห้องจะได้ช่วยแนะนำแก้ไขให้)

ที่ดินผืนนี้เป็นที่รกร้างขาดการดูแลเอาใจใส่มานาน (ราศีมังกร หมายถึง ความกันดาร ดาว ๗ หมายถึง ความเก่า รกร้าง ห่างไกล ) เพิ่งจะมีการปรับปรุงทำให้ดีขึ้นมาเมื่อไม่นาน(ดาว ๖ จรเข้ามาไม่นาน) แต่ก็ทำเหมือนแค่ผักชีโรยหน้าให้ดูดีเพื่อให้ขายที่ได้เท่านั้น (เพราะดาว ๖ กับดาว ๗ เข้ากันไม่ได้) ส่วนที่บอกว่าจะขายได้นั้น เพราะว่า อีกไม่นานดาว ๑ กำลังจะจรเข้าราศีมังกร ซึ่งจะเข้าไปเป็นคู่สมพลกับดาว ๖ ส่งผลให้การพัฒนาตรงนี้ถึงแม้จะเป็นแค่ผักชีโรยหน้า แต่ก็ทำให้ดูดีมีราคา น่าจับจองเป็นเจ้าของ แล้วพอดาว ๔ จรเข้าอีกดวง ก็จะได้เงิน เพราะจะเข้าไปเป็นคู่ธาตุกับดาว ๖ และไปเป็นคู่สมพลกับดาว ๗ พอดี

ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาว่า … ที่ผืนนี้ได้เป็นมรดกมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้ดูแล เพราะอยู่ต่างจังหวัดเลยอยากขาย เพิ่งจะมีการปรับปรุงพื้นที่ เพราะมีคนจะมาดู เลยอยากรู้จะขายได้หรือเปล่า

“พี่ๆ หนูขอถามอีกข้อได้เปล่า งานหนูเป็นยังไง”

“อะไรคือ งานเป็นยังไงหรอ ไม่เข้าใจคำถามอะ”

“หมายถึงว่า งานที่ทำอยู่ตอนนี้ ดีไม๊”

” ง่า … หนูทำอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าดีหรือเปล่า แล้วมาถามพี่ๆ ไม่ได้ทำกับหนู แล้วจะรู้ไม๊เนี่ย คือ เป็นแค่หมอดูอะนะ ไม่ใช่เทวดา จะได้รู้ไปหดมทุกเรื่อง”

“แหมมมม พี่อะ หนูถาม พี่ก็ตอบหน่อยดิ”

“อ่อ พี่ต้องทำตามคำสั่งน้อง ว่างั้น (( ถ้าเป็นภาษาสมัยนี้ก็เรียกว่า เริ่มเยอะไปแล้ว)

…. ก็ไม่มีอะไรนี่นา ก็แค่เบื่องาน เรื่องปกติของคนทำงาน แต่อีกไม่นาน ก็คงมีเรื่องมีราว เพราะไปทำให้คนทั้งแผนกอิจฉา”

“ทำไมละพี่ แล้วหนูจะทำไงดี ถึงกับต้องออกจากงานหรือเปล่า”

“ไม่ออกหรอก แต่จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องร้าย เพียงแต่ว่า ไปเด่นเกินหน้า คนเลยหมั่นไส้ ก็เท่านั้น … แก้ไม่ยากหรอก มีอะไรก็หันหน้าพูดคุยกับคนร่วมงานบ้าง อ่อนน้อมยอมให้เขาบ้าง ชมเขาบ้าง ยกความดีให้เพื่อนร่วมงานบ้าง ไม่ใช่คิดว่า ตัวเองทำงานดีแล้ว จะไม่สนใจคนอื่น …. แค่นี้นะ พี่ต้องไปแล้วละ บายจ้า

ในส่วนการทายอันดับสุดท้ายนี้ ผู้เขียนก็ยังคงใช้ยามเดิมในการทาย เพราะดาว ๖ เมื่ออยู่เรือนดาว ๗ จะเกิดการเบื่อหน่ายกับระบบเก่าๆ หรือรูปแบบเก่าๆ ของงาน ซึ่งตัวเองนั้นอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น อาจจะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าทำช่วยในการทำงาน ซึ่งเป็นความหมายของดาว ๖ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ซึ่งคนเก่าที่อยู่ก่อนนั้นทำไม่ได้ ใช้ไม่เป็น ก็อาจจะถูกหมั่นไส้ ซึ่งตรงนี้เอง เลยเหมือนว่า ตัวเองเกินหน้าคนอื่น อีกทั้งเดี๋ยวดาว ๑ จร ก็กำลังจะจรเข้า ก็จะยิ่งส่งให้ผลงานของผู้ถาม ยิ่งดีขึ้นมาก แบบที่เรียกว่าเข้าตากรรมการ ส่วนการแนะนำให้พูดจาเพราะๆ หรือพูดคุยกับผู้ร่วมงาน ชื่นชมเขาบ้าง ตรงนี้ผู้เขียนใช้การประสานงานของดาว โดยใช้ดาว ๔ ซึ่งหมายถึง การพูดคุย เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง ดาว ๖ กับดาว ๗ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างดีและยาวนาน เพราะดาว ๔ เป็นคู่ธาตุกับดาว ๖ และเป็นคู่สมพลกับดาว ๗

ในการใช้ยามนาฬิกานั้น เราไม่สามารถสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมาเพื่อฝึกฝนได้ จะเป็นลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดในขณะนั้น และเราไม่สามารถเอายามของคนที่เราทายตอนนี้ไปทายให้กับคนอื่นได้ ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีการใช้หรือที่เรียกว่าเทคนิคแตกต่างกันไป อยู่ที่การฝึกฝนของบุคคลนั้นๆ จนเกิดความชำนาญเอง/.

“ผู้เขียนไม่ค่อยขยัน แต่ก็จะพยายามสรรหาแต่สิ่งดีๆ ให้กับผู้อ่าน”

ที่มา : https://sunwasa.wordpress.com/tag/ยามนาฬิกา




#คุณยายกลิ่นโสม :: 141SmileySmiley
#เรียนดวงไทยฟรีที่บ้านคุณยายกลิ่นโสม 
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเอง ได้ที่ : https://www.baankhunyai.com
----------------------




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2565
0 comments
Last Update : 2 พฤษภาคม 2565 15:16:57 น.
Counter : 837 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คุณยายกลิ่นโสม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณยายกลิ่นโสม's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.