Japan - Mitsui Garden Hotel Ginza - โรงแรมคิดมาก
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ปลายๆ Ginza (ตรงกับสี่แนวจากแยกร้าน Shiseido) ใกล้ๆกับสถานี Shimbashi ซึ่งเป็นที่ชุนนุมของทั้งสาย JR Yamanote, Tokyo Metro Ginza และสาย Yurikamome ที่วิ่งไป Odaiba และเมื่อมองจากโรงแรมก็จะเห็นตลาดปลา Tsujiki (ในวงสีแดง) อยู่ไม่ไกลนักตามประสาอาคารในเมืองใหญ่ ที่มักจะมีการใช้งานหลายประเภทอยู่ร่วมกันในอาคารเดียวMitsui Garden ก็เช่นกัน อาศัยอยู่ส่วนบนของอาคารสำนักงาน Ricoh โดยใช้พื้นที่ตั้งแต่ชั้น 16 ขึ้นไปทางเข้าโรงแรมจึงไปอยู่มุมด้านหลัง มีแค่ประตูอัตโนมัติสองชั้นกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง และมี Shuttle Lift วิ่งระหว่างชั้นพื้นดิน กับชั้น 16 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Lobby และ Receptionโรงแรมนี้ตกแต่งด้วยด้วยแนว Minimalism ที่เข้าทางกับปรัชญาแนว Zen และวางแผนการใช้สีแต่น้อย ซึ่งในตอนกลางวันจะเห็นโครงสีของวัสดุ ที่ประกอบไปด้วย สีขาวของเสาและผนังบางส่วน สีเทาของคอนกรีต สีดำหรือน้ำตาลเข้มของหินและผิวลายไม้ กับ งานศิลปะสีสดประดับตามที่ต่างๆรวมทั้งกระจกใส กระจกเงา และกระจกดำ ส่วนตอนกลางคืนสีขาวก็จะกลายเป็นไฟขาวนวลตัดกับพื้นที่มืดส่วนที่เหลือ เหมือนฝา กระดาษของบ้านไม้แบบโบราณของญี่ปุ่น ที่เปล่งแสงนวลยามค่ำคืนเพราะไม่มีต้นไม่จริงสักต้น Pattern ที่ใช้เป็นเส้นตรงเฉียงไปมาตัดกัน ล้อแบบของลำต้นไม้ในป่า ถูกใช้ที่ทั้งทางที่เข้าชั้นพื้นดิน และใน Coffee Shop ข้างบน คงพยายามจะทำเพื่อให้สะท้อนชื่อของโรงแรมที่เป็น Garden Hotelและใช้วัสดุที่โชว์ผิวธรรมชาติเปลือย ทั้งไม้และผ้าฝ้ายทอหยาบ เป็น Furniture แทรกเป็นจังหวะทางเดินและโถง Lift ในชั้นห้องพัก ใช้แสงสลัว กับสีดำ สีวัสดุโลหะ และสีครีมเข้มดูแล้วมันก็คือ โครงสีของเสื่อปูพื้น Tatami นั่นเองนี่เป็นการแปลความหมายของวัฒนธรรมพื้นบ้าน และนำมาประยุกต์ใช้อย่างเข้าถึง เราจึงมักไม่ค่อยเห็นศาลาญี่ปุ่นในงาน Expo ไม่ว่าที่ไหน ทำเป็นรูปปราสาทญี่ปุ่นโบราณ แบบว่า จำลองมาทั้งดุ้นเลย...(ไม่ได้ประชดใครนะ)ในห้องพักแคบมาก ด้านล่างคือ ภาพที่มองจากในห้องออกไปที่ประตู แคบจนต้องใช้กระจกเงาช่วย และก็เป็นที่ส่องกระจกแบบเต็มตัวไปด้วยในคราวเดียวกันถ้ามองจากประตูเข้ามา จะเห็นโทรทัศน์แปะแนบอยู่บนฝา และตู้สูงๆอยู่ด้านริมหน้าต่าง พร้อมโซฟาสีส้ม (ข้าวของแอบรกนิดหน่อย)โครงสีของห้อง ยังเป็นน้ำตาลเข้มเหมือนเดิมห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาท์เตอร์กับโถสุขภัณฑ์แบบอุ่นรอบก้น พร้อม Remote Control ตามปกติและห้องกระจกขนาดใหญ่ที่ผนวกห้องอาบน้ำกับอ่างอาบน้ำไว้ภายใน ห้องนี้กินพื้นที่ยิ่งนัก แต่ดูเหมือนเขาตั้งใจจะให้ห้องนี้ใหญ่ เพื่อให้แขกอาบน้ำสะดวก กางแขนกางขาได้เต็มที่ ผิดกับโรงแรมในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ที่อาบน้ำแล้วมักจะเจ็บแขน เพราะไปฟาดกับผนังอยู่เรื่อยและห้องอาบน้ำที่ใหญ่กว่าปกติ ก็ทำให้เกิดผลสองอย่าง อย่างแรกคือ ตู้เสื้อผ้าครับ แบนแต๊ดแต๋ ลึกแค่ประมาณ 20 ซม. แต่ก็แขวนเสื้อได้สัก 4 ตัว โดยหันหน้าออกก็อาจจะถูกของเขา ที่อื่นๆตู้เสื้อผ้าอาจใหญ่กว่า แต่ก็ให้ไม้แขวนมาแค่ไม่กี่อัน ก็ไม่ได้แขวนอยู่ดี และตู้ตื้นๆนี้ก็ยังอุตส่าห์มีที่รีดผ้ามาให้ด้วย ถึงเล็กแต่ก็ไม่ไร้สาระผลอีกอย่างที่เกิดจากห้องน้ำใหญ่ คือ Mini Bar กับตู้นิรภัย ต้องกระเด็นไปอยู่ที่อื่นครับMini Bar ไปอยู่ในตู้สูงๆริมหน้าต่าง ตู้นี้ตั้งบนแกนหมุนไปมาได้ ข้างล่างเป็นตู้เย็น ข้างบนเป็นที่วางแก้ว ขนม และกาต้มน้ำเหนือตู้เย็นเป็นลิ้นชักบางๆ ใส่สาย LANเหนือลิ้นชักอีกที เป็นช่องลับ สำหรับสารพัดกล่องเชื่อมต่อและควบคุม (ช่องนี้แอบซนแงะเปิดเอง)ส่วนตู้นิรภัยไปหมอบอยู่ที่หัวเตียง โดยทำเป็นลิ้นชักอยู่ใต้กล่องสีแดงชาด ที่วางคั่นระหว่างเตียงทั้งสองนั่นดึงลิ้นชักออกมา แล้วเปิดฝาตู้ก็สามารถเก็บของ(ลับๆ)ได้ พิเศษกว่านั้น ในตู้นิรภัยยังเผื่อปลั๊กไฟให้ด้วย เผื่อต้องการชาร์ทแบตเตอรี่อุปกรณ์มีค่าก็ไม่ต้องห่วง ชาร์ทแบบลับๆได้เลยสุดท้าย ขอแถมเรื่องถังขยะอีกหน่อย ถังนี้คิดมากและทำง่ายดี ทำแค่กล่องที่มีบ่า กับกรอบสำหรับเป็นฝาแค่นั้น ก็ได้ถังแบบใช้กับถุงใช้แล้วทิ้ง ได้ถึงสองช่องเลยเป็นโรงแรมที่รูปแบบเรียบง่าย และภายใต้ความเรียบง่ายนั้น (ออกแบบโดย)คิดมากจริงๆ จึงเรียนมาเพื่อทราบปล.โรงแรมนี้ ไม่จู้จี้ คือ ไปเอง ยกกระเป๋าเอง พนักงาน Front Desk ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และจองทาง Web ของเขาเองได้โดยยังไม่ต้องชำระล่วงหน้า (เดือนมกราคม 2554 ตอนนี้ไม่แน่ใจ) เป็นหนึ่งใน 6 โรงแรมแถว Ginza ที่รถเมล์ Airport Limousine แวะมารับ ค่าห้อง(แพงใน)ระดับเดียวกับโรงแรมใน Tokyo ทั้งหลายคำเตือน : อาหารเช้าเป็น Buffet หลากหลายพอประมาณ 6 ขนมปัง 2 ซุป 1 ข้าว 1 Pasta 1 ไข่ 2 ไส้กรอก 6 ผัก 4 ผลไม้ Cereal ฯลฯ ดูเหมือนเยอะ แต่หากอยู่เกิน 2 วันอาจเป็นโรคเบื่ออาหารเช้าได้