BlogGang.com : : ~-=AUSFAhRT=-~ : ธนาคารกึ่งโชว์ห่วย

ธนาคารกึ่งโชว์ห่วย

เหตุเกิด ณ. เมื่อนานมาแล้ว บริเวณ อนุสาวรีย์ชัย....

ตอนที่กำลังเดินขึ้นสะพานลอยเพื่อไปเรียนพิเศษ ก็ไปเจอขอทานนั่งอยู่ ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เจอเศษตังค์เต็มไปหมด ก็เลยหยิบออกมาหนึ่งบาท แล้วใส่ลงไปในกระป๋องขอทาน

ด้วยความไร้มารยาท ก็อดไม่ได้ที่จะต้องอยากรู้ว่า วันนี้ธุรกิจในกระป๋องเป็นยังไงบ้าง ก็แอบเหลือบไปเห็นว่า มันอุดมไปด้วยเหรียญบาท

ไม่รู้อะไรทำให้สงสัยขึ้นมาว่า "เวลาทำบุญให้ขอทาน ทำไมต้องให้แค่บาทเดียวด้วย?"

แล้วก็สงสัยต่อว่า คนที่เค้ามีความสุขกับการทำบุญเป็นล้าน เพื่อสร้างวัด สร้างพระประธาน เวลาให้เงินขอทาน เค้าให้ครั้งละกี่บาทกันเหรอ

แต่เอ!! ในกระป๋องขอทานเมื่อกี้ ก็ไม่เห็นมีแบงค์ซักใบนี่ แล้วคนพวกนั้นเค้าไม่ได้เดินผ่านมาแถวอนุสาวรีย์บ้างเหรอ?

เราให้ทานขอทาน แค่ หนึ่งบาท เพราะเรา "มีกำลัง" ให้แค่ หนึ่งบาท หรือเพราะเรา "พอใจ" ให้แค่หนึ่งบาท หรือว่ามันเป็นเพราะมีใครบางคน เคยมาสอนให้เรา ระแวงในการทำบุญ เลยทำให้เรา "พอใจ" ให้แค่หนึ่งบาท

ถึงแม้เราจะไม่มีกำลังให้เค้ามากกว่าหนึ่งบาท แต่ถ้าการให้ทานคือการแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น แล้วแบ่งเอาความทุกข์เค้ามาบ้าง ถ้าเราจะอดข้าวซัก "หนึ่งมื้อ" ก็คงไม่เป็นไรนี่ เพราะคนที่ลำบาก เค้าก็คงต้องอดข้าวไป "ทุกๆมื้อ ในทุกๆวัน"

แล้วบ่ายแก่วันนั้น ก็เลยกำเอาเหรียญทั้งหมดที่มีอยู่ในกระเป๋ากางเกง โดยไม่ได้ดูว่ามันมีอยู่เท่าไหร่ ใส่ลงไปในกระป๋องขอทานทั้งหมด

แล้วก็แอบตกใจปนเสียดายเล็กน้อยด้วยความเคยชิน ตอนที่เหลือบไปเห็นว่า มันมีเหรียญสิบบาท ติดไปด้วย อย่างน้อยก็สองเหรียญหละ แต่ก็เอาน่า ถ้าคิดซะว่า การทำบุญคือ การละ ฝึกการไม่ยึดติด ก็นี่ไง ไม่ใช่เหรอ!!!

แล้วก็เดินผ่านต่อมาถึงร้านไก่ย่างรถเข็น ก็เห็นคนกินไก่เสร็จ ก็โยนเศษกระดูก ที่เหลือทิ้ง ไปให้หมาจรจัดกิน (จรจัด แปลว่า เร่ร่อนอย่างมาก อย่างไม่ธรรมดา)

แล้วก็สงสัยต่อว่า เราไม่ซื้อ ไก่ย่าง แล้วให้หมาไปทั้งไม้เพราะอะไรกันแน่!!

หรือเป็นเพราะเราคิดไปเองว่า หมามันไม่ชอบกินเนื้อหรอก มันชอบกินแต่กระดูก

หรือเป็นเพราะเราคิดไปเองว่า เราไม่มีฐานะ พอจะ ให้ทานกับหมา ได้มากกว่า ของที่เราเหลือทิ้งหรอก

หรือมีใครเคยมาพูดอะไรให้เราระแวงการทำบุญกับหมาเหรอ เท่าที่จำได้ก็ไม่มีนะ

การเอาของที่เราเหลือทิ้งไปบริจาคให้ใคร มันเป็นการทำบุญจริงๆ เหรอ หรือว่ามันเป็นแค่การเปลี่ยนที่ทิ้งขยะเท่านั้น

การทำบุญคืออะไรกันแน่?

มันคือการฝึกจิตใจ ให้เคยชินกับการละ เคยชินกับการสูญเสีย อยากให้ผู้อื่นที่เดือดร้อนพ้นทุกข์ ไม่ใช่เหรอ หรือว่าผมเข้าใจผิด

แล้วการเอาขยะของเรา ไปให้หมากิน เราได้ละอะไรหละ แล้วเราสูญเสียอะไรเหรอ

หรือเราคิดว่า หมาได้กินกระดูก คือการพ้นทุกข์ เท่าที่หมาสมควรจะได้รับ

ว่าแต่...... แล้วทำไมคนไทย ทำบุญที่วัดทีละเยอะๆได้ละ

ตู้บริจากตามวัด ผมเห็นแต่แบงค์นะ ไม่ค่อยมีเหรียญหรอก

มันต้องเป็นเพราะ คำว่า "บุญ" แน่ๆ เลย ผมมั่นใจ

"ชาวพุทธ บริจาค ให้วัด เพราะอยากได้ บุญ"

นั่นไม่ใช่ปัญหา

แต่การที่คิดว่า การช่วยเหลือ สิ่งมีชีวิตที่เดือดร้อน ไม่ได้บุญเท่ากับการบริจาคให้วัด นี่คือปัญหา!!!

ถ้าคุณจะบริจาค เพื่อ ให้ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า แล้วนั่นมันยกระดับจิตใจตรงไหน นั่นมันการยึดติดชัดๆ

พระ ไม่ใช่ผู้ด้อยโอกาศทางสังคมและไม่ได้กำลังเดือดร้อน

พระพุทธเจ้า สอนให้ผู้ถือบวช ละเว้น ปล่อยวาง เพียงข้าวจากบาตร พระก็ดำรงชีวิต เพื่อศึกษาและเผยแพร่ธรรมได้เพียงพอแล้ว ท่านไม่ต้องบริจาคเงินเพื่อ ไปสร้างกิเลศให้พระหรอก นั่นมันบาปชัดๆ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ผู้บวชเป็นพระ ห้ามนอนฟูกนี่ แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไร ถ้าพระท่านไม่นอนฟูก แต่มีทีวี ดีวีดี เอาไว้ดูหนังเพื่อความบันเทิง ยามว่างจากศึกษาพระธรรม

ผมได้ยินมาหลายครั้ง กับการที่พระสอนญาติโยมว่า การทำบุญ กับผู้ถือบวช ได้บุญมากกว่าการทำบุญธรรมดาเป็นแสนเท่า

ได้ยินแล้วก็ เฮ้ย!! นี่มันขายบุญนี่

เอ๊ะ ไม่ใช่ๆ นี่มันเป็นการจับเอา บุญ เป็นตัวประกัน เพื่อเรียกค่าไถ่นี่

ถ้าคนเราจะทำบุญเพื่อ ซื้อบุญ ไว้สำหรับชาติหน้า ก็คงไม่ต่างอะไรกับการออก เดบิตบุญการ์ด

หรือว่า มันเป็นการขาย บุญพรีเพดการ์ด กันแน่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ถ้าผมเป็นหมา แล้วมีคนบอกว่า ช่วยเหลือให้ผมพ้นทุกข์ เป็นสิ่งที่สมควรทำน้อยกว่า การบริจาคเงินให้วัด ผมก็คิดว่าคงไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่

ถ้าผมเป็นหมา และผมเลือกได้ ผมก็อยากจะสั่งสอนคนให้เข้าใจว่า การบริจาคให้หมา ได้บุญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง แต่นั่นมันถูกแล้วหรือ ที่จะสอนผู้คนว่า การเอาทรัพย์สินมา ปรนเปรอ "ผู้สอน" คือ สิ่งที่ดีที่สุด

วันนี้บ่นพอแล้วดีกว่า เพราะยังไม่อยากทำบาป หวังว่ายังคงมีบุญพอเหลือได้ได้ขึ้นสวรรค์ได้นะ ชั้นล่างๆก็ยังดี คนไม่แน่นดี

Create Date : 22 มิถุนายน 2551

Last Update : 26 มิถุนายน 2551 12:55:49 น.

2 comments

Counter : 932 Pageviews.

แวะมาทักทายและมาอ่าน เรื่องดีๆค่ะ

โดย: whitelady

วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:19:50:21 น.

เขียนได้ดีค่ะ จี๊ดไปที่ใจเลยทีเดียว

โดย: Madame Plumpy

วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:16:33:45 น.