เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
21 เมษายน 2550
 
 
ใครคือคนวันเสาร์ ?

จากไทยโพสต์
=============

ใครคือคนวันเสาร์


15 เมษายน 2550 กองบรรณาธิการ

"พี่ถามเหมือนกับจะมาตรวจสอบเรา บางทีผมก็เสียใจนะ ทำไมไม่ไปตรวจสอบ คมช.ว่างบ 1,200 ล้านวันที่ 19 เขาใช้อะไรบ้าง สนธิ (ลิ้มทองกุล) บอกว่าหมดไป 400 ล้าน เอามาจากไหน"


"คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ" คือกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คมช.ตั้งแต่หลังยึดอำนาจไม่นาน แล้วก็จัดเวทีชุมนุมทุกวันเสาร์ สลับกับเครือข่าย 19 กันยาฯ ในวันอาทิตย์ หรือร่วมกันบางโอกาส ก่อนที่จะเกิดม็อบพีทีวีของอดีตนักการเมืองในช่วงหลัง

ถ้าแยกกันง่ายๆ เครือข่าย 19 กันยาฯ, สมาพันธ์ประชาธิปไตย คือฝ่ายที่บอกว่าไม่เอาทักษิณและไม่เอารัฐประหาร แต่กลุ่มคนวันเสาร์ฯ คือคนรักทักษิณ (แม้พวกเขาจะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นทุกคน แต่ฟังน้ำเสียงแล้วใช่เลย) ข้อแตกต่างจากพีทีวีคือเป็นคนที่ไม่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนเลย เป็นคนนิรนามทางการเมืองที่สาธารณชนไม่เคยรู้จัก

แต่ "คนวันเสาร์" ก็จุดประเด็นร้อนขึ้น เมื่อเล่นถึงขั้นโจมตีป๋าเปรม ประกาศล่ารายชื่อ 1 แสนชื่อเพื่อถวายฎีกา

ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับคนสงขลาและลูกๆ ป๋า ที่อยู่ในกองทัพและสถาบันสำคัญต่างๆ จนกระทั่งมีผู้วิเคราะห์ว่า "คนวันเสาร์" คือตัวล่อเป้า ล่อให้เกิดอารมณ์หรือความรุนแรงบานปลายเหมือน รสช.

ใช่หรือเปล่า? เวลาจะพิสูจน์ แต่ก็คงไม่ถึงกับปฏิเสธการทำความรู้จักพวกเขา

ที่มา

นัดสนทนาที่สนามหลวงในวันสุดท้ายของการชุมนุม ตอนแรกเรานัดหมายกับสุชาติ นาคบางไทร นักไฮด์ปาร์ก แต่เป็นครรชิต จิระไชยเขื่อนขันธ์ กับสุชาติ ตันติธนไพศาล เลขานุการกลุ่ม มาคุยแทน (สุชาติ นาคบางไทร บอกภายหลังว่าพวกเขาจัดบทบาทกันแล้ว ตัวเขาจะไม่ให้สัมภาษณ์)

สุชาติเป็นเหมือนผู้ประสานงานสื่อมวลชน ครรชิตอาวุโสกว่า จึงให้สัมภาษณ์เป็นหลัก

เขาบอกว่ากลุ่มคนวันเสาร์ฯ เริ่มต้นจากเว็บพันทิป "ในห้องการเมืองของพันทิป และเราก็จับกลุ่มรวมกัน คอเดียวกัน เริ่มต้นไม่กี่คนเอง แล้วก็มาเปิดเว็บไซต์ของเราขึ้นมา"

มีการรวมกลุ่มมาหลายครั้งตั้งแต่กลุ่มรักเมืองไทย กลุ่มจตุจักร คนผ่านฟ้า วายุภักษ์

"คนผ่านฟ้า" เราจำกันได้ว่าเกิดขึ้นสมัยม็อบพันธมิตรฯ ไล่รัฐบาลทักษิณ

"ตอนนั้นเราสู้กับสื่อ ขณะนั้นสื่อแบ่งข้าง อาจจะด้วยอำนาจมืดหรืออะไรต่างๆ เราก็ไม่รู้ แต่เกิดการแบ่งข้างอย่างแน่ชัด เราก็ออกมาชี้แจงอะไรบางอย่างให้ประชาชนได้รับรู้ พอหลังจากนั้นเกิดรัฐประหาร เราก็ย้ายมาเปิดเว็บไซต์ใหม่ของเรา รวบรวมพลขึ้นมา"

ทำไมถึงเปลี่ยนชื่อเรื่อยๆ

"แกนนำมันมีปัญหาภายในเรื่องนโยบายบางตัว และมีบางคนที่มีอะไรแอบแฝง คือขอให้สู้จริง แต่สู้แล้วมีอะไรแอบแฝงนี่เราไม่เอา ถึงจัดขึ้นมาใหม่"

บอกว่าตอนคนผ่านฟ้ามีคนทำงานอยู่ 16 คน มีการนัดชุมนุมสัมมนา แต่จาก 16 คนก็มาอยู่คนวันเสาร์ 12 คน

มาก่อการเคลื่อนไหวจริงก็เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน

"บอกตรงๆ เลยวันนั้นเราถูกเขาแหกตา ถูกเตมูจินหลอก เพราะจริงๆ แล้วนโยบายของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ณ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ชื่อคนวันเสาร์ เราต่อสู้บนเว็บบอร์ด แรกเริ่มเลยกระจายข่าวสาร แล้วเขาบอกว่าเขามีกำลังคนอย่างนี้ๆ เพื่อต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม โอเคเราสนับสนุน ผลสุดท้ายเราก็ตกกระไดพลอยโจน"

"กลุ่มเราเป็นกลุ่มพลังบริสุทธิ์ อันนี้ 100% เราเข้าไปหามาหมด อธิบายมาหมด บช.น. คุณเสรีผมก็เข้าไปหาแล้ว เราไปเปิดให้เขาดูว่าเราคือใคร เราต้องการอะไร ทหารก็ไป เปิดใจคุยกัน และเขาก็เห็นพลังบริสุทธิ์เรา ทุกวันนี้เราอยู่ตรงนี้ได้ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งเพราะพลังบริสุทธิ์ของพวกเรา"

ครรชิตเชื่อว่าพวกเขาคงถูกเช็กประวัติแล้ว

"ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เราไม่เคยเดินกิจกรรมทางการเมือง ไม่เคยมีประสบการณ์ทางม็อบ เพราะทุกคนทำมาหากิน ผมก็มีธุรกิจส่วนตัว ทุกคนมานี่มีการมีงานหมด ไม่ได้รับจ้าง มาช่วยกัน อาหารเราเอามา หิ้วเข้ามากัน ขาดเหลืออะไรเราควักกระเป๋าช่วย ผมการันตีได้เต็มปาก 100% ว่ามวลชนที่มาไม่มีการซื้อใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ผมเคลียร์หมดแล้ว ผู้ใหญ่รับรู้ นี่คือพลังบริสุทธิ์เขาถึงไม่รุนแรงกับเรา นโยบายของเราไม่มีความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เราชี้ให้ประชาชนเห็นว่าสิ่งที่เราเรียกร้องคืออะไร ความถูกต้องใช่หรือไม่ ให้ประชาชนรับทราบในสิ่งที่เขาไม่ได้รู้ เพราะสื่อไม่กล้าออก ด้วยอำนาจมืดบางอย่าง พวกนักข่าวที่มาอาจจะเข้าใจเพียงแต่ว่าพูดไม่ได้ เราก็พยายามบอกทุกคน เราเป็นมิตรกับทุกคน แม้กระทั่งตำรวจหรือเจ้าหน้าที่เทศกิจ หน้าที่คือหน้าที่เราเข้าใจ เราไม่ได้โกรธเกลียด แต่ขอให้เข้าใจว่าสิ่งที่เราเรียกร้องคืออะไร"



ไซเบอร์คลับ

ในม็อบนอกจากเวที เครื่องเสียง แล้วก็มีเต็นท์ พิเศษหน่อยคือมีเต็นท์ติดแอร์ด้วย ครรชิตบอกว่าบางอย่างก็เช่ามา บางอย่างก็ของพวกเขาเอง ที่ต้องมีเต็นท์ติดแอร์เพราะบางคนต้องนอนที่นี่

"นั่งร้านนี่ของผม ไม้อัดก็ของผม"

ได้ยินว่าแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ฯ มีฐานะ ลองบอกหน่อยว่าเขาทำงานอะไร

"ผมทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เป็นที่ปรึกษาด้าน management ให้บริษัทใหญ่ๆ" ครรชิตบอก

สุชาติ "ผมเป็นนักการตลาด ทำอยู่บริษัทประกันภัย และก็มีมินิมาร์ทของตัวเอง"

บอกว่าสมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ฯ มี 2,000 กว่าคน ที่ออกมาร่วมชุมนุมมีประมาณ 100-200 คน ที่มาทำกิจกรรมอยู่ในเต็นท์หลังเวทีมีประมาณ 50 คน

สมาชิกในที่นี้คือสมาชิกของเว็บไซต์ ครรชิตอธิบายว่าเว็บคนวันเสาร์เปิดรับเฉพาะสมาชิก ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปอ่าน ผู้ที่เป็นสมาชิกได้ต้องมีกรรมการรับรอง แต่จะมีเว็บ saturdayvoice.com ไว้เผยแพร่ข้อมูลทั่วไป และมีเว็บ saturdayradio.com เป็นวิทยุออนไลน์ไว้ถ่ายทอดการชุมนุม

คุยว่าเว็บของพวกเขา กระทรวง ICT ไม่มีทางปิดได้

"เขาปิดเราเปิดภายใน 20 นาที เราสามารถที่จะ hack ได้แต่เราไม่ทำ เพราะถ้าเราทำระบบความมั่นคงประเทศพังไปด้วย"

"เรามี server อยู่ในอเมริกา เขาไม่สามารถเปลี่ยน เพียงแต่เขาปิดเว็บนี้เราเปิดทันที link กลับเข้าไป เราเข้าอีกทาง เปลี่ยนชื่อนิดหนึ่ง แล้วก็แจ้งสมาชิกทางอีเมล์ ทาง sms ก็ได้ ในเมื่อเรามีศักยภาพทางนี้ ทุกคนจะได้รับข่าวสารตลอด"

"พวกเราเป็นที่ปรึกษาด้านไอทีไม่ต่ำกว่า 100 คน อย่างคุณสุชาติ (นาคบางไทร) เป็นที่ปรึกษาไอทีให้องค์กรใหญ่ๆ หลายที่"

"โดยปกติทั่วไปคนที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต จะออกมาข้างนอกไม่เกิน 5% เพียงแต่ว่าเราคุยกันถูกคอ คุยกันในเน็ต ใน chat room ก็โอเค นัดกินข้าวกัน มาเปิดตัว เพราะการทำงานในแต่ละกิจกรรมเห็นหน้าเห็นตากันถึงจะรู้ ถ้าไม่เคยเห็นหน้ากันเป็นไปไม่ได้ เว็บ dcode ของเรามีที่มาจากวายุภักษ์ เป็นหัวแรงหลัก คุณสุชาติ (นาคบางไทร) ก็มาจากวายุภักษ์ เริ่มแรกเป็นตัวแกนทำงาน หลังจากนั้นพวกน้องๆ เห็นพวกพี่เขาทำจริงก็เข้ามา ทุกคนก่อนเข้ามาก็ดูอยู่แล้ว เอ็งมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า เมื่อไม่มีก็เปิดตัวมาทำกันอยู่ตรงนี้ ในกลุ่มผมมีดอกเตอร์เกือบ 40 คน มีทุกสาขา นิวเคลียร์ฟิสิกส์ 2 คน ทางด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ 7-8 คน ด้านเศรษฐศาสตร์ 7-8 คน ชีวเคมี ไบโอเคมีคอล 2-3 คน ข้อมูลข่าวสารเราก็ได้รับมาจากข้าราชการพวกผู้ใหญ่ มีอธิบดีอยู่ในกลุ่มเรา 4-5 คน มี พล.ท. พล.อ. ที่เกษียณแล้วและที่ยังอยู่ ตำรวจก็มี แม้กระทั่งใน คมช.ก็มีคนของเราอยู่ เป็นสมาชิกที่เขาก็ให้ข้อมูลมา และถึงแม้จะให้ข้อมูลมาเราก็วิเคราะห์แล้วถึงนำเสนอ"

"เรื่องเขายายเที่ยงเราวิ่งไปถ่ายรูปเอง เรื่องกล้านรงค์ลอกวิทยานิพนธ์ เขาส่งมาให้เรา เราก็เช็ก ผมไปวิทยาลัยการทัพเรือ ต่างกัน 2 ปี เหมือนกันทุกตัวอักษรเด๊ะ เปลี่ยนหัวข้อนิดเดียว เราก็มาแฉ นำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง"

แล้วเว็บไฮทักษิณล่ะ "ไม่ใช่ของเรา"

อาจจะเป็นสมาชิกของคนวันเสาร์ก็ได้ใช่ไหม "อาจจะเป็นได้ เพราะเว็บเราใครสมัครก็ได้"

เรื่องปิดเว็บพันทิป แน่นอนพวกเขาไม่เห็นด้วย แต่กรณีของ Youtube ครรชิตบอกว่าเห็นด้วยที่กระทรวงไอซีทีต้องปิด "ในเว็บ dcode เรื่องสถาบันเรายืนยันเลยว่าอย่าแตะ มีขึ้นมาเราลบ ถ้ายังมีอีกเราลบชื่อออกจากสมาชิก"


ทำไมต้องป๋า

ถามครรชิตว่าทำไมต้องโจมตีป๋า ไม่กลัวเสียคนที่จะเข้าร่วมหรือ

"ไม่เสีย สิ่งที่เราทำเราไม่ได้หมิ่นเลย เราทำด้วยความจงรักภักดีด้วยซ้ำ เพราะพฤติกรรมที่เราเห็น เรามีหลักฐานต่างๆ แสดงให้เห็นว่าป๋าเปรมไม่เหมาะสมจะเป็นประธานองคมนตรี ประธานองคมนตรีต้องรักษารัฐธรรมนูญ แต่กลับพากบฏเข้าเฝ้าฯ ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติ เดินไปไหนประชาชนนั่งกราบไหว้ มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ผมมีพ่อคนเดียวคือในหลวง ป๋าไม่ใช่พ่อผม พอแตะ..คนสงขลา-โอ๊ยหมิ่น ดึงฟ้าลงต่ำ ไม่ใช่แล้ว มันคนละจุดประสงค์ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป๋าต้องลงมาเล่นในเมื่ออายุ 80 กว่าแล้ว ไม่มีใครอยากแตะ มาเล่นตรงนี้เพื่ออะไร สังคมก็ยอมรับอยู่แล้วรัฐบุรุษ ไม่ต้องมายุ่งกับการเมือง"

แต่ป๋าเป็นคนดีในสายตาของสังคม

"ภาพลักษณ์ดี แต่เมื่อลงมาแตะแล้วเราต้องแฉ คนแก่จะนึกได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้านึกไม่ได้เราก็จะแฉไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ"

"ป๋าไม่ควรมายุ่ง เป็นประธานองคมนตรีเมื่อเปรียบกับ อ.สัญญา ดูการวางตัวของท่านสัญญากับป๋า คนละเรื่องเลย การแต่งตั้งการโยกย้ายสารพัด ต้องเข้าหาป๋าก่อน มันอะไร"

"เราไม่ได้ force ในหลวง เราไม่ได้ force พ่อว่าจะต้องปลด พฤติกรรมองคมนตรีเป็นอย่างนี้พ่อจะพิจารณายังไงก็อยู่ที่พ่อ ไม่ใช่เรา เราเห็นว่าองคมนตรีทำตัวอย่างนี้ไม่เหมาะสม ขัดกับรัฐธรรมนูญ แล้วพ่อจะเอายังไงก็เรื่องของพ่อ เราไม่เกี่ยวเราเป็นลูก เราก็ได้แต่ฟ้องพ่อว่าเขาทำไม่ดีนะ เท่านั้นเอง ฉะนั้นที่ไปตีว่าเราหมิ่นอย่างนั้นอย่างนี้ สุนัขรับใช้ทั้งหลายก็ออกมา หมาแก่ก็ออกมาเต็มไปหมด หมิ่นที่ไหน เรามีนักกฎหมายอยู่ เราก็ต้องคัดอย่างดีก่อนที่เราจะเล่น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นบูมเมอแรง ขว้างไม่ดีมันก็กลับมาตัดคอเรา"

ไม่กลัวกลับมากระทบตัวเองในแง่ภาพลักษณ์หรือเพราะป๋ามีภาพลักษณ์ดีงาม

"ถึงบอกไงว่าต้องเอาข้อมูลออกไปให้เขารับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เพราะถ้าเราไม่เอาออกไปสื่อต่างๆ ไม่เคยเอาออก อาจจะด้วยเหตุผลอะไรเราไม่ว่ากัน แต่เราต้องให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ผมกล้าพูดว่าพวกผมบริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ โดนปราบไปนานแล้ว"

ถามสุชาติบ้างว่าเขาไม่คิดหรือว่าการโจมตีป๋าเท่ากับเป็นการยั่วยุ เท่ากับกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ออกมาล่อเป้า ซึ่งอาจจะเกิดอะไรก็ได้ ไม่ว่าความรุนแรงกับม็อบหรือรัฐประหารซ้ำ

"ผมก็กลัวตาย ผมไม่อยากยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แต่ที่เราคุยกันคือใครอยู่เบื้องหลังรัฐประหารตัวจริง เราไม่ได้ล่าชื่อให้ปลด เราเพียงแต่ถวายฎีกาในหลวง ให้ทรงวินิจฉัยว่าบทบาทประธานองคมนตรีถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือเปล่า"

บอกว่านพพร นามเชียงใต้ เป็นคนเสนอเรื่องนี้ เราถามว่าไม่ได้หารือกันหรือว่าจะมีผลอะไรตามมา

"เราประมวลภาพประมวลผลหมดแล้วว่ามันจะมีปัญหาไหม แต่เรามองแล้วว่าป๋าเปรมไม่ได้ทำตามบทบาทองคมนตรีในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัต
ริย์ทรงเป็นประมุข องคมนตรีเป็นที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ ต้องเป็นกลางทางการเมือง เราไม่ได้ยั่วยุ เราล่าชื่อถวายฎีกาแล้วก็จบ ไม่ว่าทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างไรก็น้อมรับ"

ดูเหมือนเขาจะตอบอยู่คำเดียว ซักอีกว่าสถานการณ์ตอนนี้คือการเปิดศึกระหว่าง 2 ขั้ว เมื่อคนวันเสาร์ออกมาล่อเป้า ไม่รู้สึกหรือว่าตกเป็นตัวจุดชนวน

"พี่หมายถึงเราเป็นเครื่องมือใช่ไหม เราไม่ได้ประเมินว่าจะเกิดความรุนแรง เพราะเราไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้ามีคนอีกฝั่งมองว่าเรายั่วยุ มันก็ไม่ใช่ ถ้าเกิดก็ไม่ใช่เกิดจากฝ่ายเรา ถ้าเขาจะมาป่วน ก็ต้องดูเหตุผล เรามีหลักฐานเอกสารให้ดู อย่ารักไม่ลืมหูลืมตา คุณสุริยะใสก็พูด คุณสนธิก็พูด เราบันทึกไว้หมด"

"เราเอาความจริงมาเสนอ บ้านเมืองตอนนี้ข้อมูลข่าวสารมันปิด พอเรามาเคลื่อนไหว คนได้ประโยชน์คือนักการเมืองก็จับมาโยงกัน"

(รัก) ทักษิณ

ครรชิตอ้างว่าคนวันเสาร์ไม่ใช่คนรักทักษิณทั้งหมด แค่เป็นส่วนใหญ่ 90%

"ผมมีคำถาม จนกระทั่งปัจจุบันคุณเห็นรัฐบาลไหนบ้างที่ไม่คอรัปชั่น เคยมีไหม อันที่สองคุณเคยเห็นไหมรัฐบาลไหนไปถึงรากหญ้า ให้โอกาสรากหญ้ารับการศึกษา ให้โอกาสในการทำมาหากิน ผมอายุ 56 แล้ว ผมยังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนทำได้อย่างเขา มาอ้างว่าเขาโกงเขากิน เปิดมารัฐบาลไหนไม่โกงกิน อาจจะมีที่อยู่แค่ 8 วันเพราะกินไม่ทัน นอกนั้นดำทั้งนั้น เราอยู่ในสังคมเราต้องมองเป็นกลาง ซ้ายสุดขวาสุดเป็นไปไม่ได้ แต่ให้ประเทศชาติอยู่ได้ คนทำมาหากินมีโอกาส มีโอกาสได้รับการศึกษา มีโอกาสใช้ชีวิตที่ดีขึ้น เท่านั้นพอแล้ว จะไปหวัง ไอ้นั่นยุคพระศรีอาริย์ครับ"

"ผมทำทุกวันนี้กล้าพูดได้เต็มปาก สลึงหนึ่งจากทักษิณยังไม่เคยได้เลย งานสักชิ้นจากทักษิณก็ไม่เคยได้ ถามว่าผมรักไหม ผมรัก รักเพราะเขาให้โอกาสกับคนยาก ผมเองมาจากชนบทมาอยู่กรุงเทพฯ ปี 2540 ผมมีหนี้ 100 ล้าน เรารู้ว่าอะไรเกิดขึ้น"

เราบอกว่าคนไล่ทักษิณเพราะผูกขาดอำนาจ เป็นอันตราย

"เขาคิดอคติ ผมอยากถามกลัวทักษิณตรงไหน ทักษิณทำความเจริญให้ประเทศชาติขนาดไหน คุณไปที่ไหนเขาก็ยกย่อง เรามีศักดิ์ศรีเทียมหน้าเทียมตาต่างชาติ ผมไปต่างประเทศผมบอกได้ว่า I come from Thailand แต่ปัจจุบันที่ไหนในโลกเขาก็ไม่รับ อันที่สองระหว่างทักษิณอยู่เขาทำความเจริญอะไรให้ประเทศชาติบ้าง 6 เดือนที่ผ่านมาที่บอกว่าเขาผิด ไม่มีหลักฐาน กรณีขายหุ้น ดีแทคก็ขาย ประมูลที่ ลูกสาวบรรหารโอนที่ธนารักษ์วันเดียวกันทำไมไม่เล่น เลี่ยงภาษีมันก็ทำกันทุกคน เขาอ้างว่าในฐานะผู้นำต้องมีจริยธรรมมากกว่าคนอื่น กฎหมายมันออกมาให้คนทั่วไปทุกคนปฏิบัติ ไม่ใช่ออกกฎหมายมาสำหรับนายกฯ นี่คือสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่ถูกต้องในประเทศนี้ เมื่อมันไม่ถูกต้องสังคมต่างชาติเขายอมรับไหมล่ะ เมื่อยอมรับไม่ได้ใครเขาจะมาทำธุรกรรมกับเราล่ะ ตราบใดมาตรฐานกฎหมายคนนี้ใช้คนนี้ไม่ใช้"

เวลา คตส.เปิดผลสอบออกมายกตัวอย่างบ้านเอื้ออาทร คิดอย่างไร

"บ้านเอื้ออาทรเป็นลักษณะทำงานแบบเทิร์นคีย์ ผมไปจับงานบ้านเอื้ออาทรมาผมโดนเองด้วย เก็บผม 17% ผมก็ไม่ทำ สิ่งที่เขาทำคือเป็นเทิร์นคีย์นะ มีงบอยู่แค่นี้คุณต้องทำในราคาขายเท่านี้ ผู้รับเหมารับมาก็ต้องไปคิดต้นทุนของเขา ทำอย่างไร วางสเปกอย่างไร เพื่อให้เขามีกำไรและสามารถส่งมอบให้การเคหะฯ ขายได้"

17% คืออะไร คือหัวคิวหรือ-อ้าว แล้วอย่างนี้เชื่อไหมว่ามีคอรัปชั่น

"ใจหนึ่งนะ ลึกๆ มันมี แต่ไม่มากหรอก เพราะถูกกำหนดราคาขาย ผู้รับจ้างทุกคนทำธุรกรรมต้องมีกำไร เขาโยนงานมาให้ผม ผมเห็นราคาผมบอกผมทำไม่ได้ ผมก็ไม่ทำ"

ก็เห็นมีเงินโอนเข้าไปในชื่อแม่บ้าน แสดงว่ามีคอรัปชั่น

"มันมี ผมบอกไงมันมีทุกรัฐบาล เพียงแต่ว่าจะไปจี้อะไร"

แล้วกล้ายางยุคยี้ห้อยล่ะ

"ทุกยุคทุกสมัย ลำไยโควตาผีมีมาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติแล้ว เพียงแต่ว่าจะขุดหรือไม่ขุด ยางพาราสมัยประชาธิปัตย์มีทุกปี"

แสดงว่าไม่สนใจ มองคอรัปชั่นเป็นประเด็นรอง

"เรามองความถูกต้อง และสังคมโลกที่ยอมรับ ทำไมผมร่วมกับกลุ่ม 19 ก.ย.ได้ เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเอาเผด็จการลงมา เขาก็ตีทักษิณ ผมไม่มายด์ เราเอาตัวหลักมาก่อนหลังจากนั้นมาทะเลาะกันได้ ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีปัญหา เราสู้กันตามปกติ เราไม่ใช่โปรทักษิณว่าเป็นเทวดาที่ไหน"

ตั้งเป้าหมายว่าทักษิณต้องกลับมาไหม

"ผมไม่มายด์ เป้าหมายของกลุ่มผมคือเอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมา มีรัฐบาล รัฐธรรมนูญปี 2540 มาจากประชาชนนะครับ เอารัฐธรรมนูญ 40 มีเลือกตั้งเร็วที่สุด ใครจะมาก็ได้ ประชาธิปัตย์มาก็ได้ เราไม่มายด์"

ยอมรับไหมว่าทักษิณคงกลับมาเป็นนายกฯ อีกไม่ได้

"เท่าที่ผมมองเกมนะ เขากลับมาเขายังไม่ลงหรอก เขาจะเว้นสักสมัยหนึ่ง เพราะใครเข้ามาตอนนี้บอกตรงๆ ช้ำ ทำงานเหนื่อย"

ยืนยันว่าพวกเขาจะสลายตัวถ้ากลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 40 เลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

แล้วถ้าประชามติออกมายอมรับรัฐธรรมนูญ 50 ล่ะ

"เป็นไปไม่ได้ อย่าไปกีดกันประชาชนสิ สังคมตอนนี้มัน one way communication จากคนดีก็กลายเป็นคนเหี้ยได้ จี้มันทุกวัน ตอนนี้ผมได้ข่าวมานะ ทุกหมู่บ้านแกนนำทั้งหลายโดนเรียกเข้ามาอบรมหมดแล้ว ในค่ายทหาร ทำถูกไหม แกนนำเครือข่ายของเราบอกมา ผมก็เข้าไปที่กรรมการสิทธิฯ ผมส่งสำนักข่าวต่างประเทศ วันนั้นแถลงข่าวผมส่งไป 200 กว่าแห่ง กลุ่มเราแถลงข่าวมา 70 กว่าคน หมอเหวงมา 5-6 คน ไม่ลง ไปลงหมอเหวง เราไม่มายด์ เราให้สังคมโลกรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นความสำคัญของนักข่าวไทย แต่เราเข้าใจว่ามันมีอำนาจกดอยู่ เราไม่โกรธ ต่อไปเราจะขอร้องนักข่าวทั่วโลกประณามประเทศไทย ประณามเผด็จการ ในเมื่อปิดกั้นเรา เราจะใช้ชื่อต่างชาติฟ้องชาวโลก อยู่ได้ก็อยู่ไป"


ถ้าชนก็ชน

มองพันธมิตรฯ อย่างไร

"ผมเฉยๆ เขาได้รับข้อมูลมาอีกอย่าง สิ่งที่เราให้เป็นข้อมูลอีกทางหนึ่ง เขาจะคิดหรือไม่คิดเป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาไม่คิดเราก็คิดอย่างเดียว เป็นบัวใต้ตม-จบ และไม่เกลียดเขา แต่ถ้ามาชนกับเรา-เราชน เราไม่มีนโยบายจะไปทำร้ายใครและไม่รุนแรง แต่ถ้าชนกันเราชน"

ตอนนี้สังคมแบ่ง 2 ขั้ว คนรักทักษิณกับคนเกลียดทักษิณที่มองต่างกันทุกอย่าง คิดว่าจะหาทางลงอย่างไร

"ประชาธิปไตยต่างคนต่างคิดเราบังคับกันไม่ได้ ในกลุ่มผมเองคนที่เกลียดทักษิณก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี แต่เราไม่มายด์ แต่เมื่อตัดสินใจว่าเดินกันอย่างนี้แล้วเราเดิน แต่ไม่ใช่บ้าทักษิณนะ เรารักเขา รักเขาเพราะเขาทำให้ประเทศ"

"สาเหตุที่เราพุ่งเป้าไปที่คนรักทักษิณเพราะอะไร เพราะนั่นคือ target group ของเรา 19 ก.ย.เขามีกลุ่มของเขา แต่ไม่มากเรียกพลังคงไม่ได้ PTV นั่นเขานักการเมืองจ๋าอยู่ข้างหลังเต็ม แต่กลุ่มเราไม่ใช่ เราคือประชาชนที่มีใจรักตรงนี้ เพราะฉะนั้นเรามองไปที่ target group ตรงนี้หลักการตลาดง่ายๆ เราเล่นด้วย management"

เมื่อแยกสองข้าง ไม่คิดหรือว่ามันจะวุ่นไปตลอด

"ไม่วุ่นหรอก เพราะอะไรรู้ไหม-ปากท้องเขา อีกไม่นานก็ออกมา ตอนนี้มันจะเจ๊งกันหมดแล้ว เมื่อปากท้องเจ็บแล้วมันถึงจะออก คนกรุงเทพฯ เห็นแก่ตัวที่สุด ไม่เจ็บไม่ออก ถามดูได้เลย บ่นว่าไม่ดีเลยแล้วทำไมไม่ออก ไม่รู้ออกไปทำไม โธ่..บางวันผมกลับแท็กซี่ เห็นเรามาตรงนี้ขึ้นฟรี ผมบอกไม่ได้คุณมีค่าใช้จ่าย-ค่าเช่า หลายครั้งเลย สิ่งที่ผมทำ เราออกมาเราไม่กลัวตาย คิดอย่างเดียวเกิดมาตายครั้งเดียว คนเห็นไม่เห็นไม่รู้ เราภูมิใจตัวเรา"

ไม่กลัวหรือว่าจะเกิดการปะทะของ 2 ขั้วแล้วสังคมจะวิกฤติจนไม่มีทางออก

"ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เหตุและผล-ข้อมูล พวกนั้นได้รับข้อมูลอย่างไรมา ให้ข้อมูล 2 ทางหรือเปล่า เราอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตนะ สังคมเปิดกว้างเรารับรู้ข่าวสาร พวกนั้นเขาได้รับรู้จาก ASTV อย่างเดียว แม้กระทั่งในหมู่บ้านผมตอนแรกมีผมอยู่คนเดียว 93 หลัง ตอนนี้ครึ่งกว่าแล้วครับ เพราะอะไร-เพราะเจ๊ง อย่างกลุ่มสีลมเจ็บแล้วแต่ออกมาไม่ได้เพราะเสียหน้าเคยด่าเขาไว้ ตอนนี้เจ็บกันเป็นแถว เซ็นทรัลตอนนี้ยอดขายต่ำสุดในรอบ 10 ปี"

คุยว่าเขาเป็นประธานหมู่บ้าน ก่อนนี้แตกแยกกันมากแต่ตอนนี้กลับมาคุยกันแล้ว

"ผมชักธงอยู่หลังเดียว-ผมไม่สน ความถูกต้องอยู่ตรงไหนวะ ผมไม่เรียกประชุมมันทั้งปีเลย ใครเอาอะไรมาผมเซ็นให้อย่างเดียว แต่ผมไม่เรียกประชุมกรรมการ ตอนนี้ครึ่งกว่าแล้วเริ่มเจ็บแล้วนี่ ส่วนใหญ่ทำธุรกิจทั้งนั้น ผมบอกสิ่งที่คุณฟังมาฟังมาทางเดียว one way communication เอะอะอะไรก็ข่าวมาจาก ASTV คนเรานะถ้าเพ่งไปที่ตรงนี้จะไปเปลี่ยนเขาไม่ได้ ต้องให้เขารู้สึกตัวเขาเองว่านี่คืออะไร"

เราบอกว่าสมัยทักษิณชาวบ้านก็รับสื่อทางเดียวเหมือนกัน

"คุณมีลูกกี่คนแต่ละคนเหมือนกันไหม คนนี้เด่นตรงนี้ คนนี้เด่นตรงนี้ นิ้วเรายังไม่เท่ากันเลย เวลาเขาตีเขาพยายามตีว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องขาวบริสุทธิ์ ตัวมันเองยังไม่ขาวเลย เป็นไปไม่ได้"

แยกกันเดิน

ยืนยันว่ากลุ่มเขากับกลุ่มพิราบขาวและพีทีวีไม่เกี่ยวข้องกัน

"ดูนโยบายและกิจกรรมที่เราทำอาจจะมีแฟนคลับของแต่ละกลุ่ม เพียงแต่แกนหลักของเราที่ทำและกิจกรรมที่เราทำต่างกันโดยชัดเจน ของเราจะไม่มีนักการเมือง บอกตรงๆ เลยก็ได้ เขาวิ่งเข้ามาหาเราจะให้เราทำโน่นทำนี่ ผมบอกถ้าคุณช่วยคุณช่วยผ้าป่าเรา อย่าชี้นำเรา-เป็นไปไม่ได้ เราไม่เอา แม้กระทั่งเรื่องเสนอฎีกาปลดป๋าเปรม นี่ก็คือไอเดียเรา เขาบอกอย่าแตะ แต่ไม่ได้นี่คือนโยบายเรา"

"กลุ่มเราตอนแรกบอกตรงๆ เลยเราไม่ต้องการออกหน้า เมื่อจบแล้วเราก็กลับไปทำมาหากินของเรา เราไม่มีเป้าหมายทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น คนมองว่าเรามีเทคโนโลยีสูง เงินพวกเราเองทั้งนั้นขาดเหลืออะไรเราช่วย อย่างพิราบขาวเราถ่ายทอดวิทยุให้เขาทุกคืน เขามาด่าเราเราก็ยังถ่ายทอดให้ หมอเหวงนี่ผมด่าเช็ดเลย วันแรกด่าทักษิณ เฮ้ยถ้าคุณจะเอามวลชนอย่าด่าเลย มีอะไรไม่พอใจเก็บไว้ข้างใน เราดึงมวลชนมาเพื่อเล่นตรงนี้ก่อน เอาเผด็จการลงมาก่อน คุณด่าทักษิณเมื่อไหร่มวลชนหายจะตีกันเองด้วย"

"พีทีวีเขาพยายามส่งคนมาประสานกับเรานะ ประสานในลักษณะมาชี้นำให้เราทำ-เราไม่เอา แล้ววันนั้นที่ผมโกรธที่สุดเลย เขาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่าถ้าเขาตั้งไม่ได้ เขาจะมาใช้เวทีคนวันเสาร์ฯ ผมบอกผมไม่ให้นะโว้ย มึงมาเมื่อไหร่หลังกูเปื้อนเลย เราจะโดนการเมืองเต็มที่ ความสะอาดความบริสุทธิ์ของเราจะหายไปหมด"

คุยๆ กันมีสมาชิกหนุ่มคนหนึ่งมานั่งด้วย บอกชื่อเล่นว่าเขาชื่อหนูแดง ประกอบธุรกิจส่วนตัวรู้จักกันในอินเทอร์เน็ต เมื่อคนวันเสาร์ฯ บอกว่าใครอยากร่วมให้เสนอตัวก็เสนอเข้ามา

ครรชิตบอก "เราโพสต์ไว้ว่าใครมีความสามารถอะไร ใครมีความรู้ด้านสื่อมาทางนี้ ด้านคอมพิวเตอร์ทางนี้ ด้านมาร์เก็ตติ้ง ลงชื่อกันจัดเป็นองค์กร แรกๆ ก็มาแค่คนสองคน-กลัว พวกที่ออกมาสนามไม่ได้ ในเว็บบอร์ดร่อนเลย อี-เมล์ช่วยกระจาย"

หนูแดงมาตัดพ้อเรื่องสื่อ "เวลามีข่าวว่ามีท่อน้ำเลี้ยงบอกตรงๆ ว่าไม่โกรธเลยนะแต่ขำ ตอนนี้มองเป็นเรื่องตลกไปเลย เพราะเราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ บางครั้งอาจจะมองว่าไม่เถียงแสดงว่ายอมรับ เถียงจนปากจะฉีกอยู่แล้ว ทุกวันนี้ไม่เถียงดีกว่า เดี๋ยวก็เห็นเองว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร"

ครรชิตเล่าว่าไม่กี่วันก่อน อดีต ส.ส.ไทยรักไทยคนหนึ่งมาหลังเวที "เดี๋ยวหลังสงกรานต์ผมจะออกมา ผมด่าเช็ดเลย ไอ้ใจหมาจะออกก็ออกมาสิ ทุกวันนี้มึงเป็นประชาชนนะไม่ใช่ ส.ส. กูออกมาตรงนี้แต่ผลประโยชน์พวกมึงได้ มันเดินหนีผมเลย"

"คนที่ได้ผลประโยชน์คือนักการเมืองนะ" หนูแดงยอมรับ "เราต้องการให้ประเทศกลับไปเป็นประชาธิปไตย มันเป็นผลประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ แต่เราออกมาเรียกร้องในสิ่งที่เราต้องการ เพราะเราทนไม่ได้กับระบอบบ้าๆ บอๆ อย่างนี้ แต่คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ คือนักการเมือง เราเป็นประชาชนเราก็กลับไปทำมาหากินของเราเหมือนเดิม"

"ความสัมพันธ์ที่เรามีกับคนวันเสาร์ฯ มันเป็นปรากฏการณ์ เป็นอะไรที่มันมหัศจรรย์ เพราะคนไม่รู้จักกันเลย ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันออกมาอย่างนี้ เคยดูหนังเรื่อง Alive ไหมที่เครื่องบินตกที่ชิลี ทุกปีเขาต้องมารวมกัน พวกเราถึงเวลาอาจมารวมกัน คุยกัน แต่ทุกคนก็ใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่ที่เราทำวันนี้เพราะไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก และเราหวังว่ามันจะไม่มีอีกแล้ว"

หันมาถามหนูแดงบ้างว่า ภาพของคนรักทักษิณมาไล่รัฐประหารจะเป็นปัญหาไหม

"ถ้ามองให้เป็นปัญหาก็เป็น ผมเองพูดตรงๆ ผมไม่ได้เชียร์ทักษิณ แต่ผมยอมรับนโยบายของทักษิณ และอย่าลืมว่าคนส่วนใหญ่ ถ้าเราไม่อคติ คนส่วนใหญ่ก็เอาทักษิณ ถ้าจะมาโยงภาพว่าคนวันเสาร์ฯ เอาทักษิณ คนวันเสาร์ฯ บางคนก็ไม่เอาทักษิณเลย แต่ส่วนใหญ่เขาเอา เราก็ต้องหยิบตรงนี้ขึ้นมา แต่ถามว่าจะมานั่งเชียร์ให้เขากลับมาเป็นนายกฯ ไหม นั่นต้องแล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่ เราไม่มีอำนาจพอที่จะบอกว่าเราต้องการให้ทักษิณกลับมา เราไปพูดอย่างนั้นถ้าทักษิณไม่กลับมาก็เสียหมาสิ มันขึ้นอยู่กับตัวท่านทักษิณด้วยว่าจะกลับมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย ต้องยอมรับว่าคนรักทักษิณมีเยอะ แต่ว่าคนเกลียดทักษิณมีไหม-มี ผมก็เคยปะคารมกับคนที่ไม่ชอบทักษิณ เขาบอกทักษิณแทรกแซงองค์กรอิสระ อืมแล้วยังไงอีกล่ะ ผมให้เขาอธิบายให้ฟังหน่อย บอกตรงๆ อธิบายไม่รู้เรื่องเลย เขาก็ถามผมว่าทักษิณดีตรงไหน ดูที่นโยบายสิว่าเขาทำได้ไหม"

"ถ้าทักษิณผิดไปจับมา เอาข้อหายัดให้เขา จับเขาลงโทษเขา ทำไปเลย แต่ทุกวันนี้พิสูจน์อะไรได้บ้างไหมล่ะ คมช.มีอำนาจขนาดไหน ทำไมไม่ทำ 7 เดือนแล้วทำอะไรเขาได้หรือเปล่า ตอบคำถามไม่เคยได้ คุณหญิงจารุวรรณว่ายังไง เดือนหนึ่งฟ้องได้แล้ว นี่กี่เดือนแล้วล่ะ คตส.ส่งฟ้องทุกคดีผมเชียร์นะ เอาผิดให้ได้ ผมไม่ชอบการใส่ร้ายป้ายสี ที่ผ่านมาบอกทักษิณโกงๆ ก็บอกมาสิว่าโกงตรงไหนบ้าง ก็เป็นอย่างที่เห็น คมช.มีอำนาจเหลือล้น แต่คุณทักษิณขยับตัวทีหนึ่งดิ้นเป็นเจ้าเข้า-อายเขา มันไม่เหลือภาพความน่าเชื่อถือ"

"4 ข้อที่ตั้งข้อหาไปเรามองมาตลอด เราก็ไม่เห็นด้วยกับ คมช.มาตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อเขามี 4 ข้อหา อ้าว..ผิดยังไงพิสูจน์มา แล้วเราจะฟัง ทุกวันนี้มันลักษณะว่าไปชี้ว่าไอ้นี่เป็นปอบ แล้วพิสูจน์ตรงไหนได้บ้าง หรือว่าอยู่ดีๆ เขานั่งเชือดไก่แล้วเลือดไก่กระเด็นใส่ปากก็สรุปว่าเขาเป็นปอบแล้ว เพราะฉะนั้นเอาหลักฐานมา"

แต่คอรัปชั่นบางอย่างอาจจะจับไม่ได้

"ถ้าคอรัปชั่นแล้วจับไม่ได้ ผมว่าคุณไม่มีประสิทธิภาพในการจับ ผมเบื่อคำว่าไม่มีใบเสร็จ แม้แต่มีเจตนาโกงก็เอาผิดเขาให้ได้สิ อำนาจก็มีในมือ ตอนนี้มีอำนาจขนาดนี้ทำไมไม่ทำเล่า เพราะฉะนั้นคำนี้ฟังแล้วน้ำหนักมันเริ่มลด ดำเนินคดีตอนเขาไม่อยู่นี่แหละสะดวกที่สุดแล้ว ถ้ากลัวว่าเขากลับมาประชาชนจะลุกฮือ ส่งฟ้องไปสิ พายเรือกันในอ่างอยู่นั่นแหละ ป้าจารุวรรณ พี่แก้ว แล้วคุยโว"

แหม..พูดยังกะพันธมิตรฯ ทวง 4 ข้อหาเปี๊ยบ


ล้อมกรอบ 1

แกนนำ

คุยไปคุยมา ครรชิตเล่าประวัติเพิ่มเติมว่าเขาเคยเป็น นรต.รุ่น 28 มีเพื่อนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนทั้งใน สตช.และ บช.น.

"ผมเป็น นรต.28 แต่ไม่จบออกมาก่อน ผมจบปริญญาตรีวิศวะ ปริญญาโทวิศวะ ปริญญาโทบริหาร ลูกผมปริญญาโทวิศวะคอมฯ กับปริญญาโทบริหาร ส่งไปอเมริกา 12 ปี ลูกสาวจบมหิดลไปต่ออังกฤษ"

"พวกเรามัน clean ประวัติเรามัน clean"

เล่าอีกว่าสมัยวิกฤติปี 40 เขาเจ๊ง 100 ล้าน ไม่มีเงิน มีทรัพย์สินก็ขายไม่ได้ มีที่ดินต่างจังหวัด 1,700 ไร่ ซื้อมาไร่ละ 9 พัน มีคนขอซื้อไร่ละพัน เอาไว้เป็นที่หมาเยี่ยวดีกว่า

หลังจากนั้นก็กลับมาทำธุรกิจจนหนี้สินเหลือสิบกว่าล้าน เกิดรัฐประหารพอดีคราวนี้ตัวแดงกลับขึ้นไปใหม่ ถ้าจะบอกว่ามีผลประโยชน์ก็ใช่ เพราะเขาเห็นว่ารัฐประหารทำให้ทุกอย่างสะดุดหมด

สุชาติบอกว่าเขาทำงาน 6 อย่าง เช่น บริษัทประกัน มินิมาร์ท มีร้านขายก๋วยเตี๋ยวในห้าง ทำงานการตลาด

แกนนำของคนวันเสาร์ฯ มีสิบกว่าเกือบยี่สิบคน ที่ร่วมประชุมตัดสินใจ

"แต่เราจะโพสต์ให้สมาชิกแสดงความเห็นก่อน แล้วเอาความเห็นนั้นมาสรุปกันอีกที นี่คือการทำงานของเรา"

ในสิบกว่าคนมีไม่ถึงครึ่งที่เปิดเผยตัว นอกจากครรชิตกับสุชาติ ตันติธนไพศาล, สุชาติ นาคบางไทร แล้วก็มีสุชาย บุญชัย, นพพร นามเชียงใต้ และวิภู แถลง โฆษกของกลุ่ม

"คุณวิภูจบ MBA เป็นวิทยากรบรรยายการตลาด เป็นหุ้นส่วนบริษัทก่อสร้าง และเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อครัวทักษิณ เพราะเขาอยู่ภาคใต้ ไม่ใช่หมายถึงทักษิณ" สุชาติเล่าพร้อมกับหัวเราะ

ซักว่าทำไมแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ถึงไม่เปิดตัวออกมาทั้งหมด เปิดให้ชัดเจนว่าเป็นใครทำงานอะไรที่ไหน เหมือนกลุ่ม 19 กันยาที่บอกเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์

"วันที่ล้ม คมช.ได้ทุกคนจะเปิดเผยตัว แต่ตอนนี้เปิดไปจะเป็นผลเสียหรือเปล่า ถ้าเราถูกปิดกั้น ถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า แต่ผมไม่กลัวที่จะเปิดตัวแต่คนอื่นไม่รับประกันทุกคน"

ทำไมไม่เปิดต่อสาธารณะ คิดหรือว่าฝ่ายข่าวกรองของรัฐบาลของทหารจะไม่รู้ ถ้าเขาตามตรวจสอบจริงจัง การไม่เปิดตัวจะยิ่งทำให้ถูกเคลือบแคลง

เขาโอดว่าอยากให้เข้าใจพวกเขาบ้าง ว่าทุกคนเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง แต่ขึ้นกับความพร้อม "อย่างคุณนพพรพร้อมก็เปิด แกบอกว่ามีมรดก มีบ้านเช่า มีธุรกิจ คุณวิภูก็ทำบริษัทก่อสร้าง แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อกลัวเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนจะเดือดร้อน เหมือนผมก็ไม่อยากบอกพี่ว่าผมเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ห้างไหน เราเปิดพอให้เคลียร์ระดับหนึ่ง"

แต่นั่นคงเป็นข้อเรียกร้องของสังคมอยู่ดีว่า ถ้าคนวันเสาร์ฯ ต้องการเคลียร์ตัวเองให้ชัด พวกเขาทุกคนก็ต้องกล้าเปิดตัวต่อสาธารณะ



ล้อมกรอบ 2

เงิน

ถามตรงๆ ว่าเขาเอาเงินมาจากไหน เพราะการเคลื่อนไหวแบบนี้ต้องใช้เงิน

"โอเค พูดถึงรายรับ ทุกคนจะไม่เข้าใจว่าเรามีรายรับมาจากทางไหน สมาชิกเรา 2,000 คน เราเก็บค่าสมาชิกจากเว็บเราคนละ 500 บาทต่อเดือน ทุกคนลงขัน นี่คือทางที่หนึ่ง ทางที่สองบริจาค เวลาเรามีกิจกรรมเราก็จะโพสต์ที่หน้าเว็บว่าเรามีกิจกรรมตรงนี้นะ ใครอยากบริจาคเชิญ อันที่สามผ้าป่าประชาธิปไตย แล้วรายจ่ายอาจจะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ตรงนี้มีค่าใช้จ่ายเยอะ ไม่ใช่เลย แรงงานทั้งหมดพวกเราเอง ถ้าคุณมาตอน 5 ทุ่ม ทุกวันเสาร์ที่เราเลิก คุณจะเห็นพี่ของเราคนหนึ่งอายุ 60 กว่ายกของ เราทุกคนช่วยกันยก ตรงนี้มันหาไม่ได้ นี่คือพลังประชาชนผู้บริสุทธิ์ ณ วันนั้นแม้กระทั่งตำรวจก็หลั่งน้ำตาให้เรา เพราะตำรวจไม่ให้เอารถเข้า รถเราจอดหน้าวัดมหาธาตุ ประชาชนต่อแถวยกข้าวของเข้ามากัน"

ถ้าบอกว่าทุกคนควักส่วนตัว เฉพาะตัวเขาใช้ไปเท่าไหร่แล้ว

"ตัวผมไม่ต่ำกว่า 3 แสน แต่ธุรกิจบริษัทเสียหายไป 2 ล้านกว่า ผมมีพนักงาน 30 กว่าคน ปัจจุบันผมมีอยู่ 8 คน เพราะเราไม่ไหวงานไม่เข้าเลย 7 เดือน คนทำธุรกิจเขาสนับสนุนออกหน้าไม่ได้ เราทำงานกับเขาถ้าเราออกมาตรงนี้เขาก็เสีย"

สุชาติบอกทำนองเดียวกัน "เสียโอกาสทางธุรกิจ ที่ผมเคยรับบรรยายก็หายไป บริษัทประกันก็เสียโอกาสหาลูกค้า มินิมาร์ทก็ไม่ได้ไปดูแล เราสู้ด้วยใจจริงๆ นะ คุณสนธิบอกได้หัวละ 300 ดูถูกประชาชนมากเลย ทำไมสื่อไม่ให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ หาว่ารับจ้าง หาว่าเป็นพวกกุ๊ยพวกม็อบเถื่อนรับเงินจากทักษิณ บางทีเราก็อยากให้ส่งมาเหมือนกัน พวกเราจะได้ประหยัด เบาตัวขึ้น ไม่มีเลยครับ เงินส่วนตัวทั้งนั้น"

"สื่อมวลชนไม่ค่อยเสนอข่าวทั้งๆ ที่เราส่งออกไป แต่มาบอกว่าเราเป็นม็อบรับจ้าง เราเสียกำลังใจนะ ควักเงินส่วนตัวไปเยอะ แต่ละคนก็มีหน้าที่การงาน บางทีสมาชิกโทร.ถามวันนี้จะเข้ามาไหม-เข้ามา งั้นเอามาม่ามาด้วยนะ 2 ลัง เราช่วยกัน เราไม่ใช่ม็อบที่ไม่มีความรู้ แม้แต่นักบินก็มี มารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรามาด้วยใจ วันนั้นมีกลุ่มหนึ่งไปไล่ตีกับเทศกิจ มติชนก็ลงว่าเป็นกลุ่มคนวันเสาร์ฯ"

ซักว่าตั้งแต่เปิดเวทีมาใช้เงินเท่าไหร่ ครรชิตบอกเพียงว่า "หลายแสน"

เราสงสัยว่าเท่านั้นเองหรือ น่าจะหลายล้านนะ

"ไม่ถึง ทั้งหมดอาสาสมัคร ไม่มีเงินทองไม่มีการจ้าง ผมเอารถมาน้ำมันผมเติม แม้กระทั่งถ่ายทอด แต่ละคนเอาโน้ตบุ๊คมาช่วยกัน"

นั่งๆ คุยกันมีผู้หญิงคนหนึ่งหิ้วกับข้าวมาสมทบ 2 ถุงใหญ่ๆ เขาได้โอกาสชี้ให้ดูว่านั่นไงทุกคนข่วยกัน

วันรุ่งขึ้นหลังสนทนาเราติดต่อสุชาติอีกครั้ง ขอให้ช่วยสรุปรายรับรายจ่ายคร่าวๆ ของกลุ่มคนวันเสาร์ตั้งแต่เคลื่อนไหวมาว่าใช้ไปเท่าไหร่แน่ เขารับว่าจะติดต่อคนทำบัญชีให้ แต่ก็ตอบกลับมาอีกครั้งว่าคุยกับหลายคนแล้ว ฝากไทยโพสต์ช่วยบอกกระทรวง ICT หน่อยว่าอย่าบล็อกเว็บไซต์ saturdayvoice.com เพราะพวกเขาเปิดเผยที่มาของเงินบริจาคไว้บนเว็บไซต์ทั้งหมด มีรายละเอียดว่าได้เงินบริจาคผ้าป่าประชาธิปไตยมาเท่าไหร่

"เราเปิดบัญชีชื่อของคุณสุชาย (บุญชัย) ให้คนโอนเงินเข้ามา เราทำแบบเดียวกับสนธิ"

บอกด้วยว่าคนโอนมามีทั้งจากอเมริกา จากยุโรป "ถ้าพวกเราระดมทุนกันเอง ทุกคนเทกระเป๋าออกมา 5-10 ล้านเราก็หาได้"

ซักว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นเขาจะบอกตัวเลขคร่าวๆ ให้เราได้ไหม สุชาติตัดพ้อ

"พี่ถามเหมือนกับจะมาตรวจสอบเรา บางทีผมก็เสียใจนะ ทำไมไม่ไปตรวจสอบ คมช.ว่างบ 1,200 ล้าน วันที่ 19 เขาใช้อะไรบ้าง สนธิบอกว่าหมดไป 400 ล้าน เอามาจากไหน"

เขายืนกรานว่าให้กระทรวง ICT เลิกบล็อกเว็บฯ แล้วทุกคนจะเห็นเอง พร้อมกับยืนยันว่าค่าใช้จ่ายไม่มากอย่างที่คิด เพราะแต่ละคนเสียสละมา

"มีคนหนึ่งที่บ้านทำกิจการขนส่ง เขาเอารถมาช่วย มีพี่ที่ทำร้านอาหารเขาทำอาหารมาช่วย ทีมงานก็ใช้พวกเรา ผมไม่ใช่คนที่เคยทำงานยกของแต่ต้องมาเก็บเวทียกเวที พี่ยิ้ม (ครรชิต) เป็นคนเขียนป้ายติดป้าย"

เล่าอีกว่า มีสมาชิกคนหนึ่งทำงานสารพัดอยู่ในม็อบเหมือนกุลี แต่ตอนนี้ขอลาชั่วคราวเพราะต้องบินไปเยี่ยมแฟนที่อังกฤษ "เยี่ยมแฟนนะครับไม่ได้ไปเยี่ยมทักษิณ (หัวเราะ)".

===============




Create Date : 21 เมษายน 2550
Last Update : 27 เมษายน 2550 5:01:23 น. 0 comments
Counter : 1979 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

เพื่อน รสนา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เพื่อน รสนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com