กันยายน 2557

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
การสาวเส้นไหม

1. การเตรียมรังไหม ก่อนที่จะทำการสาวไหม ให้ทำการคัดเลือกรังไหมที่จะทำการสาวก่อน โดยคัดรังดีออกจากรังเสีย นำรังดีมาทำการสาวเส้นไหมเพื่อให้ได้เส้นไหมที่มีคุณภาพ
2. การต้มรังไหม น้ำที่นำมาต้มรังไหมจะต้องมีการตรวจคุณภาพในเบื้องต้นก่อน เพราะการสาวไหมคุณภาพของน้ำต้มสาวมีความสำคัญต่อคุณภาพเส้นไหมมาก น้ำกระด้างไม่ควรใช้ ระดับความเป็นกรดเป็นด่างควรอยู่ที่6.8-8.4 คือสภาพน้ำเป็นกลางค่อนไปทางด่างมากกว่า และน้ำต้องเป็นน้ำที่สะอาด เริ่มจากการต้มน้ำให้เกือบเดือดประมาณ 90 องศาเซลเซียส จากนั้นนำรังไหมที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อต้มสาวโดยการนับจำนวนรังไหมในเบื้องต้น คือ พันธุ์ไทยพื้นบ้าน ประมาณ 120-130 รัง (ขนาดเส้นไหมประมาณ 150-200 ดีเนียร์)และในขณะสาวให้รักษาระดับความร้อนของน้ำที่ 60 องศาเซลเซียส
3. การสาวเส้นไหม แบ่งการสาวออกเป็ 3 ชนิด คือ
3.1 การสาวไหมเปลือกรัง หมายถึง การสาวเส้นจากเปลือกรังชั้นนอก ใช้ไม้ไผ่ลักษณะแบน ขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่าไม้คืบ ใช้ไม้คืบค้นรังไหมในหม้อสาวเพื่อหาเงื่อนเส้นไหมดึงขึ้นมาจากหม้อสาว มีเส้นขนาดใหญ่และหยาบ ซึ่งจะมีปริมาณประมาณ 15-20 เปอร์เซนต์ เรียกว่า เส้นไหมเปลือก หรือไหมหลืบ หรือไหมสาม ขนาดเส้นไหม ตั้งแต่300-500 ดีเนียร์
3.2 นำรังไหมที่ทำการหลืบแล้วมาใส่ลงในหม้อสาวแล้ว ใช้ไม้ไผ่ลักษณะแบนขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่าไม้คืบ ใช้ไม้คืบค้นรังไหมในหม้อสาวเพื่อหาเงื่อนเส้นไหมดึงขึ้นมาจากหม้อสาวผ่านไปที่พวงสาว คล้องพันกับลูกรอก จากนั้นก็พันเกลียวเส้นไหมเพื่อรวมเส้นไหมที่ออกมาจากหลายๆรังที่เราได้ใส่ลงในหม้อช่วงแรกของการเริ่มสาวเข้าด้วยกันให้เป็นเส้นเดียว จากนั้นก็ทำการดึงเส้นไหมออกจากรังไหมหรือที่เรียกว่าสาวไหม ซึ่งอาจจะใช้วิธีดึงสาวลงในกระบุงหรือสาวม้วนเข้าอักหรือเหล่งโดยตรง ในขณะที่กำลังสาวให้สังเกตดูรังไหม หากเห็นว่ามีรังไหมบางส่วนที่สาวเปลือกรังหมดแล้วก็ให้ทำการเติมรังไหมลงในหม้อต้มสาวทดแทนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาปริมาณรังไหมให้คงที่ตลอดเวลาของการสาวไหม ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมขนาดของเส้นไหมได้ระดับหนึ่ง คือ ขนาดประมาณ 150 / 200 ดีเนียร์ เรียกเส้นไหมที่สาวได้ว่า ไหมหนึ่งหรือไหมน้อย
3.3 การสาวไหมที่มีการสาวติดต่อกันทั้งเปลือกรังชั้นนอกและเปลือกรังชั้นใน และจะต้องมีการเติมรังไหมลงในหม้อต้มสาวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เส้นไหมที่ได้ออกมามีการปะปนกันของเปลือกรังชั้นนอกและชั้นใน ลักษณะเส้นไหมค่อนข้างหยาบและมีขนาดใหญ่กว่าไหมหนึ่ง เรียกว่า ไหมสอง หรือสาวไหมรวมหรือไหมเลย ขนาดตั้งแต่250-350 ดีเนียร์
4. การทำไจไหม
การทำใจไหมเป็นขั้นตอนที่ต่อจากการสาวเส้นไหม อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำใจไหม เรียกว่า เหล่ง ซึ่งมีขนาดเส้นรอบวงเท่ากับ 135-155 เซนติเมตร นำเส้นไหมที่สาวได้มากรอใส่ในวงรอบของเหล่ง เพื่อทำเป็นไจไหมที่มีขนาดเส้นรอบวงมาตรฐาน และแต่ละไจไหมควรมีน้ำหนักประมาณ 80-100 กรัม โดยในระหว่างการกรอจะมีแขนที่ติดอยู่กับเหล่งทำหน้าที่ในการควบคุมให้เส้นไหมที่กรอม้วนทับกันเป็นแบบสานตาข่าย หรือที่เรียกว่าไดมอนด์ครอส เพื่อช่วยให้การจัดเรียงเส้นไหมในใจไหมให้มีระเบียบ เมื่อนำมาทำการกรอเข้าหลอดเพื่อใช้ในการทอผ้าสามารถทำได้รวดเร็ว ทั้งนี้ในแต่ละใจจะต้องทำการแบ่งเส้นไหมในแต่ละไจออกเป็น 4-6 ส่วนหรือที่เราเรียกว่า การทำไพไหม โดยใช้เส้นด้ายร้อยเพื่อแบ่งเส้นไหมเป็นเปราะๆประมาณ 5 เปราะ ในแต่ละตำแหน่งเพื่อไม่ให้เส้นไหมในไจกระจายออกพันกัน ด้ายที่ผูกไพไว้ควรมีการเผื่อความกว้างไว้ตำแหน่งละ 8-10 เซนติเมตร ควรมีการเก็บรักษาเงื่อนหัวท้ายของเส้นไหมไว้ด้วย เพื่อความสะดวกในนำไปทำการลอกกาว ย้อมสีและทอผ้า
เส้นไหมที่สาวแล้วนำมาผ่านกระบวนการทำใจไหมมาตรฐาน ก็จะเป็นเส้นไหมมาตรฐานพร้อมใช้เพื่อการแปรรูปต่างๆและทอผ้าชนิดต่างๆได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

คลิกเพื่อดูรูปขนาดจริง คลิกเพื่อดูรูปขนาดจริง

คลิกเพื่อดูรูปขนาดจริง คลิกเพื่อดูรูปขนาดจริง

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : www.qsds.go.th/monmai/cloth_history.php?cloth_id=4




Create Date : 29 กันยายน 2557
Last Update : 10 ตุลาคม 2557 10:30:08 น.
Counter : 616 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1576963
Location :
ร้อยเอ็ด  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มาเริ่มต้นรู้จักกัน