ลักษณะ เป็นโรคนี้มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ

1.เป็นพาหะ ซึ่งเกิดจากธาลัสซีเมีย ผู้ที่เป็นพาหะสามารถถ่ายทอดผ่านทางยีนที่ผิดปกติไปให้ลูกได้ในอนาคต

2.เป็นโรคธาลัสซีเมียผิดปกติที่ได้รับมาจากทางพ่อและแม่

ธาลัสซีเมียพบมากขนาดไหน โดยที่ประเทศไทยและทั่วโลกถูกพบมากกว่า 30% โดยประมาณ 20 ล้านคน และมีผู้สูงอายุที่มีพาหะของโรคถึง 1% หรือประมาณ 6 แสนคน โดยผู้สูงอายุถือเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย เจ้าหน้าที่จาก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นนทบุรี เปิดเผยว่า ธาลัสซีเมียมีอยู่ 2 ประเภท คือ 1.เราเรียกว่าแบบ Alpha 2.เราเรียกว่าแบบ Beta

โดยประชากรในแต่ละภาคของประเทศไทยก็จะเป็นธาลัสซีเมียที่แตกต่างกันไป เช่น ทางภาคอีสานจะพบผู้สูงอายุที่เป็นโรคธาลัสซีเมียแบบ Beta, ทางภาคเหนือของประเทศจะพบผู้สูงอายุที่เป็นโรคเลือกจางแบบ Alpha

อาการของผู้สูงอายุที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย

1.เป็นแบบชนิดรุนแรงที่สุด ทารกจะเสียชีวิตทั้งหมด โดยทารกสามารถที่จะเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา หรือขณะคลอดหรือแม้กระทั่งหลังคลอด

2.มีอาการในขวบปีแรก เด็กทารกจะมีอาการท้องป่อง ร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนแรงง่าย โตไม่สมบูรณ์ โดยผู้สูงอายุจะมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวาน ตับแข็ง หัวใจล้มเหลวในบางราย และจะมีภาวะแทรกซ้อนของธาตุเหล็กที่มีมากเกินไป

3.ในกรณีนี้จะเป็นส่วนใหญ่ที่ผู้สูงอายุจะมีอาการไม่รุนแรง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน แนะนำว่าอาการเริ่มต้นนั้นตามร่างกายของผู้สูงอายุจะซีดเล็กน้อย มีภาวะของตัวเหลือง ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดได้ว่าเป็นโรคตับหรือดีซ่าน

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ pantip แนะนำว่าการรักษาผู้สูงอายุที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย มีดังนี้

1.การดูแลสุขภาพโดยทั่วๆไป เช่น การออกกำลังกายต้องไม่หักโหมจนเกินไป ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทานอาหารที่มีประโยชน์และโปรตีนสูง เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์ โดยสามารถเน้นไปที่อาหารที่มีวิตามินของโฟเลตสูง ควรรับประทานผักสด เพราะผักสดจะช่วยให้การสร้างเม็ดเลือดแดงดีขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ เลือด ยาบำรุงธาตุเหล็ก น้ำเต้าหู้ น้ำชา

2.การรับเลือด ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านพักคนชรา iCare Seniors Home แนะนำว่า การรับเลือด จะทำให้ผู้สูงอายุที่มีอาการซีดได้รับเลือดที่มากขึ้นและจะช่วยประคองอาการให้ดียิ่งขึ้น โดยหลังจากการรับเลือดแล้วจะทำให้หน้าของผู้สูงอายุไม่เป็นแปลงไปมาก การรักษาแบบนี้ไม่ได้ทำให้หายจากโรคเลือดจางได้ แต่จะต้องได้รับการรับเลือดอย่างสม่ำเสมอและพอเหมาะ ข้อที่ต้องระวังสำหรับผู้สูงอายุ ก็คืออาการของภาวะแทรกซ้อนจากการรับเลือดอีกด้วย

3.การใช้ยาขับธาตุเหล็กจะฉีด สัปดาห์ละ 5-6 วัน เพื่อป้องกันมิให้มีธาตุเหล็กมากจนเกินไป โดยการขับยาธาตุเหล็กนี้จะใช้เวลาวันละ 10 – 12 ชั่วโมง ต่อวัน

4.การตัดม้าม จะขึ้นอยู่กับวินิฉัยของแพทย์ โดยมากแล้วการตัดม้ามจะทำก็ต่อเมื่อม้ามโตจนทำให้การให้ไปทำลายเม็ดเลือดแดง โดยการตัดม้ามก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อบางชนิดได้ง่ายขึ้นด้วย

5.การปลูกถ่ายเซลล์ เป็นวิธีเดียวที่สามารถรักษาโรคธาลัสซีเมียให้หายขาดได้แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากตามไปด้วย

6.การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ คือ ต้องเตรียมเซลล์ต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์จากบิดามารดา มาเปลี่ยนในยีนของผู้สูงอายุ

ลักษณะของบุคคลที่มีโอกาสเป็นพาหะของโรคเลือดจาง

1.ญาติพี่น้องของผู้ที่เป็นพาหะธาลัสซิเมีย

2.ภรรยาหรือสามีที่มีลูกเป็นโรคเลือดจาง

3.คนทั่วๆไปมีโอกาสเป็นโรคเลือดจางประมาณ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านพักคนชรา iCare Seniors Home แนะนำว่าการป้องกันและการควบคุมโรคธาลัสซีเมีย โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักจะเกิดจากพันธุกรรม เมื่อเป็นแล้วจะเป็นโรคเรื้อรังและรักษายาก เป็นโรคที่ปัญหาต่อคนในครอบครัวและญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง โดยปัจจุบัน ก่อนการสมรส ทางพ่อและแม่สามารถทำการตรวจเลือด ว่ามีภาวะแฝงของโรคเลือดจางหรือไม่ โดยทาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านพักคนชรา iCare Seniors Home นั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคธาลัสซีเมียหรือโรคเลือดจาง จะสามารถหายได้เป็นปกติโดยเร็ว หากลูกค้าท่านใดสนใจนำผู้สูงอายุมาดูแลที่ศูนย์ของเรา ก็สามารถติดต่อได้ที่ line : icarehome หรือ เบอร์โทร 092 – 614 – 9542 และ 096 – 995 - 1516 ตลอด 24 ชั่วโมง ขอบพระคุณมากค่ะ

Create Date : 03 กันยายน 2561
Last Update : 3 กันยายน 2561 3:07:27 น.		0 comments
Counter : 269 Pageviews.
Share Tweet