|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
22 กรกฏาคม 2551 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
1st day at Osaka (1)
และแล้ว ค่ำๆ ของวันที่ 6 เม.ย.51 เราก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางกันเสียที หลังจากเตรียมตัวมานาน เราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยการโดยสารสายการบินไทย มาถึงที่ที่สนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า เช้าวันที่ 7 เม.ย. สนามบินนี้ดูกว้างและทันสมัยดีจัง ถ้าจำไม่ผิด สนามบินนี้เป็นสนามบินใหม่ที่สร้างจากการถมทะเล เปิดใช้มานานหลายปีแล้ว ว่าแล้วก็ไปรีบไปต่อคิวตอกบัตร..เอ้ย..ปั๊ม passport ด่าน ต.ม. กันดีกว่า
หลังจากผ่านด่านพิธีการเข้าเมืองเรียบร้อย เราก็ออกมาที่ช่อง JR เพื่อแลกตั๋ว voucher JR railpass ที่ซื้อจากเมืองไทย JR railpass ที่เราซื้อไม่ใช่ JR railpass 7 days ทีสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในญี่ปุ่น ซึ่งราคาตั๋ว JR railpass 7 days คือ 28,000 เยน หรือ ประมาณ 9000 บาท
เราวางแผนว่า เราเดินทางเฉพาะตะวันตก จรดใต้ คือ จากโอซาก้าถึงฟุกุโอกะที่เกาะคิวชู เราก็เลยเลือกซื้อแบบเฉพาะ เป็น west JR railpass 4 days ซึ่งจะราคา 20,000 เยน จะถูกว่าแบบแรก และแบบนี้ สามารถใช้ขึ้นรถด่วนขบวน Nozomi ได้ด้วย ซึ่งแบบแรกจะใช้ได้กับรถด่วน JR ทั่วไป ยกเว้น Nozomi ที่เป็นขบวนที่เร็วที่สุด อ้อ อีกอย่าง เมื่อแลกตั๋ว voucher เจ้าหน้าที่จะถามว่า เราจะเปิดใช้ตั๋วเมือไร ซึ่งเราเลือกใช้พรุ่งนี้ เพราะวันนี้ เปิดไปก็ไม่ได้ใช้ เพราะวางแผนว่าจะเที่ยวแต่ในโอซาก้า
จะว่าไป แบบนี้คุ้มกว่าหรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่ แต่เรียกให้ถูก ต้องบอกว่า เหมาะกับการเดินทางของเราในทริปนี้มากกว่า ดังนั้น การเลือกซื้อ JR railpass แบบใดๆ ก็ตาม ควรวางแผนล่วงหน้าให้ดีๆ ว่าจะไปไหน เมื่อไร ยังไงบ้างจะดีกว่า //www.japanrailpass.net/
จริงๆ แล้ว การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า ก็มีหลายแบบให้เลือก แต่เราเลือกโดยสารรถไฟกัน จริงๆ ตอนแรก ก็คิดอยู่ว่า จะนั่งรถบัสดี หรือรถไฟดี ราคาก็ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้านั่งรถบัสเราก็ต้องไปต่อรถไฟใต้ดินเข้าสู่เขตย่านที่พักอยู่ดี เลยโดยสารรถไฟ จะได้ต่อที่สถานีเลยดีกว่า ว่าแล้ว เราซื้อบัตรโดยสารรถไฟ สาย Nankai Airport Line มาลงที่สถานที Namba แล้วต่อรถไฟ Local line สาย Midosuji Line มาลงที่ Shinsaibashi
มาถึงโอซาก้าวันแรก สายฝนก็แห่มาต้อนรับเรากันเสียแล้ว จากสถานี Shinsaibashi เราก็เดินมุ่งหน้าไปยังที่พัก ก็คือ โรงแรม Villa Fontaine ก่อนเลย ไม่ไหว เปียกทั้งตัว โชคดีที่ที่พักเราอยู่ไม่ไกลเท่าไร จากสถานีสัก 5-10 นาทีก็ถึงละ พอ check in ที่พักในโรงแรมเรียบร้อย ฝากสัมภาระข้างของต่างๆ ก็แวะหาอะไรลงท้องกันเสียหน่อย แล้วก็ออกเดินทางไปปราสาทโอซาก้า (Osaka Jo castle) แม้ว่า ฝนจะตกก็ไม่อยากเสียเวลา นั่น..ลุยกันซะ...
ช่วงเวลานี้ สถานีรถไฟใต้ดิน ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เพราะเป็นวันธรรมดา และเป็นช่วงทำงานด้วย
จะว่าไป สมัยนี้ ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมากทางด้านการท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่า ป้ายนำทางต่างๆ สถานีรถไฟขบวนต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ จะมีภาษาอังกฤษอยู่ด้วย จำได้ว่า สมัยก่อนเมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว ถ้าได้มาญี่ปุ่นเอง เป็นต้องหลง และงงแน่ๆ เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย พอจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้าง ก็อ่านไม่ออก เพราะส่วนใหญ่เป็นคันจิ ส่วนตัวอักษรฮิรางานะ คาตาคานะที่รู้มาแบบงูๆ ปลาๆ ก็ช่วยได้บ้าง ไม่ได้มาก แต่มาครั้งนี้ น่าจะเที่ยวสบายเพราะว่า มีภาษาอังกฤษ แถมผู้คนญี่ปุ่น ก็พูดภาษาอังกฤษกันได้เยอะกว่าแต่ก่อนมาก ดังนั้น ถ้าใครคิดจะไปเที่ยวเอง ไม่ต้องห่วง รอดตายได้แน่ วางแผนแล้วลุยได้เลย
Create Date : 22 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 13:43:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 396 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|