|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
29 มกราคม 2554 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
..บางส่วนของความทรงจำ ณ หลวงพระบาง..
ถูกส่งไปทำงานที่หลวงพระบางมาสามสี่วันค่ะ กลับมาวันพุธบ่ายๆ เล่นเอาหมดแรง กับการเดินขึ้นเดินลงภูเขา ข้ามน้ำโขง เดินไต่ตามคันนา เดินดูในตลาด ฯลฯ เลยลองคัดเลือกภาพที่พอดูได้ มาโพสต์แบ่งปันกันค่ะ
เรามาถึงสนามบินหลวงพระบางแล้วค่ะ มาถึงโดยเครื่องบินใบพัดแบบนี้ค่ะ
ไปถึงวันแรก เราพักที่เกสต์เฮาส์ชื่อ มาย ลาว โฮม ค่ะ เก็บของเสร็จ ก็เดินไปชมวิวริมแม่น้ำโขงยามเย็นซะหน่อย ^^"
เทียบภาพกันระหว่างกล้องเล็กกับกล้องใหญ่
สวย สงบ งาม ชิมิล่ะ
ชมริมโขงแล้วเราก็เดินไปชมวัดโพนชัยชนะสงคราม เที่ยวตลาดของกิน แล้วก็กลับไปที่พัก นั่งกินข้าวกับทีมงาน เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นที่ตลาดมืด หรือตลาดกลางคืนกันค่ะ
ของซื้อของขายเยอะ แต่ว่าไม่ค่อยหลากหลายค่ะ
ธรรมดาคนพื้นถิ่นคงจะนอนหัวค่ำ แต่เมื่อตลาดที่นี่ต้องขายถึงสี่ทุ่ม บางเจ้าเลยนอนขายอย่างที่เห็น ^^"
สินค้าต่างๆ ก็พยายามจะแสดงให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรม แต่จริงๆ ก็จะรู้ว่าบางอย่าง มันเป็นการประยุกต์เพื่อวางขาย ไม่ใช่ของเก่ามากๆ
อย่างภาพนี้ เป็นการเอาตัวพิมพ์อักษรล้านนา (ในคอมพิวเตอร์ที่ใครมีฟอนต์ล้านนา ก็พยายามอ่านได้) มาเป็นพื้นหลัง แล้วนำภาพวาดมาแปะทับลงไป
แต่ภาพก็สวยนะคะ ชอบเหมือนกัน ^^"
พอเริ่มดึก พ่อค้าแม่ค้าก็มีบ้างที่แอบหาว ^^"
เลยเดินกลับไปนอนค่ะ วันแรกไม่ได้ซื้ออะไรเลย ^^"
เช้ามาตื่นมาเดินตลาดเช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง (จะรีบมาทำไมเนี่ยชั้น) ได้เห็นอะไรเยอะแยะ แล้วก็ได้เห็นชาวบ้านตักบาตรด้วย อืมมมม ดีจัง ดีจัง
แอบๆ ไหว้รับพรพระ + กรวดน้ำพร้อมชาวบ้านด้วยซะเลย (คนเมืองเรียกฮอมปอยป่าวเนี่ย) แล้วก็เดินไปดูแม่น้ำโขงที่เดิม ^^"
ก่อนที่จะกลับมาเตรียมตัวเดินทางไปทำงานที่มหาวิทยาลัยสุพานุวง (สุภานุวงศ์) ของลาวค่ะ
ตึกสำนักงานอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสุภานุวงส์ค่ะ
หลังจากประชุมความร่วมมืออยู่ครึ่งวัน ^^" ก็เป็นอันบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นก็เลยถ่ายภาพร่วมกันไว้ค่ะ
โปรดสังเกตผู้หญิงคนขวามือสุด ทายซิ เธอเป็นคนจากฝั่งไทยหรือลาว ^^" คนอื่นไปเดินดูสินค้า เขาบอกราคาเป็นบาท พอหนูไปจับๆ สินค้าเขา เขาบอกราคาหนูเป็นกีบ ^^"
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เราก็เดินทางชมพื้นที่ของมหาวิทยาลัยสุภานุวงศ์ ตามคณะและอาคารต่างๆ ค่ะ
ยกตัวอย่างให้ดูเฉพาะตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นะคะ ภาพอื่นๆ ขนาดใหญ่เกินกว่าจะโพสต์ในบล็อกค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ควรไป ได้แก่ วัดเชียงทอง พิพิธภัณฑ์ (วังเจ้ามหาชีวิตเดิม) วัดใหม่สุวรรณภูมาราม วัดวิชุล วัดอาราม (ยังไม่ได้นำภาพมาโพสต์) แล้วก็กลับมายังที่พัก
สถานที่แต่ละแห่ง ต้องซื้อบัตรเข้าชมด้วย อัตราปรกติของการชมวัดคือ สองหมื่นกีบ หรือ 80 บาทไทยค่ะ เว้นวังเจ้ามหาชีวิตจะค่าเข้าชม 30000 กีบ หรือ 120 บาทค่ะ
กลับมาที่พักแล้ว พักผ่อนสักครู่ ก็ไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับทีมงาน กลับมาแล้วมาหยาก็ไปเดินดูของที่ตลาดมืดตามลำพังอีกหนึ่งคืน ซื้อน้ำเข้ามากินที่บ้านด้วย สระผม แล้วก็กลับมานอนพักแบบหลับยาวเลยค่ะ เพราะง่วงมาก และเหนื่อยมากสุดๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นตามแผนคือเราต้องออกไปดูพื้นที่ เท่าที่เขาอนุญาติ คือให้ดูระหว่างทางการไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะยังไม่มีการเซ็น MOU ระหว่างหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล
จุดแรกที่เราไปคือ บ้านผานม ซึ่งเป็นแหล่งหัตถกรรมทอผ้า และทำเครื่องเงิน ณ จุดนี้ มาหยาเลยได้เสียตังค์จริงจังเป็นที่แรก กับผ้าถุง 2 ผืน แหะๆ แบบว่าราคาไม่แพง และลาย + สี ก็ถูกใจ หมดไป 500 บาทแรก แง้วๆ
เดินไปดูบ้านที่ขายเครื่องเงิน ก็เลยถ่ายรูปเครื่องเงินปลอบใจตัวเองมาหนึ่งภาพ เพราะเห็นว่าแสงสีสวยค่ะ
จากนั้น เราจึงเดินทางไปยังอีกมุมของเมืองหลวงพระบาง ไปยังถ้ำติ่ง ที่ต้องข้ามแม่น้ำโขง ตรงบริเวณที่รวมกับแม่น้ำอู (เห็นชัดเลยว่าแม่น้ำมีสองสี) จุดนี้ก็ยังไม่ได้จัดการไฟล์รูปทั้งหมดค่ะ
เราไปลงเรือข้ามแม่น้ำที่บ้านปากอู ใกล้ๆ วัดปากอู พอไปไหว้พระและเดินขึ้นบันไดน่าจะร่วมสองร้อยขั้น เพื่อไปดูซุ้มประตูตรงปากทางเข้าถ้ำบน และไปไหว้พระ
ขากลับข้ามฝั่งมาที่บ้านปากอู เจอร้านขายผ้าแบบชาวบ้าน ๆ แม้ว่าสินค้าจะซ้ำๆ แต่มุมนี้ของแม่ค้า ก็ทำให้ประทับใจ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย
หลังจากนั้น เราเดินทางข้ามไปอีกฝั่งของเมือง รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เขาก็พาเราไปยังตาดกวางสี (ตาด แปลว่า น้ำตก) เพื่อดูข้อมูลเรื่องชื่อสถานที่ ชาติพันธุ์ และกลุ่มคนไทยวน ที่เคยอาศัยบริเวณนี้ ก่อนที่จะย้ายลงมาตั้งหมู่บ้านด้านล่าง เมื่อรัฐบาลจะประกาศสถานที่นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ
ขาไป ข้าพเจ้าค่อนข้างเมารถ เพราะรถเหวี่ยงและทางโค้งมากๆ T__T เรียกว่า เมาอ้วกเลยละกันค่ะ
เขาแวะดูนาขั้นบันได และสอบถามเรื่องการทำนากัน หนูก็ได้แต่ลงไปเดินๆ ตาม ถ่ายรูปนิดหน่อย แล้วก็เดินกลับมา เพราะเมารถเหลือหลาย นั่งรอเขาอยู่ใต้ต้นไม้ แงๆ น่าสงสารสุดๆ
จากนั้น ก็เดินทางต่อไปยังน้ำตกกวางสี ซื้อบัตรเข้าชม แล้วก็ขึ้นไปเดินเที่ยวน้ำตกกันค่ะ
ด้านล่างน้ำตก เป็นสวนสัตว์ มีน้องหมีดำ หรือหมีควาย นอนเล่นบนเปลอย่างบรมสุข เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เริ่มงงๆ ว่าเอ๊ะ ทำไมมีสาวๆ ใส่บิกินี่เดินสวนมาหลายคน ^^"
ก็โป๊ะเชะ ไปเจอชั้นที่เปิดเป็นชั้นเล่นน้ำ ฝรั่งชาย-หญิงโดดน้ำกันตูมๆ รูปชุดฝรั่งใส่บิกีนี่ ติดไว้ก่อนนะคะ ว่างๆ จะเอามาลง ดูรูปทาร์ซานไปพลางๆ ละกันค่ะ
น้ำตกกวางสี มีสีเขียวสวย ฟ้าใส น่าจะเป็นเพราะชั้นหิน ตัวน้ำตกชั้นบน เคยพังทลายลงมาเมื่อหลายปีก่อน ส่วนชั้นล่าง ยังคงสวยสดใส
เสียดายที่ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป เลยกลั้นใจถ่ายภาพมาได้เท่านี้ค่ะ
และ
กลับลงมาจากน้ำตก ได้แวะชมแปลงผักของชาวบ้านข้างทาง สอบถามเรื่องตลาด และการดูแลผัก ระหว่างที่เขาคุยกัน เราก็มองซ้าย มองขวา หาที่ถ่ายรูป
เจอแกงค์แฟนฉัน แกงค์นี้ ไปเก็บดอกไม้สำหรับทำบุญใส่ตะกร้ารถมา ฮั่นแน่ บันทึกภาพไว้สักหน่อยดีกว่า
น่ารักเนอะ
กลับถึงที่พัก วันนี้เหนื่อยมาก โชคดีที่แวะรับประทานอาหารเย็นมาก่อนแล้ว นั่งพักแป๊บนึง เราก็ออกไปเดินตลาดมืดอีกครั้ง เพื่อหาซื้อของฝากให้คนที่สำนักงานทางนี้ ก่อนกลับมานอนหลับหมดเรี่ยวหมดแรง
ตอนเช้าตีห้าครึ่ง น้องในทีมมาปลุกเพราะนัดกันว่า จะไปเดินขึ้นพระธาตุพูสี หรือ (ภูศรี) ไปไหว้พระธาตุตอนตะวันขึ้นกันค่ะ
แต่ปัญหาก็คือ พระอาทิตย์ไม่ขึ้น ^^" หมอกลงหนา ฟ้าหลัว แงๆ เลยถ่ายภาพทั่วๆ ไปมาแทนค่ะ แล้วก็เดินลงจากวัด คือพระธาตุนี้มีทางขึ้น ทางลงหลายทางมากๆ เลยค่ะ (หลายทางไม่เก็บตังค์ 80 บาท ด้วย แง้วๆ)
เราเลือกเดินลงทางที่เห็นแม่น้ำคาน อยู่ข้างหน้า
ลงมาก็เจอวัดป่ารวก (ป่าฮวก)
เนื่องจากเราเดินลงมาถึงราวๆ เจ็ดโมงกว่าๆ ถนนเมืองนี้ช่วงเช้า จะว่างเปล่า สบายๆ มาก เราชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
พูดได้คำเดียวว่า เราเสียดาย ที่มาหลวงพระบางช้าไป ^^"
อยากเก็บความสงบงามไว้ให้นานที่สุด
ที่หลังวังเจ้ามหาชีวิต เราแวะเข้าไปยังตลาดเช้าอีกครั้ง เพื่อซื้อขนมขี้หนู มาเป็นของฝากคนในสำนักงาน เลยได้เจอคุณป้าท่านนี้กำลังทำขันหมากแบ่ง หรือบายศรีสำหรับสู่ขวัญวันแต่งงานอยู่ (ถ้าฟังไม่ผิดนะคะ) เลยขอถ่ายรูปคุณป้ามาค่ะ
กลับมาเก็บของที่ห้องพักต่อ เจอของชอบที่หน้าบ้านพักค่ะ
ขยี้ไปขยำมา ฝรั่งมองหน้า ยูทรมานแมวว่ะ 555+
จากนั้นเราก็ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า อาบน้ำแต่งตัว เตรียมกลับบ้านค่ะ
ขึ้นเครื่องบินราวๆ บ่ายโมง บ๊ายบาย หลวงพระบาง
แอบๆ อยากรู้ว่าเมืองบนเขาเมืองนี้ คือ เมืองอะไรน้อ
แล้วเราก็เดินทางกลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพ แม้ว่า ขากลับ เครื่องบินก่อนแลนดิ้งจะทำให้ลุ้น ใจเต้นไปบ้างก็ตาม แหะๆ
ภาพเยอะไปไหมเนี่ย แหะๆ
ภาพที่ติดชื่อว่า by Ricoh Caplio R6 ก็ถ่ายด้วยเจ้าแสนหก Ricoh Caplio R6 นั่นแล
ส่วนภาพที่ไม่ได้ติดชื่อกล้อง ถ่ายด้วย Canon EOS 400D + 18-55 is ค่าาาาาาา (ขอบคุณน้องออมที่ให้ยืมเลนส์คิทนะคะ)
. . . . . . . . . . . . .
สำหรับทุกๆ ท่านที่ผ่านมาเยือนบล็อกของมาหยา...
ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
Create Date : 29 มกราคม 2554 |
Last Update : 29 มกราคม 2554 13:00:27 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3569 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ชอบจัง ทะเล IP: 77.69.195.30 วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:14:14:32 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:14:19:15 น. |
|
|
|
โดย: อากง IP: 110.168.42.44 วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:19:33:02 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:0:39:08 น. |
|
|
|
โดย: มรกตนาคสวาท IP: 61.19.144.194 วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:9:08:38 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ IP: 125.24.113.232 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:38:10 น. |
|
|
|
โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:02:42 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ IP: 125.24.145.54 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:04:03 น. |
|
|
|
โดย: army pilot. IP: 118.173.194.57 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:08:42 น. |
|
|
|
โดย: tomcat007 วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:19:14:05 น. |
|
|
|
โดย: ChEf tOupOO ^_^ IP: 118.173.76.68 วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:14:32:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|