Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
On An Island Gear & Interstellar Paris Pics

จบในส่วนของเอฟเฟคต์แล้ว ในส่วนหลังนี้จะแถมท้ายด้วยภาพของเอฟเฟคต์บอร์ดและชุด Rack ของเดฟในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหลักๆ แล้วจะเป็นภาพที่ถ่ายมาจากนิทรรศการ Interstellar Exhibition ที่กรุงปารีส ที่จัดขึ้นในช่วงปลายปี 2003 ถึงต้นปี 2004 ตบท้ายด้วยภาพของเครื่องไม้เครื่องมือของเดฟในทัวร์ On An Island ในปี 2006 อีกเล็กน้อย เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ



นี่คือเอฟเฟคต์บอร์ดที่เป็นกิจลักษณะตัวแรกที่เดฟใช้ ซึ่งมันคือเอฟเฟคต์บอร์ดตัวแรกที่ทาง Pete Cornish สร้างให้กับเดฟใช้ โดยบอร์ดตัวนี้ถูกใช้ในช่วงทัวร์อัลบั้ม Animals ในปี 1977 โดยภายหลังมันถูกนำไปอัพเกรด เพื่อใช้ในทัวร์อัลบั้ม The Wall ภาพนี้เป็นเวอร์ชั่นของทัวร์ Animals เลย ภาพเลยเก่าแก่เป็นพิเศษ เราจะเห็น Morley EVO-1 Echo Volume วางอยู่ด้านซ้ายมือข้างๆ บอร์ด บนบอร์ดมี Cry Baby Wah Pedal สามตัวที่ถูกโมดิฟายเพื่อใช้เป็น Wah Pedal, Tone Control และ Volume Pedal ส่วนพีดัลสองตัวที่วางอยู่บนบอร์ดทางด้านขวานั้นคือ Big Muff และ Electric Mistress



ส่วนนี่คือเอฟเฟคต์บอร์ดเวอร์ชั่นที่อัพเกรดแล้ว ใช้งานในช่วงทัวร์ The Wall จริงๆ เดฟจะมีเอฟเฟคต์บอร์ดสองตัวที่ใช้ในทัวร์ The Wall ตัวหนึ่งเป็นตัวใหญ่คือตัวนี้ ใช้งานประจำอยู่ด้านหลังกำแพง ส่วนอีกตัวจะเป็นตัวเล็กกว่าใช้งานที่ด้านหน้าของกำแพง หลังจากจบเพลง Comfortably Numb ไปแล้ว (ใครนึกไม่ออกลองไปหาดีวีดี Bootleg ที่ชื่อว่า Dived We Fall มาดู ก็จะเข้าใจ)



ส่วนนี่คือตัวเล็กที่ใช้หน้ากำแพง หลักๆ ก็จะมีพวก Big Muff และ Electric Mistress ใช้ในเพลง In The Flesh?, Run Like Hell และ Waiting For The Worms



ส่วนนี่คือ Rig ช่วงที่เดฟออกทัวร์อัลบั้ม About Face ในช่วงปี 1984 ช่วงนั้นส่วนใหญ่เดฟจะใช้เอฟเฟคต์ของ Boss เป็นหลัก



อันนี้คือชุด Rig ที่เดฟใช้ในช่วงปี 1987 ช่วงอัลบั้ม A Momentary Lapse of Reason จะเห็นว่าเริ่มใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ



อันนี้เป็นเซ็ทที่เดฟใช้ในช่วงทัวร์ปี 1988-1990 ซึ่งในคอนเสิร์ตที่เวนิช อิตาลี และงาน Knebworth ในปี 1990 ด้วย



ส่วนนี่คือ Rig ที่เดฟใช้ในช่วงทัวร์ The Division Bell ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ถูกบันทึกเป็นดีวีดี Pulse ด้วย จะให้เสียงไม่ดีได้ยังไงล่ะ ก็เล่นซะเยอะแยะขนาดนี้

ส่วนเอฟเฟคต์บอร์ดที่เดฟใช้ในคอนเสิร์ต Meltdown, Strat Pack และ Live 8 เคยโพสต์ไปแล้วในกระทู้ตอนที่หนึ่ง ใครอยากชมลองตามลิงค์กระทู้เก่าไปดูนะครับ ตอนนี้ขอขึ้นส่วนของ On An Island Tour Gear เลยละกันครับ

เราสามารถแบ่งอุปกรณ์ที่ใช้หลักๆ ได้เป็นสามประเภท แน่นอนว่าคือ กีตาร์ แอมป์ และเอฟเฟคต์ เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ





Fender "Black Strat"

กีตาร์หลักที่เดฟใช้ในทัวร์นี้คือ Fender "Black Strat" ประวัติคร่าวๆ ของมันคือมันเป็นกีตาร์ตัวหลักที่เดฟใช้มาตั้งแต่สมัยกลางยุค 70's ซึ่งในตอนนั้นคอเป็นไม้ Rosewood เดฟใช้มันออกทัวร์ในช่วง Animals และบันทึกเสียงอัลบั้ม The Wall หลังจากนั้นก็เปลี่ยนคอเป็นไม้ Maple และใช้ออกทัวร์ The Wall และทำงานบันทึกเสียงหลังจากนั้นจนถึงปี 1984 มันก็ถูกปลดระวางไปเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ก่อนที่จะมาปรากฎให้เห็นเป็นครั้งแรกในดีวีดี Dark Side of the Moon documentary ในปี 2003 ซึ่งมันถูกเปลี่ยนคอใหม่อีกครั้งเป็นคอ Maple แบบที่เป็นคอของ Fender Reissue ปี 57 และเดฟก็ใช้มันออกงานครั้งประวัติศาสตร์ Live 8 เมื่อปี 2005 จนถึงปัจจุบันมันเป็นกีตาร์ตัวหลักที่ใช้งานในทัวร์ On An Isalnd ที่ผ่านมานั่นเองครับ

Black Strat #1


Black Strat #2


Black Strat #3




Fender "Red Strat" with EMGs

หลังจากที่ Black Strat ถูกปลดระวางไปในช่วงปี 1984 เดฟก็เปลี่ยนกีตาร์ตัวหลักมาเป็น Fender "Red Strat" with EMGs แทน Red Strat เป็นกีตาร์ Fender รุ่น Reissue '57 คอเป็นไม้ Maple จุดเด่นที่ทำให้มันเสียงแตกต่างไปจากกีตาร์ทั่วๆ ไป คือเดฟเปลี่ยน Pick Up เป็นของ EMGs ใส่แทน Pick Up ตัวเดิม เดฟบอกว่า สาเหตุที่ต้องเปลี่ยน Pick Up ก็เพราะว่า Pick Up ที่เป็น Single Coil ทั่วๆ ไปเวลาเจอกับพวกสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดจากอุปกรณ์ต่างๆ บนเวทีมารบกวน จะทำให้เกิดเสียงจี่รบกวน เดฟเลยเปลี่ยนมาใช้ Pick Up ของ EMGs ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ และผลพลอยได้อีกอย่างนึงคือเจ้า Pick Up จะทำให้เสียงกีตาร์จาก Red Strat ฟังดูแน่นและมีพลังมากขึ้น ซาวน์ฟังดูคล้ายกับเสียงกีตาร์ที่ใช้ Pick Up แบบ Humbucker

เดฟใช้ Red Strat เป็นกีตาร์ตัวหลักตลอดการออกทัวร์ในช่วง Reborn ของ Pink Floyd ตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมาจนไปถึงปี 1994 เลยทีเดียว ซึ่งก็รวมถึงในวีดีโอและดีวีดีบันทึกการแสดงสด Delicate Sound of Thunder และ Pulse ด้วย และทัวร์ On An Island นี้เดฟใช้เจ้า Red Strat เป็น Secondary Guitar โดยถูกใช้งานในเพลง Shine On You Crazy Daimond และ Wearing Inside Out

Red Strat #1


Red Strat #2


Red Strat #3


สำหรับกีตาร์ตัวย่อยๆ ตัวอื่นที่เดฟใช้ในทัวร์ มีดังนี้ครับ

Gibson Les Paul Gold Top
รุ่นปี 1956 และติดคันโยกของ Bigsby เข้าไปด้วย นี่น่าจะเป็นตัวเดียวกับที่เดฟใช้โซโล่เพลง Another Brick in the Wall Part 2 ในทัวร์ The Wall เมื่อปี 1980-81 โดยในทัวร์ครั้งนี้เดฟใช้เจ้า Gold Top ตัวนี้เล่นในเพลง This Heaven (รวมถึงใช้บันทึกเสียงเพลงนี้ในอัลบั้มด้วยเช่นกัน)

Fender Telecaster
ตัวนี้เข้าใจว่าเป็นตัวใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็น Telecaster สีครีม (สีขาว) เดฟใช้งานในเพลง Arnold Layne และโซโล่ในเพลง Fat Old Sun (ไม่แน่ใจว่าใช้ในเพลง Astronomy Domine ด้วยรึเปล่า)

Gretsch Duo Jet
เป็นตัวเดียวกับที่เดฟใช้ในคอนเสิร์ตที่ Meltdown เมื่อปี 2001 เดฟใช้เล่นแบบ Finger Picking ในเพลง When We Start

Fender Lap Steel
Lap Steel สีครีม ตั้งสายเปิดเป็นคอร์ด G เดฟใช้เล่นในเพลง Breathe , Wots...Uh, the Deal และ The Great Gig in the Sky

Jedson Lap Steel
Lap Steel สีแดง ตั้งสายเปิดเป็นคอร์ด Em เดฟใช้เล่นในโซโล่ของเพลง High Hopes



Gibson Acoustic Guitar
กีตาร์อคูสติกตัวหลักของเดฟ เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในดีวีดี Pulse และงาน Live 8 ใช้งานในหลายๆ เพลง

Taylor Nylon Strings Guitar
กีตาร์สายไนลอน (แบบกีตาร์คลาสสิค) ใช้งานในเพลง High Hopes

Weissenborn Slide Guitar
สไลด์กีตาร์อคูสติกแบบโบราณ วางอยู่บนขาตั้งด้านซ้ายมือของเดฟ ใช้งานในเพลง Smile และ Then I Close My Eyes

Cumbus Guitar
กีตาร์ที่เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของประเทศตุรกี ใช้ในช่วงอินโทรของเพลง Then I Close My Eyes



ส่วนต่อไปก็จะพูดถึงแอมป์ครับ ก็เซ็ทอัพไม่มีอะไรมาก คือใช้หัวแอมป์ Hiwatt DR 103 สามตัว กับลำโพง Cabinet ของ WEM ขนาด 4 x12 จำนวนสามตัว โดยตัวนึงใช้สำหรับเอฟเฟคต์ Sound On Sound



ดูจากภาพนี้จะเห็นได้ชัดเจนครับ ภาพนี้ถ่ายจากคอนเสิร์ตที่ Royal Albert Hall ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กำลังเล่นเพลง Then I Close My Eyes อยู่ โดยมีแขกรับเชิญคือ Robert Wyatt ซึ่งประสบอุบัติเหตุทำให้ขาพิการมาตั้งแต่ช่วงต้นยุค 70's เลยทำให้ต้องนั่งรถเข็น โดย Robert Wyatt ออกมาเป่า Cornet ในเพลงนี้ อยากให้สังเกตที่ด้านหลังของเดฟ เราจะเห็นลำโพง WEM Cabinet สามตัว และหัวแอมป์ Hiwatt DR 103 อีกสามตัววางอยู่เลยไปอีกหน่อยครับ

Hiwatt DR 103


ต่อไปเป็นส่วนสุดท้ายแล้วครับคือส่วนของเอฟเฟคต์ เอฟเฟคต์ของเดฟในทัวร์นี้จะแบ่งได้เป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นเอฟเฟคต์บอร์ดวางอยู่บนพื้น และส่วนที่เป็น Rack ซึ่งจะถูกใช้งานร่วมกัน เรามาดูกันทีละส่วนเลยครับ



นี่คือเอฟเฟคต์บอร์ดของเดฟที่ต่อพร้อมใช้งาน โดยภาพนี้ถ่ายมาจากช่วงครึ่งแรกของทัวร์ จึงยังไม่มี Big Muff "Triangle Knobs" และ T-Rex Replica วางอยู่บนบอร์ด ภาพนี้ผมจิ๊กมาจาก Photobucket ของนาย Fallon (ไม่ทราบว่าใครเป็นคนถ่ายเหมือนกันถึงถ่ายได้มุมดีขนาดนี้) เรียงจากซ้ายไปขวา ตั้งแต่ Ernie Ball Volume Pedal สองตัวที่ภาพจะขาดไปตัวนึงดังนี้ครับ

Volume Pedal >> Volume Pedal ที่เป็น Long Delay ใช้สำหรับเอฟเฟคต์ Sound on Sound >> Digitech Whammy Pedal >> (บนบอร์ด) Demeter Compulator (เขียนป้ายติดไว้ว่า COMP) >> ตัวบน Pete Cornish G-2 Fuzz (เขียนป้ายติดไว้ว่า G-2) ตัวล่าง Pete Cornish P-1 Fuzz (เขียนป้ายติดไว้ว่า Muff) >> BK Butler Tube Driver 2 ตัว เซ็ทเป็น Volume Boost กับ Overdrive >> Boss GE-7 ใช้บูสต์เสียงเบสในเพลง Shine On You Crazy Diamond >> (ตัวสุดท้ายบนบอร์ด) Pete Cornish Tape Echo Simulator บนล่างต่างกันยังไงไม่แน่ใจเหมือนกัน >> Pete Cornish line selector ตัวสลับระหว่างกีตาร์กับ Lap Steel >> Pete Cornish “reversed wah” switcher สำหรับสลับ Reverse Wah เพื่อใช้ทำ Seagull Effect ในเพลง Echoes >> Crybaby Wah Pedal

บนบอร์ดเราจะเห็นสวิทซ์ปิด-เปิดเอฟเฟคต์บางตัวที่ถูกเชื่อมกับ Rack อย่าง OCTAVE เข้าว่าเชื่อมกับ Digitech IPS 33B ส่วน UNIVIBE ก็เชื่อมกับ Uni-Vibe ที่เป็นแบบ Rack Version และสวิทซ์อันขวาสุดบนบอร์ด MXR DDL ที่เชื่อมกับ MXR Digital Delay

ส่วนนี่คือภาพที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในการต่อสายหลังเอฟเฟคต์บอร์ดของเดฟ เปลืองสายจริงๆ เลย (คลิกที่ภาพเล็กเพื่อขยายเป็นภาพใหญ่)





ภาพนี้จิ๊กมาจาก Photobucket ของนาย Fallon อีกแล้ว แต่ถ่ายโดยนาย Bjorn Riis แห่งเว็บไซต์ Gilmourish ที่ Royal Albert Hall เช่นเคยครับ พี่แกอุตส่าห์ลงทุนไปดูเดฟรอบสองที่ลอนดอนกันเลยทีเดียว ว่าแต่รูปนี้มันคืออะไรนะ ใครดูออกมั่ง? มันคือเอฟเฟคต์พีดัลสองตัวที่เพิ่มเข้ามาวางบนบอร์ดในช่วงครึ่งหลังของทัวร์ครับ ตัวสีส้มๆ ทางซ้ายนั่นคือ T-Rex Replica ส่วนตัวสีเงินทางขวาคือเจ้า Big Muff "Triangle Knobs" นั่นเอง



และแล้วก็มาถึงส่วนสุดท้าย(จริงๆ)ซะที นี่คือชุดเอฟเฟคต์ Rack ของเดฟ ในทัวร์ On An Island โดยเริ่มไล่จากตัวแดงๆ บนสุดจนไปถึงตัวล่างครับ (ข้อมูลจาก Gilmourish เจ้าเก่า)

Roland SDD-3000 delay
ดีเลย์ยุคโบราณ แบบเดียวกับที่ The Edge แห่งวง U2 ใช้ เข้าใจว่าใช้เป็นดีเลย์ตัวรอง

Furman PL-8 Power Conditioner
ตัว Power Supply สำหรับเอฟเฟคต์อื่นๆ

MXR Digital Delay System model II
ดีเลย์สุดคลาสสิคที่อยู่คู่กับเดฟมาตั้งแต่ยุค 70's โน่นแน่ะ ใช้งานเป็นดีเลย์ตัวหลัก

Pete Cornish “Sound on Sound” unit
เอฟเฟคต์ Sound on Sound ของ Pete Cornish ใช้ในเพลง Shine On You Crazy Diamond

Digitech IPS 33B Harmonizer
ตัว Harmonizer ที่เดฟเริ่มใช้มาตั้งแต่ทัวร์ The Division Bell ใช้งานเป็นตัวสร้างเอฟเฟคต์ Octave หรือคู่ประสานนั่นเอง

Univox Uni-Vibe (custom rack unit)
เอฟเฟคต์ Uni-Vibe จำลองเสียงตู้ลำโพงเลสลี่ในเวอร์ชั่นที่เป็นแบบ Rack ใช้ในเพลง Breathe, Time/Breathe Reprise และในพาร์ต Appegio ของเพลงอื่นๆ อีกหลายเพลง

Peterson’s Strobe rack tuner

2 Avalon U5 mono instrument class A DI Preamplifier


Create Date : 22 ตุลาคม 2549
Last Update : 23 ตุลาคม 2549 23:48:46 น. 0 comments
Counter : 729 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Agent Fox Mulder
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สามารถพบตัวจริงของผู้เขียนได้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในเวลาราชการครับผม
Friends' blogs
[Add Agent Fox Mulder's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.