การทำงานของผงซักฟอก

โดยที่วไปผงซักฟอกจะประกอบไปด้วยสารเคมีคุณสมบัติในการละลายคราบสกปรกที่เกาะจับตามเส้นใยของเนื้อผ้า ซึ่งคราบสกปรกเหล่านี่้จะหลุดออกมาจากเนื้อผ้า และเจือปนอยู่ในน้ำผงซักฟอกที่ใช้ จะสังเกตุได้ว่่า น้ำที่ใช้ซักผงซักฟอกจะมีสำคล้ำๆคล้ายน้ำโคลน ซึ่งจะทำให้คราบสกปรกไหลย้อนกลับไปที่ผ้าทำให้ผ้าหมองคล้ำ

ผงซักฟอกทั่่วไปมักมีส่วนผสมของแป้ง สังเกตุได้ดังนี้

- แช่ค้างคืนจะมีกลิ่นบูด เหม็นเปรี๊ยว  และกลิ่นไม่พีงประสงค์

- มีการตกตะกอน เป็นก้อนขาวๆ ใต้ล่างที่ซัก

คุณสมบัติของผงซักฟอกที่ดี

ต้องมีพลังขจีดคราบสกปรกสูง สามารถดึงสิ่งสกปรกออกจากเนื้อผ้าได้ดี

ต้องมีสารกระตุ้นที่มีการแตกตัว และละลายน้ำได้รวดเร็ว ทำความสะอาดได้ทันที

ต้องมีเอนไซด์ย่อยคราบไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน

ต้องมีสารป้องกันสนิม

มีสารเพิ่มความสดใสและความขาวให้เนื้อผ้าต้องมีสารป้องกันสิ่งสกปรกไหลย้อนกลับไปในเนื้อผ้า

ต้งอไม่มีแป้งเป็นสารเพิ่มปริมาณ เพราะจะทำให้ผ้าเหม็นบูด

ต้องไม่มีสารฟอสเฟต ซึ่งจะกัดผ้าทำให้ผ้าซีดเร็ว

วิธีการทดลอง

เทน้ำลงในแก้ว ประมาณครึ่งแก้ว

ตักผงซักฟอก 1 ช้อนชาลงในแก้ว สังเกตุผลการทดลอง

- ถ้าผงซักฟอกอยู่นิ่งๆ ไม่แตกตัวแสดงว่าผงซักฟอกนั้นมีแป้งเป็นส่วนผสมเพิ่มปริมาณ

-ถ้าผงซักฟอกแตกตัวดี แสดงว่าผงซักฟอกมีส่วนผสมของสารกระตุ้นที่สามารถลลายน้ำได้ดี

สรุป

ผงซักฟอกที่ดีต้องไม่มีแป้งและสารฟอสเฟตเป็นส่วนผสม