ไปประชุมเกาหลี 3- 4 วัน แต่กินหนักมาก ตอนจบ




เช้าวันสุดท้ายของการมาประชุมที่เกาหลีแล้ว วันนี้เป็นวันที่ 4
หิมะยังคงอยู่ ความหนาวก็ไม่ได้ลดลงเลย วันนี้อุณหภูมิติดลบเหมือนเดิม
เบาๆ -5 องศา แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว ไม่ได้คุ้นชินนะ ชินชา 5555

แต่เราค้นพบสิ่งที่ดีสำหรับฤดูหนาวของเกาหลีอย่างหนึ่งที่ดีงามมาก
คือผมเราไม่ฟูเลย มีน้ำหนักตลอด โดยที่ไม่ต้องไดร์ผมตรง เป่าแห้งเสร็จ
สะบัดผมออกไปข้างนอกได้เลย สิ่งนี้คือเลิศมากกกกก


อาหารเช้าวันนี้ยาคูลย์ แกรนด์ไลท์ อิ่มและจุกมาก
แต่ว่ารสชาติดีนะ ไม่หวานเราว่าบ้านเราน่าจะทำบ้างอ่ะ



ตอนเช้าวันนี้มีคุยงานกันนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปกัน

วันนี้คนเกาหลีพามากินกระดูกหมูต้มโสม อร่อยมากกกก
และชามใหญ่มากกก กินไม่หมดอีกเช่นเคย ไปคราวหน้าซ้ำแน่ๆ 
ส่วนมันดูก็เฉยๆ ร้านที่ฮงแดวันก่อนอร่อยกว่า





กินเสร็จร่ำลากันเรียบร้อย หลังจากนี้เราก็เที่ยวได้อิสระแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บ่ายนี้เลยจะไปซื้อของฝากกันค่ะ ใกล้ๆ โรงแรมมีห้างใหญ่ E-mart ของเยอะมาก
แล้วก็มีหลายชั้นด้วย มีทุกอย่าง เครื่องสำอางค์ ไอที ของกิน 
มีกล่องกระดาษฟรีให้แพ็คของเองด้วยค่ะ 
หรือใครไม่สะดวกก็ขอซื้อถุงพลาสติกใส่ของก็ได้ค่ะ ไม่กี่บาท


ตอนเราไปสตรอเบอรี่ออกพอดี จัดมาคนละกล่อง
ใส่ถุงแล้วถือขึ้นเครื่องเท่านั้นนะ ไม่งั้นเละแน่นอน
ราคาก็ประมาณกิโลละ 300 บาท





ช้อปปิ้งเสร็จได้เวลาของหวาน บิงซูร้านซอลบิงเหมือนเดิม
ลองเปลี่ยนรสชาติดู ปรากฏก็เหมือนเดิม
นี่กินกัน 3 คนก็กินไม่หมด มันไม่อร่อยเหมือนที่ไทย 
บอกไม่ถูกไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า



หลังจากนั้นเราทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัว 
เรามีนัดกับเพื่อนคนเกาหลี เรานัดเจอกันที่มยองดง 
แต่ให้มาเจอกันที่สถานีอึนจีโรอิบกู เพราะว่าเราจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟ
นั่งรวดเดียวถึงเลย  โผล่ออกมาลมแรงมาก หนาวด้วย 
และฉันมาคนเดียว กับแจ็คเกจสำหรับฤดูใบไม้ผลิ T T 



เพื่อนยังไม่มา แต่เราโต้ลมไม่ไหวแล้ว เลยต้องลงไปในสถานีดีกว่า
มันหนาวมาก แล้วก็มาเจอร้านคิมพัพอีกแล้ว 
คิดว่าร้านแบบนี้น่าจะเป็นเฟรนไชร์ 
เห็นมีทุกสถานีรถไฟฟ้าเลย น่ากินมาก แต่ก็ต้องรอเดี๋ยวต้องไปกินกะเพื่อน
ที่สำคัญราคาไม่แพงมากด้วย ก้อนละพันวอน ก็ประมาณ 30 บาท





ในที่สุดเพื่อนก็มาแต่นางมาได้แป๊บเดียว 
และคงกินข้าวด้วยไม่ได้ T T รู้งี้กินคิมพัพไปแล้ว
เลยเปลี่ยนเป็นร้านชา กินเบาๆ และนางพามาร้าน
โอซอลรกอีกแล้วววว เอาเป็นเราชอบร้านที่ทิรามิสุที่ฮงแดมากกว่า



เมื่อนางไปแล้ว เราก็ต้องเดินเล่นคนเดียว 
เป็นประสบการณ์เที่ยวคนเดียวครั้งแรก และเที่ยวในต่างประเทศด้วยนะ 
เราว่ามันก็สนุกดี อยากไปไหนก็ไป แต่มันก็เหงาอ่ะจริงๆ 
ไปกับเพื่อนสนุกกว่า อย่างน้อยมีอีกคนมาด้วยก็ดี


ที่มยองดงนี้คนเยอะมาก ส่วนใหญ่มีแต่นักท่องเที่ยว
ร้านรถเข็นก็เยอะ แต่แปลกมากคือไม่มีร้านขายซุนแด ทวีกิม
อย่างที่กินที่ฮงแดเลย ที่เห็นนี้มีมันเผา ขนมปังไข่ดาว



เดินช้อปปิ้งเครื่องสำอางไปก็มาเจอร้านไลน์โดยบังเอิญ
นี้ต้องขอบคุณคนจีนใจดี ช่วยถ่ายรูปให้ นางถ่ายให้หลายรูปมาก
จนเราต้องบอกพอแล้วค่ะๆ 






ไลน์สโตร์มี 2 ชั้นค่ะ หรือ 3 จำไม่ได้ ของเยอะมาก
เราว่าเหมือนของจะถูกว่า Kakao นะ แต่ก็ยังแพงอยู่ดี 











ว่าจะไม่ซื้อๆ ในที่สุดก็โดนจนได้
เราได้เสื้อมาตัวนึง เราว่ามันรไม่แพงมาก ตัวละ 15000 วอน
เราว่าไม่แพงนะ ผ้าดี น่ารักด้วย 




เสียงเงินเรียบร้อย สบายใจได้เวลากลับ
แล้วก็ตอนนี้หิวมากด้วย ตั้งใจว่าจะกลับไปกินแถวโรงแรม

แต่ปรากฏว่ามีร้านนึงอยู่ตรงรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่อึนจีโรน่ากินมาก
ที่สำคัญมีซุนแดด้วย อยากกินอีก บวกกับหิวด้วย



มาแล้วซุนแด อร่อยมากกก ร้านนี้แนะนำเลย รถไฟฟ้าอึนจีโร อิบกู ทางออก 5 


มาพร้อมกับหมูผัดพริกเผาอีกแล้ว อร่อยเหมือนกัน แต่ชามใหญ่มาก
คุณลุงเจ้าของร้านก็ใจดีด้วยนะ เห็นเราถือของเยอะ
ก็เอาของเราไปถือแล้วก็จัดเก้าอี้ วางของให้เราเลย



ทั้งหมดนี้คือเรากินคนเดียว และเราก็กินไม่หมด ต้องให้คุณลุงห่อกลับบ้านจนได้





กลับโรงแรมแล้วค่ะ อิ่มมาก คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เกาหลีแล้ว
แอบใจหาย อยากเที่ยวต่อ แต่ก็อีกใจก็อยากกลับบ้านแล้ว



ตอนนี้ที่ตัวเรามีเงินวอนเหลืออยู่ เลยคิดว่าเข้าซุเปอร์ละลายเงินวอนให้หมดดีกว่า
มาดูว่าได้อะไรมาบ้าง เยลลี่ยาคูลย์ก็ซื้อมาลองชิมดู 
เราว่าก็เฉยๆ ไม่ได้อร่อยมาก  




ผงโรยข้าว อันนี้อร่อยเกินคาด กำลังคิดจะหาที่ซื้ออยู่ ตอนนี้กินหมดไปแล้ว



นมช็อกโกแลตเฮอร์ชี ที่บ้านเราเป็นนมถั่วเหลืองเนอะ
แต่อันนี้เป็นนมจริงๆ รสชาติก็งั้นๆ 



เราแพ็กกระเป๋าจนดึก แทบจะไม่ได้นอน
เช้าเราตื่นแต่มืด มาถึงที่สนามบินเคาเตอร์ยังไม่เปิดเลย
มาเร็วเกินไป เช็คอินเสร็จแล้วเราก็รีบเอาใบเสร็จไปขอคืนภาษี
มีทางบอกตลอดในสนามบินไม่หลงแน่นอน



จบแล้วค่ะ เครื่องบินมารับเราแล้ว กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
เอาไว้คงจะได้ไปอีกแน่นอน อยากกินซุนแดอีกกกกก

Smiley








Create Date : 15 มิถุนายน 2560
Last Update : 19 มิถุนายน 2560 10:59:30 น.
Counter : 1233 Pageviews.

1 comment
ไปประชุมเกาหลี 3- 4 วัน แต่กินหนักมาก ตอน 3








อยู่เกาหลีกันวันที่ 3 แล้วจ้า อากาศวันนนี้อุ่นขึ้นนิด
แต่เดินฝ่าลมยังหนาวสั่นอยู่ จะเห็นว่าหิมะละลายไปเยอะแล้วจากวันแรก
วันนี้ก็ต้องทำงานอยู่เช่นเดิม 



อาหารเช้าของเราวันนี้ ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเหมือนเดิม
อันนี้เป็นรูปที่เราสำรวจเซเว่นใกล้โรงแรมตั้งแต่เมื่อคืน
เซเว่นเล็กๆ แต่มีครบหมด ยาคูลย์ขวดใหญ่ มีหลายรสด้วย







อาหารเช้าของเราทีไ่ด้มาก็คือสตรอเบอรี่ มีขายในเซเว่นด้วยนะ 
หอม หวาน อร่อยมาก ซื้อกินทุกวันเลย





อันนี้ขนมโบราณของเกาหลี อร่อยมาก ชื่อขนมอพอลโล 아폴로 과자 
คนเกาหลีบอกว่าหาซื้อยากมาก ลักษณะมันจะเป็นหลอด
เวลากินก็รีดขนมมันออกมา เปรี้ยวๆ หวานๆ 
กินเพลินมาก มีหลายรสชาติ 





ตัดมาที่อาหารกลางวัน วันนี้คนเกาหลีพากินอาหารเกาหลี
อยู่ใต้ตึกอีกเหมือนกัน เป็นร้านพวกคนออฟฟิศมากินเยอะ




คือเราไม่ได้เป็นคนสั่งเอง เกาหลีสั่งให้หมด อันนี้คิดว่าน่าจะเป็น ซุนดูบู 순두부 เป็นซุปเต้าหู้ รสชาติอร่อยมาก 




อารมณ์เหมือนเนื้อผัดพริกไทย อร่อยมาก ปกติไม่กินเนื้อนะ 
แต่เนื้อที่เกาหลีอร่อยจริงๆ 


อันนี้เป็นหมู เหมือนหมูผัดพริกเผา แต่ว่าไม่หวานเท่าบ้านเรา


กินกันอิ่มจนจุก คนเกาหลีกินเยอะมาก 
ข้าวชามใหญ่ กับข้าวก็ชามใหญ่ กินกันหมด
ผลคือ บ่ายง่วงนอนมากเลยจ้าาา
วันนี้เลิกประชุมเร็ว ยังไม่ทันมืดคนเกาหลีเลยใจดีจะพาเที่ยว
เราบอกว่าเราอยากกินพวก อาหารรถเข็น อยากชิมไส้กรอกเลือด
ภาษาเกาหลีจะเรียกรถเข็นขายอาหารว่าโพจังมาชา 포장마차 

จากที่ทำงานเรานั่งแท็กซี่ไป คนเกาหลีว่าคุ้มกว่า เพราะไปกันหลายคน
เกาหลีนี้ก็รถติดเหมือนกัน ช่วงเลิกงาน
แล้วคนเกาหลีขับรถกันน่ากลัวด้วย บีบแตรใส่กัน
ขับรถหวาดเสียวเยอะ




ในที่สุดก็มาถึง ฮงแด ย่านวัยรุ่น มาที่นี่อารมณ์เหมือนสยาม

ร้านอาหารรถเข็นมีตั้งอยู่ 2-3 ร้านติดๆ กัน ขายเหมือนกันด้วยนะ 
ไม่รู้ตีกันบ้างหรือเปล่า 



ร้านนี้เขามีขายก็คือ ทวีกิม 튀김 ก็คือพวกของทอดชุบแป้ง
ต็อกปกกี 떡볶이, คิมพัพ 김밥 ข้าวห่อสาหร่าย, ออมุก 어묵 ไม่รู้ภาษาไทยเรียกอะไร เอาเป็นลูกชิ้นปลาละกัน, 
ซุนแด 순대 ไส้กรอกเลือด





เกาหลีสั่งมาซุนแด อาจุมม่ามีใส่เครื่องในมาด้วย อย่างที่เห็น
ในที่สุดก็ได้ชิมไส้กรอกเลือดที่เราจะเห็นในซีรีย์เกาหลีบ่อยๆ 
รสชาติก็คล้ายไส้กรอกบ้านเรา แต่ไม่เปรี้ยวนะ 
คิดว่าคงใส่เครื่องเทศอะไรลงไปด้วย คืออร่อยอ่ะ
แต่คนไม่ชอบก็จะไม่ชอบเลยนะ แต่เรานี้ชอบมาก 



ต็อกปกกีก็ต้องมา ไม่ชิมไม่ได้ อันนี้เราเฉยๆ มันเป็นก้อนแป้งอ่ะ




ของทอดนี้มีทั้งไส้กรอก ผัก แล้วก็อะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้วจ้า
ในแก้วคือน้ำซุป หนาวๆ ช่วยให้อุ่นได้ดีมาก



กินกันอิ่มแล้ว ไปเดินเล่นต่อ เกาหลีพาไปเที่ยวที่ KAKAO FRIENDS STORE

ร้านใหญ่โตมี 3 ชั้น อยู่ติดถนน ตึกอยู่ระหว่างทางออกรถไฟฟ้าสถานีฮงแด
ทางออก 9 กับ 8 









ของน่ารักมีมาหลอกล่อมากมาย แต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน 
เราไม่ได้อินกะพวกนี้มากเท่าไรก็เลยไม่ได้เงินเรา แต่ก็เกือบอ่ะ
คือมันน่ารักมาก มีจุดให้ถ่ายรูปก็เยอะด้วย เดินดูกันจนเพลินเลยทีเดียว



รองเท้าอันนี้น่ารักมากเกือบโดนไปแล้ว แต่ยับยั้งใจเอาไว้ได้
ราคาประมาณ 300-500 ได้จำไม่ค่อยได้แล้ว


ขนมก็มาด้วย ซื้อไปนี้กินไม่ลงแน่นอน น่ารักเกิน


หลังจากนั้นเราก็เดินช้อปปิ้งเครื่องสำอางค์ 
แล้วก็เสื้อผ้าบ้าง แต่ได้ไม่เยอะเพราะว่าเราไปฤดูหนาว
เสื้อผ้าก็จะไม่เหมาะสำหรับเราเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อกันหนาว
เดินจนเมื่อย อาหารย่อยก็ไปหาร้านกาแฟนั่งคุยกัน
เราเดินมาเจอร้านนี้น่าสนใจ ป้ายบอกว่า เป็นร้านทิรามิสุ 
ชื่อร้าน 티라미수 집: 카페 아래 Cafe Are คาเฟ่อาแร หรือคาเฟ่ข้างล่าง
คงเป็นเพราะร้านอยู่ชั้นใต้ดิน จากชั้นถนนเราต้องเดินลงไป



 ร้านตกแต่งน่ารักดี มีส่วนสำหรับคนมาคนเดียว

แล้วทำเป็นเหมือนให้นั่งอ่านหนังสือ ไว้นั่งทำงานได้ด้วย






ทิรามิสุที่เราสั่งมาแล้ว  รสชาติเข้มข้น ถ้าใครมาก็มาลองได้
เป็นร้านที่มาดูที่หลัง มีคนเกาหลีมารีวิวเยอะมาก



อันนี้คือทางเข้าร้านนะ ตรงป้ายเหลืองๆ นั่นแหละ


พิกัด จากรถไฟฟ้าสถานีฮงแดก็เดินมาตามนี้เลย
ชื่อร้านเผื่อเอาไปถามทาง 티라미수 집: 카페 아래


มาต่อของคาวกันต่อ แก้เลี่ยน ของฮิตอีกเหมือนกันมันคือ Hong Cup 홍컵
ฮิตขนาดไหนก็ดูคนต่อคิวก็แล้วกัน จริงมันก็คือไก่ทอดคลุกกับน้ำซอสนั่นเอง







ได้กินแล้ว เป็นแบบธรรมดา ไม่ได้ใส่ชีสเพิ่ม คิดว่าอันนี้น่าจะเป็นไซซ์ S 
คนซื้อก็จำไม่ได้แล้ว แต่อร่อยมาก 
ต้องกินตอนร้อนๆ นะ เย็นแล้วนะไม่อร่อย จะหวานๆ เค็มๆ มันๆ 


เกาหลีส่งเราขึ้นแท็กซี่กลับมาโรงแรม แต่เรายังไม่พอใจ ไปจัดบิงซูกันอีก
คนเกาหลีเคยบอกว่าฤดูหนาวต้องกินบิงซู ฤดูร้อนต้องกินซัมเกทัง ไก่ต้มโสม
ร้านซอลบิง 설빙 ร้านนี้มีมาเปิดที่ไทยด้วย
ที่เรากินที่เกาหลีนี้เปิดอยู่ใต้โรงแรมพอดี เลยชิมซะหน่อย 
ปรากฏว่ากินกันสองคนไม่หมด รู้สึกว่ารสชาติต่างจากเมืองไทย
รู้สึกว่าที่ไทยอร่อยกว่า คิดไม่เองหรือเปล่าไม่รู้


ก่อนนอนเช่นเคย เวลาของการสำรวจเซเว่น 
วันนี้เราได้แตงโมโซดามาลอง
ผลคือ กินไม่หมด มันแปลกๆ 
อาจจะเพราะปกติไม่ได้เป็นคนชอบกินแตงโม 
คนชอบแตงโมอาจจะชอบก็ได้ ยังไงก็ลองดูกันนะ แปลกดี


จบแล้วสำหรับวันที่ 3 ของเกาหลี วันนี้กินไปเยอะมาก
ขมิ้นชันที่เอาไปต้องกินกันทุกมื้อเลยทีเดียว แต่ก็นะ
ไม่ได้มากันบ่อยๆ 

ไว้มาต่อกันตอนต่อไปนะ

SmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmiley















Create Date : 13 มิถุนายน 2560
Last Update : 14 มิถุนายน 2560 9:38:56 น.
Counter : 1167 Pageviews.

1 comment
ไปประชุมเกาหลี 3- 4 วัน แต่กินหนักมาก ตอน 2


วันนี้เราจะต้องทำงานกันแล้วคร่าาาา บ.ที่เราจะต้องไปประชุมอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเดินไปได้ แต่เห็นหิมะข้างนอกแล้วสยอง ดีว่าเมื่อคืนหิมะไม่ตกซ้ำ
บุญแท้ๆ อากาศเลยอุ่นขึ้นมานิดๆ Smiley





อาหารเช้าสำหรับวันแรก โรงแรมไม่มีอาหารเช้า ต้องหากินเอง
เมื่อคืนเลยซื้อไส้กรอกชีสกับนมเปรี้ยวรสพีช 
ทุกอย่างที่เป็นพีชดีงามมม ลองเลยคร่าาา 
กินสองอย่างนี้อิ่มถึงเที่ยง



ตัดมาที่อาหารกลางวัน มื้อนี้เรากินที่ใต้ตึกออฟฟิศ เป็นร้านอาหารจีน มาเกาหลี คนเกาหลีพามากินอาหารจีนค่ะ 555555 
สิ่งนี้คือ 당수육 หรือหมูผัดเปรี้ยวหวาน รสชาติจะหวานๆ เผ็ดๆ



สิ่งที่อยากกินมานานแล้ว คือสิ่งนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆ จาจังมยอนนั่นเอง
ที่นี่มีแบบเผ็ด กับไม่เผ็ดให้เลือกด้วย 
อาหารที่นี่จะชามใหญ่มาก กินไม่หมด 
แล้วคนเกาหลีจะกินเหมือนคนจีนคือหนีบแล้วสูดเข้าปากเลย
แต่เรานี้เป็นสาวไทยมารยาทงาม คือเราจะคีบ
แล้วก็เอาใส่ช้อนแล้วค่อยกิน
เกาหลีเลยมองเราด้วยสายตาประมาณว่า 
อีสองคนนี้ กินแบบนั้น บ่าย 3 จะกินหมดไหม Smiley



ของว่างระหว่างการประชุม อันนี้คือดีงาม กินไปหลายซองมาก
เยลลี่พีช มันจะหอมๆ หวานอมเปรี้ยว



คุกกี้อร่อยมาก อันนี้หาซื้อได้ตามเซเว่นเลย มีหมด
มีทั้งช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต
ถ้าเข้าเซเว่นแล้ววอยากละลายเงินวอน
ซื้อสิ่งนี้ได้เลย เอามาเป็นของฝากได้







ตัดมาที่มื้อเย็น วันนี้เกาหลีพามากินปิ้งย่าง ดูราคาแล้วคือพอๆ กับบ้านเรา 
แต่คุณภาพเนื้อดีกว่ามากกกกกกก


แค่เครื่องเคียงก็กินขาด สิ่งนั้นไกลๆ คือปูดองแต่ว่าเผ็ดๆ คือสด คืออร่อยมาก
และคือ มันเติมได้ตลอด ดีงามตรงนี้ 



เนื้อที่เกาหลีคือไม่ต้องหมักก็อร่อยมาก มีไข่เจียวด้วย กินเล่น

แม้ว่าเราจะอิ่มแล้ว แต่เมื่อเราบอกว่าอยากกินไก่ทอดกับเบียร์
นางก็พาพวกเราย้ายร้านไปกินเลย ไม่ถามสุขภาพท้องคนไทยซักคำ

คือบอกว่าอยากกินนี้ หมายความว่าวันหลังก็ได้
แต่เราก็ขัดไม่ได้ ไปก็ไป





คนเกาหลีกินกันดุจริงๆ คนไทย 4 คนนี้ตาจะปิดกันอยู่แล้ว
แต่คนเกาหลีดูยังตื่นตัวกันมาก ในที่สุดเราก็ต้องขอยอมแพ้



ไก่เหลือเอาใส่กล่องกลับมา พร้อมเครื่องดื่มแวะซื้อที่เซเว่นอีกตามเคย
มันคือทกทก รสพีชอีกแล้ว แอลกอฮอลล์มีนิดหน่อย อร่อยดีลองชิมกันดู
แต่ไก่ร้านนี้ไม่อร่อยนะ หรือเพราะอิ่มก็ไม่รู้

จบวันที่ 2 เพียงเท่านี้ วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมาก
เพราะว่าเราประชุมกันทั้งเช้ากับบ่าย
ไม่มีเวลาไปแอบไปเที่ยวเลย T T 

SmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmiley














Create Date : 09 มิถุนายน 2560
Last Update : 9 มิถุนายน 2560 15:29:01 น.
Counter : 885 Pageviews.

0 comment
ไปประชุมเกาหลี 3- 4 วัน แต่กินหนักมาก ตอน 1







เกาหลีใต้ เราไม่ได้ไปมาก็เกือบ 10 ปีแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 
แล้วก็เป็นครั้งแรกต้องไปประชุมงานต่างประเทศ จริงๆ ไปเกาหลีอ่ะอยากไปจะตาย
แต่เพราะไปเรื่องงานความกระตือรือร้นเลยหดหาย กล้องถ่ายรูปก็ไม่ได้เอาไป 
เสื้อผ้าก็แทบไม่ได้เตรียม กำหนดวันเดินทางคือ คืนวันเสาร์ที่ 21 - 26 มกราคม 2017 
สายการบินโคเรียแอร์ ก่อนวันเดินทางคนเกาหลีบอกมาว่าเอาเสื้อโค้ทมาเลยนะ หนาวมาก
หนาวที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา เอาล่ะซิ เตือนตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ขี้เกียจซื้อใหม่ 
คิดอยู่ว่าจะหนาวซักเท่าไรกันเชียว เอาแจ็คเกตเท่าที่มีเนี่ยแหละ



เพื่อนร่วมทริปหน้าตาดูไม่เต็มใจเดินทาง เพราะต้องไปทำงาน 5555

แถวเราได้นั่งท้ายเครื่องสุดๆ เอาจริงคือมีตั๋วก็ดีแล้ว 
ช่วงนั้นเหมือนเป็นตรุษจีน คนเดินทางกันเยอะมาก เต็มทุกที่นั่ง
แต่โคเรียแอร์ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ที่นั่งก็โอเค มีทีวีให้ดู มีเกมให้เล่น
รู้สึกว่าการเดินทาง 5 ชั่วโมงมันไม่นานเลย หลับยาวตื่นเดียว
ก็ได้ยินเสียงกัปตันประกาศใกล้ถึงที่หมายแล้ว  และข่าวดีคือ
Smileyอุณหภูมิที่สนามบิน -10 Smiley




เครื่องจอดแล้วเลยเดินไปเข้าห้องน้ำที่ท้ายเครื่องเพราะทนไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ต้องรอให้หัวเครื่องเขาลงกันก่อน ภาพที่เห็นแทบช็อก 
แจ็คเกตในเป้สั่นไปหมดเลยจ้าาา



ออกจากเครื่องมา อันนี้คือเครื่องบินที่เราขึ้นจากกรุงเทพ 
เพิ่งมาเห็นตอนนี้แหละว่ามี 2 ชั้นด้วย



เดินมาเรื่อยๆ เห็นโต๊ะให้กรอกเอกสารก็คงใกล้ถึงตม.แล้ว 
ก่อนนี้เราจะเดินผ่านตม.ส่วนสำหรับคนเกาหลีเท่านั้นซึ่งคนเยอะมาก แถวยาว 
แต่ตรงตม.สำหรับต่างชาติ วันนี้โล่งมากกก
เจ้าหน้าที่ยังเยอะกว่า ทั้งแถบนั้นเคาเตอร์ตม.เกือบ 10 
ส่วนคนเดินทางมีเรา 4 คนเท่านั้น รู้สึก VIP มาก

สำหรับขั้นตอนการผ่านตม. เราผ่านเป็นคนสุดท้าย ตม.หนุ่มหน้าใส 
พิจารณาหน้าเราอยู่นานมาก มองหน้าเราแล้วก็ทำคิ้วผูกโบ
หลังจากนั้นก็ถามเราว่ามากี่ครั้งแล้ว มากะใคร บ้าง ครั้งก่อนมาเมื่อไร
เสร็จแล้วก็ปั้มให้ แต่ก็ยังทำคิ้วผูกโบอยู่ดี 5555 
แต่ก็น่ารัก 



เสร็จแล้วลงบันไดมาชั้นล่าง มันโล่งจริงๆ นะ รู้สึกได้ 
ทุกคนบอกไม่เคยมาแล้วเจอโล่งขนาดนี้ ปกติมันจะ วุ่นวายๆ หน่อย



อันนี้คือเคาเตอร์ซื้อตั๋วที่อยู่ข้างในสนามบิน 
จริงๆ ข้างนอกตรงที่เราขึ้นรถบัสก็มีบูทขายตั๋วอยู่เหมือนกัน
จะซื้อข้างนอกก็ได้ ตรงนี้ก็ได้ ราคาคนละ 10000 วอน 

อีกรูปเป็นตารางบอกว่าสายอะไรไปที่ไหน แล้วก็ไปขึ้นประตูหมายเลขอะไร



แผนผังที่ตั้งภายในสนามบิน บูทที่ขายตั๋วจะเป็นสีเขียว กับสีชมพู
โรงแรมที่เราจะไปคือ Lotte City Hotel Guro ดูจากตารางแล้วเป็นรถสาย 6004
ประตูที่เราต้องไปขึ้นคือ 6A,12B  ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
ที่พักเราอยู่นอกเมืองหน่อย ตรงนั้นเหมือนจะเป็น
ที่ตั้งพวกบ.ที่ทำเกี่ยวกับดิจิตัลทั้งหมด รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ 
Line 2 Guro Digital Complex Station, Exit No. 3
เดินไปก็ไม่ไกลมาก คนเกาหลีเดินก็ 3 นาที แต่เราเดิน 5 นาทีได้ 
เอาเป็นว่าเดินได้ละกัน ไม่ทันเหนื่อยก็ถึง







อันนี้คืออยู่บนรถบัส ออกมาจากสนามบินก็เจอแต่หิมะแบบนี้แหละ 
บนรถบัสนี้หลับเอาหัวพิงกระจกไม่ได้นะ คือเย็นมาก
น้ำแข็งเกาะที่กระจกเลยคิดดูละกัน

คนเกาหลีบอกว่านี้ละลายไปเยอะแล้ว เพราะแดดออก











ตัดมาที่โรงแรม รถบัสส่งที่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมข้ามถนนมาก็ถึง
แต่ขากลับป้ายรถบัสอยู่หน้าโรงแรมพอดี
สภาพห้องก็อย่างที่เห็น ดีงามมีทุกอย่างพร้อม
ปกตินอนเกสเฮ้าส์ อันนี้บ.จ่าย 

ความจริงเวลาที่เรามาถึงยังเช็คอินไม่ได้ เพราะว่ามีคนพักอยู่
เราเลยต้องฝากของเอาไว้ก่อน
แล้วออกไปหาไรกิน ไปเดินเที่ยวในเมืองฆ่าเวลา



ตอนแรกจะกินแถวโรงแรมแต่ว่าร้านไรปิดกันหมด
คิดว่าร้านแถวนี้น่าจะเปิดกันมืดๆ แล้วก็ส่วนใหญ่ปิดเสาร์อาทิตย์
เพราะย่านนี้เป็นตึกสำนักงานซะส่วนใหญ่
เวลาที่จะรอเช็คอินอีกนาน เลยไปเดินเล่นหาไรกินฮงแดกันดีกว่า
จากโรงแรมเราเดินฝ่าหิมะ และลมหนาวกันในที่สุด

เราก็มาถึงสถานีรถไฟฟ้า Guro Digital Complex Station 
แตะบัตร T money เข้าไปเจอร้านขายออมุก
รีบพุ่งเข้าไปเลยจ้าด้วยความหิว และความหนาว
ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ แล้วค่อยอุุ่นขึ้นมากช่วยได้เยอะ
พี่ที่ไปด้วยกันจมูกนางเริ่มแดงแล้วด้วย น่าสงสารมาก

ราคาออมุกไม้นึงก็น่าจะ 1000 วอนได้ถ้าจำไม่ผิด
น้ำซุปฟรี




สภาพหลังจากฝ่าหิมะกันมากก็เป็นเช่นนี้แหละ
จากที่นี่เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่ฮงแด ก็ไม่ไกลมาก
และไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟเลย สบายสุดๆ 







บรรยากาศหลังจากโผล่ออกมาจากรถไฟฟ้า
หิมะ หิมะ แล้วก็หิมะ
วันนี้เราจะไปกินหมูย่างเกาหลีกันร้านยอดฮิต
ทุกเพจเที่ยวเกาหลีต่างก็แนะนำชื่อร้าน 새마을 식당 แซมาอึล


ทางไปก็ง่ายมากออกทางออก 8 แล้วไปทางนั่นเลย เดินแป๊บเดียวก็ถึง











ที่เราสั่งคือเมนูสีแดงของร้านถึงอ่านไม่ออกเราก็รู้ได้ว่ามันต้องเป็น
เมนูแนะนำแน่ๆ เครื่องเคียงก็ลุกไปตักได้เองนะ
พวกผักสด กิมจิ กินได้เท่าไรก็กินไป
ในร้านนี้พนักงานคัดมาแต่เด็กวัยรุ่น โอปป้าทั้งนั้น
ทำให้รสชาติอาหารที่ก็ธรรมดา อร่อยขึ้นมาอีก 1 เลเวล 








อิ่มแล้วเดินช้อปปิ้ง ร้านรองเท้านี้จะมีเวลาเดินถ่ายรููปได้หน่อย
แต่เข้าร้านเครื่องสำอางค์คือคนเยอะมาก
จะมาเดินถ่ายรูปเล่นนี้ไม่ได้เลย

รองเท้าที่นี่ถูกจริง แล้วแบบที่กรุงเทพหายากๆ 
ที่นี่หาได้ทั่วไป ทุกคนเลยได้รองเท้ากลับไปคนละคู่











แวะไปสำรวจมิริมาร์ทที่ฮงแด อะไรแปลกต้องลองค่ะ
แม้ว่าเราจะอิ่มแล้วก็ตาม ซื้อค่ะ ซื้อๆๆๆๆๆๆ

จะเห็นว่ามีแซนด์วิชสตรอเบอรี่ แซนด์วิชองุ่น ลองแล้วมันละมุน
อร่อยมากกกกก ใครไปต้องลองนะ

อีกอย่างคือไส้กรอกแท่งๆ อร่อยเหมือนกัน
เราซื้อกินเป็นอาหารเช้าทุกวันเลย กินกะนม
อีกอย่างตอนนั้นที่ฮิตมากคือยาคูลย์ ทุกอย่างรสยาคูลย์หมด
ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์เคลือบยาคูลย์
เยลลี่ยาคูลย์ มาร์กหน้าก็ยาคูลย์ ซึ่งเราลองแล้วมันก็ยาคูลย์อ่ะ
ก็อร่อยดี แต่ก็ไม่ได้แบบว่าต้องซื้อมากินเยอะๆ 









ร้านต่อมาของเรา คือ 오설록 หรือโอซอลลก เป็นร้านชา 
ของที่ฮิตๆ คือแยมชาเขียว จริงๆ จะไปซื้อแยมเนี่ยแหละ
แต่ว่าเดินเมื่อยเลยจะหาที่นั่งพักด้วย
แต่ก็ต้องสั่งชาเค้ากินด้วยอะนะ จะไปนั่งเฉยๆ ก็เกรงใจ
เซ็ตนั้นที่สั่งมาแพงเหมือนกันน่าจะประมาณ 200 บาทได้ 
ชิมแล้วก็คิดว่า อืม... วันหลังมาซื้อแต่แยมก็พอ

การเดินทางก็ถ้าตั้งใจมาร้านเลยออกทางออก 9 จะใกล้สุด
เดินไม่ไกลมากนะ แป๊บเดียวก็ถึง ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ชั้น 2 











ร้านนี้โคตรอยากแนะนำให้ไป คือดี คืออร่อย 
ในเมนูจะมีแนงมยอนน้ำ บีบิมแนงมยอน มีบีบิมพัพ มันดูเนื้อ
แล้วก็เนื้อย่างถ่าน อร่อยทุกอย่าง เจ้าของร้านดูอินดี้ๆ ด้วย
แล้วเหมือนดารามากินหลายคนนะ เห็นมีรูปถ่าย มีลายเซ็นต์ด้วย

คือร้านนี้ถ้าไปอีกก็จะไปซ้ำอ่ะ รสชาติ ราคา บรรยากาศ ให้ 9 เต็ม10 เลย

ร้านชื่อ 육쌈냉면 ยุกซัมแนงมยอน พิกัดก็เดินผ่านโอซอลรกมาเรื่อยๆ
ร้านอยู่ชั้น 2 อีกเหมือนกัน 

วันแรกจบเพียงเท่านี้ กว่าจะกลับถึงที่พักเกือบ 3 ทุ่ม
ถึงห้องสลบเลย ช้อปปิ้งร้านเสื้อผ้าด้วยแล้วก็ร้านเครื่องสำอางค์ด้วย
เยอะมาก จนพวกพี่ผู้ชายที่ไปด้วยนี้บอกว่า
จะไม่ไปเดินด้วยอีกแล้ว 5555

โปรดติตามตอนต่อไป

SmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmileySmiley








Create Date : 06 มิถุนายน 2560
Last Update : 9 มิถุนายน 2560 15:29:13 น.
Counter : 528 Pageviews.

0 comment
หนึ่งวันกับย่านบางลำภู-ถนนพระอาทิตย์



Smiley

เช้าวันธรรมดา เป็นเวลาเหมาะแก่การเดินชิวเที่ยวในกทม.มากๆ เรากับพี่ที่สนิทกันมักจะชวนกันเดินเที่ยววันธรรมดาเสมอเพราะเราพบว่ามันสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มันน่าเดินมากกว่าวันเสาร์อาทิตย์มากกก เป้าหมายหลักของเราในวันนี้คือร้านชาแห่งหนึ่งในย่านบางลำภูนี้ เป็นร้านแบบที่เราตามหาสำหรับคนที่รักชา ไม่กินกาแฟแบบเราทั้งสองคน

จุดนัดพบวันนี้คืออนุสาวรีย์มีร้านที่เดินผ่านบ่อยๆ อยู่ร้านใต้สถานีรถไฟฟ้าพอดีชื่อร้าน Rest Note Cafe ที่ร้านนี้นอกจากชากาแฟแล้วก็ยังมีอาหารขายด้วย แต่วันที่ไป 9.30 คงจะเช้าไปเลยได้แต่ชิมชาชื่อแปลกแก้วหนึ่งชื่อชามะเน็ด รสชาติเปรี้ยวๆ ไม่หวานมากกกก ถ้าเหนือยหรืออากาศร้อนคงจะเหมาะ แต่นี้เช้าไป ด้วยเหตุนี้เราเลยกินไปได้ไม่ถึงครึ่งแก้วก็ไม่ไหวล่ะ

พอถึงเวลาพี่มาเจอที่ร้านแล้วก็รีบนั่งแท็กซี่บอกพี่คนขับส่งที่ถนนพระอาทิตย์เลยจ้า มาถึงถนนพระอาทิตย์แท็กซี่จอดส่งเราที่หน้าสนพ.ผู้จัดการพอดี ตอนแรกกะว่าจะเดินเล่นได้รูปกันก่อนแต่กลิ่นอะไรบางอย่างลอยมาเตะจมูก ส่งตรงไปถึงท้องร้องโครกๆ ทันที แล้วเราก็มาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้นเหตุกลิ่นหอมๆ 

มองเข้าไปในร้านคนกินนี้เกาหลีซะ 70 เปอร์เซ็นต์ไม่แปลกที่ป้ายร้านจะมีภาษาเกาหลีเขียนไว้ซะด้วย ชื่อร้านนี้ภาษาเกาหลีเขียนว่า นา อี โซ อิ ภาษไทยก็ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ย


ลูกชิ้นเนื้ออร่อยมากกกกกกกกก   ใครมาแนะนำให้มาลองเลยนะคะ ราคาชามนี้ 80 บาทแพงนิดแต่ก็เยอะมาก คุ้มสมราคาจ้า


อิ่มของคาวแล้ว มาต่อของหวาน เดินมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแค่สองคูหาเท่านั้นก็เจอร้านไอติมอร่อยราคาไม่แพง กินแล้วลืมร้านในห้างไปเลยจ้าา ร้านชื่อ Bucket&Beyond หน้าร้านจะมืดๆ ต้องสังเกตดีๆ ไม่งั้นอาจเลย


ไอติมมีหลายรสมาก พี่เจ้าของร้านใจดีให้เราชิมทุกรส ในที่สุดก็เลือกมาได้ อร่อยทุกก้อนนน



จบทั้งหวานทั้งคาวแล้ว ได้เวลาเดินถ่ายรูปกันซะที บนถนนพระอาทิตย์นี้สั้นๆ เดินง่ายค่ะ เราไปกันก็ไม่ได้วางแผนอะไร พี่ที่ร้านไอติมบอกเราว่าให้ลองไปเดินตรอกๆ หนึ่งที่เลยจากร้านพี่เขาไป สังเกตง่ายๆ ตรอกนี้ฝรั่งเดินเข้าออกเยอะ เดินไปไม่ไกลก็เจอจริงๆ ด้วย


ตรอกที่เห็นยาวไม่ถึง 100 เมตรแต่ว่าก็ทำให้เราหยุดถ่ายรูปอยู่ได้นานหลายจุด มีตึกเก่าส่วนใหญ่จะเป็นร้านนวด ร้านอาหารฝรั่ง เหมือนเป็นข้าวสารเล็กๆ 



ถ้าทะลุซอยนี้ไปเราจะเจอกำแพงวัดชนะสงคราม มีทางเข้าเล็กๆ น่าจะเป็นประตูด้านหลังวัด เราไม่เคยมีข้อมูลของวัดนี้มาก่อน แต่ว่าไหนๆ มาแล้วลุยเข้าไปเลยจ้า



ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันซะหน่อย ขอพรให้วันนี้อากาศดี ไม่ร้อน ถ่ายรูปสวยๆ สาธุๆ


ออกจากวัดเราเดินย้อนมาทางเดิม ได้เห็นตึกเก่าๆ อาคารตกแต่งแปลกตาเยอะเลย


เจอร้านกาแฟดังด้วยจ้าาา แต่ไม่ได้แวะ ไว้คราวหน้า



มาถึงแล้วจ้า สวนสันติชัยปราการ ลมพัดเย็นสบายมากๆ เลย







ออกจากสวนสันติชัยปราการ ตรงประตูใกล้ๆ กับตัวป้อมจะเห็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งซึ่งมันน่าสนใจมาก ไม่รอช้าลุยเลยจ้าาา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ชื่อว่าพิพิธบางลำพูค่ะ


ตัวพิพิธภัณฑ์ร่มรื่น อยู่ริมน้ำ ไม่เก็บค่าเข้าชมค่ะ การเข้าชมจะมีเป็นรอบๆ มีคนนำชมและบรรยายให้ฟังตลอด



มีของทีระลึกขายในส่วนของห้องโถงค่ะ มีเหรียญที่น่าสนใจหลายเหรียญ


ระหว่างรอถึงรอบการเข้าชมตรงชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์มีห้องจัดแสดงหมุนเวียนแสดงอยู่ด้วย ตอนที่เราไปจะเป็นเรื่องวันแม่ค่ะ

พอถึงเวลาจะมีประกาศเรียก แล้วก็มีน้องมาพานำชมทีละห้อง ห้องแรกๆ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของกรมธนารักษ์ค่ะ



มีกิจกรรมให้เราลองใช้เหรียญด้วยนะ ไม่ได้จะมีแต่ให้เราฟังบรรยายอย่างเดียว



มีห้องที่จัดแสดงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทำเหรียญตั้งแต่สมัยโบราณให้ชมด้วยค่ะ



หมดจากส่วนแสดงเกี่ยวกับกรมธนารักษ์เราจะเดินมาโผล่อีกตึกใกล้ๆ กัน เป็นแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านบางลำภู


มีโรงหนังจำลอง ขนาดเล็กฉายหนังให้ดูด้วย


มีร้านเก่าแก่ในย่านบางลำภูรวบรวมอยู่ในนี้ทั้งหมด ซึ่งบางร้านก็ไม่มีอยู่แล้วตอนนี้



และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือต้นลำพูจ้าา


ออกจากพิพิธบางลำภู ข้ามถนนมาเราก็จะเจอร้านชาเป้าหมายหมายหลักของเราแล้วค่ะ วันที่ไปเขามีการเปลี่ยนป้ายร้านย่านนั้นกันหมดเกือบหาไม่เจอดีนะเราจำหน้าร้านได้ ร้านชานี้ชื่อ โรงน้ำชามิตรามิตรนะคะ


เป็นร้านชาที่ไม่เหมือนที่ไหน พี่เจ้าของร้านใจดีมาก คุยสนุก ได้ความรู้เกี่ยวกับชาเยอะแยะเลย ใครที่ไม่ค่อยรู้เรื่องชากินชาไม่ค่อยเป็นพี่เขาก็จะแนะนำให้ได้ค่ะ ว่าควรจะดื่มอันไหนดี 


ราคาชาที่เห็นเป็นต่อ 1 กานะคะ หมดแล้วก็เติมน้ำร้อนได้อีก แถมยังแถมขนมไทยอร่อยๆ มาให้กินกับชาด้วยค่ะ



ชาที่ลองชื่อชาอู่หลงไต้หวัน "มิลค์อู่หลง" รสชาติหอมแล้วก็หวานติดปลายลิ้นทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล สำหรับคนที่เคยกินพวกชาขวดในร้านสะดวกซื้อ ถ้าลองไปร้านนี้แล้วจะเคลิ้มแน่นอนรับรองเลยจ้า


จบการทริปนี้แล้วประทับใจทุกอย่างเลย ถ้ามีโอกาสจะไปซ้ำอีกแน่นอน โดยเฉพาะร้านชายังมีอีกหลายตัวที่ยังไม่ได้ลอง 

แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะบางลำพู.....Smiley




Create Date : 07 กันยายน 2559
Last Update : 7 กันยายน 2559 16:54:06 น.
Counter : 1601 Pageviews.

3 comment
1  2  

yachair
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments