อิสตัลบูล ตุรกี ป๊ะ สาวแขกพาเที่ยวเมืองแขก The Hagia Sophia พิพิธภัณฑ์ไฮยาโซฟี ในสมัยเเรกที่มีการสร้างไฮยาโซเฟียนั้น สร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์คริสในนาม ไจแอนท์เชริช ไฮยาโซเฟียได้โดยทำลายอยู่หลายครั้ง เแต่หลังจากการชนะสงครามของเมืองอิสตันบูล ในวันที่ 29 พฤษภาคม ปี1453 ฟาติส สุลต่านอาห์เหม็ด ได้ทำการปฏิสังขรณ์มาเป็นสุเร่าไฮยาโซเฟีย หากเข้าไปภายในจะเห็นพระรูปของพระเยซูคริส(หรือนบีอีซา) และพระนางแมรี่ (มารียาม)อยู่ภายใน ไฮยาโซเฟียมีชื่อในเรื่องสถาปัตยกรรมซึ่งล้ำหน้ากว่าตึกในสมัยเดียวกัน ประกอบด้วยโดมใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งสุเหร่า การติดหินอ่อนสีเป็นลวดลายต่างบนเพดาน การสร้างเสา 107 เสาจากเพดานลงมาที่พื้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอนาจักรไบซาติน ในทศวรรศที่หก ถ้าจะไปบลูโมสค์ อย่าไปช่วงมีการทำละหมาดนะคะเพราะนักท่องเที่ยวเข้าไม่ได้ ไปทานเข้าเที่ยงแล้วอย่าลืมหอบกระดูกไปฝากน้องแมวผู้หิวโหยนะจ๊ะ Sultanahmet Mosque (the Blue Mosque)สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ด หรือ บลูโมสค์ ที่นี่เป็นหัวใจของการเที่ยวอิสตันบูลก็ว่าได้ ค่ะ ที่นี่เป็นสุเหร่าแรกที่สร้างหอคอยสุเหร่า ถึงหกอัน ทั้งยังเป็นสุเหร่าที่สำคัญที่สุด สร้างขึ้นจากการบริจาคในอณาจักรอ็อตโตมัน สุเหร่าตั้งอยูบนสุลต่านอาห์เหม็ดสแควร์ ซึ่งตอนนี้แวดล้อมด้วยเมืองและศูนย์การค้า ตรงกันข้ามเป็นพิพิธภัณณ์ไฮยาโซฟี สุเหร่านี้สร้างขึ้นในยุคของ สุลต่านอาห์เหม็ดที่หนึ่ง ระหว่างปี คศ1609 ถึง 1616 สุเหร่านี้เรียกว่าบลูโมสค์เพราะ มีการติดกระเบื้องที่ที่เรียกว่าอิสนิก (เป็นกระเบื้องสีขนาดเล็กๆ) ภายในตัวสุเหร่า มองจากด้านนอกจะมีสีฟ้าอมเทา ด้านในสุเหร่านะจ๊ะ หากจะเข้าจะต้องคลุมหัวนะ หอบผ้าคลุมใหล่จากฮออล์แลนด์ไปก็ได้ เพราะที่นั่นมีขายแต่เราไม่รู้ราคาหรอก เดี๋ยวโดนแขกหลอกนะจ๊ะนายจ๋า ด้านในสุเหร่างามมาก อิสตันบูลเหมือนเมืองอื่นๆในยุโรปที่เรา มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่สถานีรถไฟแล้วเมืองอยู่รอบต่างกันตรงที่อิสตันบูลมีศูนย์กลางเมืองที่สุเหร่าบลูโมสค์ ไม่ว่าเดินทางจากไหนก็จะมาลงแถว อาทาทุกแอร์พอร์ท รึว่า อาทาทุกบขส ซึ่งอยู่ไกล้กัน วิธีสะดวกสุดคือนั่งแทกซี่มาลงที่ สุลต่านอาห์เหม็ดสแควร์ นี่จะเป็นจุดแรกที่จะโดนแขกหลอก ป้องกันได้โดยทักไปก่อนว่าอัสลามูอะไลกุม (การทักทายของมุสลิม) สะกดไว้ก่อน ส่วนมากจะช่วยได้หน่อยนึงนะ ทีนี้เอาสมุดเล่มเล็กกะปากกาไปด้วยไว้เขียนราคา เพราะแทกซี่มอเตอร์มันไม่เปิดมิเตอร์ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ ยี่สิบไลร่าหรือ ประมาณ สิบยูโร พอมาถึงสุลต่านอาห์เหม็ดสแควร์ ให้ดูก่อนว่าเวลามีเท่าไหร่ ที่นี่มีสถานที่น่าเที่ยวมากเช่น ไฮยาโซเฟีย บาร์ซ่า วังสุลต่าน บลูโมสค์ ทุกอย่างกะว่า ใช้เวลา ประมาณหกชม มาสิบโมงก็เสร็จบ่ายสี่ กินข้าวดูโชว์ ระบำหน้าท้องก็หมดวัน วันที่สองแนะนำให้นั่งฮอบออน ฮอบออฟ บริษัทชื่อ ไซค์ซีอิ้งทัวร์ รถสีแดงมีบริการเมืองท่องเที่ยวเกือบทุกเมือง ประโยชน์คือไม่ต้องทะเลาะกับคนขับแท็กซี่ เดินหนีคนขายร่ม รึคนขายทัวร์ และคนขายพรม ราคาคนละยี่สิบยู ดูเหมือนว่าแพงนะ แต่เค้าจอดสถานที่ที่น่าดูทั้งนั้น คิดดูว่า นั่งแทกซี่มิเตอร์ เที่ยวเดียว สามสิบโล ยี่สิบนาทีก็ปาเข้าไป ห้าสิบไลร่า นี่ลงๆ เที่ยวๆ ยังขึ้นมาได้อีกต่างหาก การสื่อสารส่วนใหญ่ใช้ภาษามือ และเขียนเอา มีคนพูดอังกฤษน้อยมาก ไอ้ที่พูดได้ก็ไม่อยากพูดด้วย เพราะแขกจะขาย ขาย ขาย ต่อได้แบบครึ่งๆแล้วยังมีร้านขายถูกกว่า เดินตามพาเที่ยวครึ่งวันก็มีแต่ต้องจบที่ร้านที่เค้าขายพรม แนะนำให้ไปซื้อที่ชอบปิ้งมอลล์ใหญ่ๆไปเลย แบบที่ติดราคา สบายใจ รุปข้างล่างคือตลาดปลาชื่อ Kukumpi ข้างๆจะมีคนมาตกปลาเยอะมากๆๆๆ เค้าตกด้วยขนมปัง ได้กันเยอะด้วยนะ เค้าจะมีแกลลอนใส่น้ำข้างๆ ไปชะโงกดูได้ส่วนใหญ่เป็นปลาเทราท์กะปลาไหล ตกได้แล้วเดินไปให้ที่ร้านทำให้ รอกินสบายๆเหมือนร้านซีฟู้ด แต่อาหารที่นี่จะออกทางจืด ทางที่ดีพกน้ำพริก รึโขลกน้ำจิ้มซีฟู้ดไปจะช่วยได้มาก ถ้าคนที่หนีบไปด้วย ใจดีใจอ่อน อย่าพาไปอิสตันบูล กระเป๋าทะลุได้ง่ายมาก วันนั้นหนีบเพื่อนเอ็ดวินไป เจอคนขายพรมดัก ต่อจาก ห้าสิบไลร่าเหลือ ยี่สิบห้า เค้าให้ง่ายๆ (ซวยละ) พอหันไปให้เค้าช่วย ฮีบอก พรมสวยนะ ถ้าซื้อที่ฮอลล์แลนด์ไม่ได้ราคานี้นะ เอ่อ พี่ เราจะโดนแขกหลอกแน่เเย้ว ทีนี้พ่อค้าเอามายัดในถุงอีกสองผืน บอกว่าให้ห้าสิบลิร่า ขอดูตังค์ทอนหน่อย ฮีให้ดูเค้าจะฉกไป ซันนี่รู้ทันเลยจับไว้ แล้วเอาพรมไปคืน แขกขายเก่งมาก ส่วนบลิงๆไม่ต้องพูดถึง ไปถึงบาร์ซ่าแล้วมันสะท้อนเข้าตา อาการจะมึนๆงง คล้ายจะเสียตังค์ ดีนะโดนเอ็ดวินลากออกมาก่อน เฮ้อ รอดไปอีกวัน   Create Date : 16 ตุลาคม 2551     Last Update : 17 ตุลาคม 2551 18:54:46 น. Counter : 528 Pageviews.   4 comment Share Tweet