[The Dark Knight] BoxOffice & IMDB #1 & RT 95% หลังจากที่ The Dark Knight ฉายก็เกิดปรากฏการณ์ Dark Knight Fever ไปทั่วครับไม่ว่าจะเวปไหนกระแสก็ออกมาดี เช่น IMDB เวปข้อมูลหนังต่าง ประเทศสมาชิกก็ได้โหวตให้ The Dark Knight ขึ้นอับดับ 1 ใน Top 250 Movie ในเวลาไม่กี่วันโดยขณะนี้จำนวนคนโหวตก็อยู่ที่ 115,340 ครับ นอกจากนี้ก็ยังได้รับคะแนนวิจารณ์ในระดับดีมากๆที่เวป rottentomatoes หรือบ้านเราเรียกว่าเวป มะเขือเน่า อยู่ในระดับ 95% ค่า Average 8.5 ครับ ส่วนรายได้ Box Office ของอเมริกา The Dark Knight ทำลายสถิติไว้หลาย รายการแล้วผมคงไล่เรียงไม่ถูกก็แต่ Boxofficemojo มีรายละเอียดไว้ครับ ตอนนี้รายได้อยู่ที่ $222,150,806   Create Date : 25 กรกฎาคม 2551     0 comment Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 16:43:53 น.     Counter : 439 Pageviews.   Share Tweet

ความแตกต่าง Batman : Gotham Knight นิยายกับอนิเม ผมเคยพูดเรื่อง Gotham Knight ฉบับนิยายไว้ใน blog ครั้งหนึ่งแล้วก็ก่อนที่จะดู The Dark Knight ก็ได้หยิบแผ่นมาดูก็รู้สึกว่านิยายกับหนัง ช่างต่างกันราว ฟ้ากับเหว คือผมชอบนะตัวหนัง แต่ผมอยากได้มากกว่านี้มากเท่าที่ผมได้รับเหมือนตอนอ่านจากนิยาย ก็บอกกับตัวเองว่าเอาน่ะตัว อนิเม มันมีปัจจัยหลายด้านที่ต้องนำเสนอแบบนั้น นิยายก็อีกแบบ เลยอยากเอามาแชร์กัน ว่ามันต่างกันอย่างไร - ในนิยายเหตุการณ์เริ่มต้นที่ตึก Aparo และตัวดำเนินเรื่องคือ Dander พนักงานบนหอคอย - ไม่มีเด็กสเก็ตบอรด์มาเล่าเรื่องให้ฟัง แต่ยกเว้นคนผู้หญิงใน อนิเมที่เล่นสเก็ตบอรด์ โผล่มา - ปืนของ Men in Black ไม่ได้โดนทำลาย อันหนึ่ง Batman เก็บไว้อีกอันให้กองพิสูจน์หลักฐาน MCU - มีการเล่าถึงว่า Men in Black ได้พวกอาวุธมายังไง แล้วพักอยู่ที่ไหน - มีเหตุการณ์ขั้นระหว่างตามล่า Men in Black ในงานเลี้ยงของ Teresa Palmer นักเขียนและทนายความชื่อดังที่หวังจะฟื้นฟู Gotham อีกคนหนึ่งในงาน Ronald Marshall อยู่ด้วย(คนที่ตีกอฟกับบรูซในอนิเม) - Teresa เธอโดน Deadshot สังหารต่อหน้าต่อตา Bruce - ในงานเลี้ยงมีหน่วย MCU อยู่ด้วยสองคนคือ Crispus Allen กับ Reene Montoy ซึ่งในอนิเมกลายเป็น Ramirez - Renee Montoy น่าสนใจกว่า Ramirez เยอะมากๆ แล้วเธออยากเจอ Batman มากแต่ไม่เคยเจอ - มีการอธิบายว่า MCU เป็นหน่วยที่ Gordon เลือกคนมาเอง - ในช่วงก่อนงานเลี้ยง บรูซ ได้พูดถึงดาวเทียมสื่อสาน i-beam 7 ของบริษัท(ที่จริงเป็นดาวเทียมที่เอาไว้ถ่ายรูป) - Men in Black โดนจับเพราะเครื่อง Jet พี่แกพัง - พอโดนจับก็เหมือนเดิมคือต้องไปส่งเข้า Arkham แล้วก็แบบในตอน Crossfire - ใน Crossfire มีอธิบายนิดเดียวเองว่าพวก Maroni กับ Russians ทะเลาะกันเรื่องอะไรในนิยายบอกว่า พวก Russians ไปบุกเขต Maroni ในเขต Little Roma แล้วฆ่าคนของ Maroni - บรูชไปขอให้ ฟ๊อก ช่วยสืบเรื่องเรือของ Maroni โดยใช้ดาวเทียม - อุปกรณ์พลังงานแม่เหล็กที่เห็นใน อนิเม มีชื่อว่า Batbaby - ไอ้ตัวที่เอาไว้เบี่ยงกระสุนในนิยายอธิบายว่ามันใช้ทฤษฏี Magnatic Monopole (ปัจจุบันยังทำไม่ได้) แล้วเรียกมันว่า Gizmo Bruce ประทับใจไอ้เจ้า Gizmo นี้มากถึงได้บอกกับ Fox เลยว่าเจ้านี้เอาไปเป็นรางวัล โนเบล ได้เลย แต่ Fox บอกว่าไม่ต้องการเพราะถ้าเทคโนโลยีนี้เผยแพร่ออกไป มันอาจจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดแล้วไป ฆ่าคนเป็นหมื่นเป็นล้าน แต่ถ้า Batman เอาไปใช้เขาจะเอาไปใช้ช่วยชีวิตคน เป็นการเปิดเผยว่าเขารู้เรื่อง Batman ครั้งแรกหลังจากแสร้งมานาน ผมชอบช่วงนี้ของนิยายมากแต่ในอนิเม ไม่มี - แล้ว Batman ก็ต้องการทดสอบ Gizmo ภาคสนามเลยต้องอาศัยที่ๆคนน้อยที่สุดเลยไปใช้บนเรือของ Maroni - กระสุนโดนกระหน่ำเข้ามาจน Batman คิดขึ้นมาได้ว่าถ้ามันสามารถหยุดกระสุนเลยคงจะดีกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ประชาชนอาจจะโดนลูกหลงก็ได้ ต่างจาก อนิเม ที่ต้องรอให้คนอื่นโดนลูกหลงก่อนแล้วค่อยมานึก - เอาเจ้าลูกน้อง Russian ใน อนิเมที่โดนลูกหลงชื่อ Anton ในนิยายจะโดนหัวหน้ามันยิงเองเพราะมันไม่พอใจ มันมั่วว่า Anton เป็นคนเรียก Batman มาแล้วจะตามฆ่า - มีบทสนธนาบนรถระหว่าง Batman กับ Anton เรื่องให้ช่วงเอาครอบครัว Anton ไปอยู่ใน Safehouse - พอมาถึงโรงบาล Anton ยอมเข้ารักษาแต่โดยดี หลังจากนั้น Batman ก็ออกตามหาครอบครัว Anton - Crispus Allen กับ Renee Montoya ก็มาสอบปากคำที่โรงบาล Anton ก็บอกว่าจะเปิดโปงเรื่อง Ruissian ทั้งหมด แต่ไม่นานก็โดน Deadshot ลอบสังหาร - Killer Croc เป็นคนในคณะละครสัตว์ที่เป็นโรงผิวหนังจับมาทดลอง - หลัง Batman Begins เจ้า Crane ไปสร้างฐานลับๆอยู่ใต้ Arkham แต่ตอนนี้หนีไปหมดแล้ว - ในนิยายจะบอกว่าพอ Batman โดน Croc กัดจะติดสารพิษจากตัว Croc ทำให้เขาประสาทหลอนนึกถึงเรื่องที่ India - ในอนิเม พอสู้กับ Croc เสร็จเรื่อง Croc ก็จะจบเลยแต่ในนิยาย Batman จะกลับมาวางกับดักจับ Croc จนจับได้ - ตอนต้นเรื่องของ อนิเม เมืองที่ Deadshot ไปสังหารคนคือ San Diego - Batman เอา Gizmo ให้ Gordon เอาไปใช้ - Deadshot ซุ่มยิง Gordon ที่ตึก Kane แต่ในอนิเม ใช้เป็นรถไฟ แทน ซึ่งเข้าไปถึงในตัวรถเลยแต่ด้วยที่ Gordon มี Gizmo อยู่กับตัวกระสุนเลยถากๆ ไม่เหมือนใน อนิเม ที่ Batman เหินหาวมารับลูกกระสุน - Batman โดนยิง 3 นัดแต่ก็ทนเจ็บมาได้ - Deadshot มันพรรณนาว่ามันเป็น พระเจ้า และต้องการฆ่า Batman เพื่อจะได้เป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุด - ตอนจะจบหนังสือจะหลอกเราว่า Deadshot กระหน่ำยิง Batman จนตายไปแล้วแต่จริงๆมันเป็นแค่ผ้าคลุมที่ Batman ถอดออกมา แล้ว Batman ก็จะโผล่มาศอกเข้าที่หัว Deadshot พร้อมกับพูดว่า "แกไม่ใช่พระเจ้า แค่พวกอาญากรที่มีปืน" - Deadshot เข้าโรงบาลอยู่ห้องเดียวที่เขาเคยฆ่า Anton และบอกว่าจะให้การเรื่องผู้จ้างวานเขาในการสังหาร Teresa Palmer กับ Anton คือ Ronald Marshall กับพวก Russians - ตอนใกล้จบ Bruce ไปเห็นชื่อคนหนึ่งในบอรด์สนามกอฟล์คือ Oswald Coperpot ตาเพนกวิ้นนี้เอง ที่จริงยังมีรายละเอียดอีกเยอะเกี่ยวกับนิยายแต่ผมจำไม่ไค่อยได้แล้ว ที่สำคัญบุคคลสำคัญในประวัติศาตร์ Batman ก็จะถูกให้ตั้งชื่อเป็น ถนน , สนามกอฟล์ , สะพาน เพื่อเป็นเกียรติด้วยเช่น Frank Miller , Bob Kane , Bill Finger , David Goyer , Chistopher Nolan ฯลฯ ถ้าจะให้คะแนนผมจะให้ อนิเม : 7.5 /10 นิยาย : 8.5/ 10   Create Date : 20 กรกฎาคม 2551     3 comment Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 12:24:39 น.     Counter : 495 Pageviews.   Share Tweet

วิวัฒนาการของ Batmobile สวัดดีทุกท่านอีกครั้งครับ คราวที่แล้วก็ได้พูดถึง Batarang ของ Batman คราวนี้ผมจะมาว่าด้วยเรื่อง Batmobile แต่ละภาคให้อ่านกัน Batman 1989 จะพูดว่านี้คือ Batmobile คันแรกก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ก็มีมาแล้วสองคันในหนังยาวเมื่อปี 1943 กับทีวีชุดในปี 1966 ซึ่งออกแบบมาดูเด็กๆ แต่พอมาในหนังฉบับของ Tim Burton ก็ต้องมีการยกเครื่องกันใหม่เพื่อให้เข้ากับโทนหนังมืดๆของแก Batmobile ออกแบบโดย Anton Furst ครับ และสร้างโดยทีมงานช่างเทคนิค 12 คนแล้วสร้างเสร็จภายใน 2 เดือนกว่า ลักษณะของรถเหมือนการเอารถแข่ง F1 กับรถถัง Leopard II มาร่วมเข้าไว้ด้วยกัน รถคันนี้สามารถเร่งความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 15 วินาที และเจ้านี้กินเชื่อเพลิงมากๆด้วย ในรถมีพลังงานไฟฟ้า 24 โวลท์เอาไว้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ มาดูข้อมูลทางเทคนิคกันดีกว่า กว้าง : 2.4 m ยาว : 5.9 m เครื่องยนต์ : Jet Turbine เชื้อเพลิง : น้ำมันเบนซินผสมพาราฟิน ที่นั่ง : 2 คน คุณสมบัติพิเศษ - ตะขอเกี่ยว - ปืนกลด้านหน้า 2 ข้าง - Cocoon Mode(ที่หุ้มตัวรถ) - ระเบิด ด้านหน้ารถ Cocoon Mode พอใช้แล้วก็จะเป็นดังรูปยิงไม่เข้า ระเบิดโดนก็ผิวๆ  --------------------------- Batman Returns ภาคนี้รถแถบไม่ได้เปลี่ยนแปลอะไรเลยครับยังคงเป็นคันเดิมจากภาคที่แล้วแต่จะให้มันเหมือนเดิมหมดก็คงจะไม่ได้ (เดียวของเล่นขายไม่ออก) ก็เลยมีการเพิ่มลูกเล่นของเล่นมานิดหน่อยครับ แต่ Anton Furst คนออกแบบภาคที่แล้ว มาเสียชีวิตก่อนเลยต้องให้ Bo Welch มารับหน้าที่แทนครับผมคงไม่ต้องบอกถึงข้อมูลทางเทคนิคแล้วมาดู ลูกเล่นเลยดีกว่า คุณสมบัติพิเศษ - ตะขอเกี่ยว - ปืนกลด้านหน้า 2 ข้าง - Cocoon Mode(ที่หุ้มตัวรถ) - สามารถถอดตัวปีกสองข้างแล้วแปลงเป็น Batmissile Batmissle แยกออก --------------------------- Batman Forever ไม่แน่ใจว่าผลจากภาคที่แล้วรถ Batman โดนเล่นงานซะเกือบพังภาคนี้เลยได้รถคันใหม่ครับ ออกแบบโดย Barbara Ling มาในภาคนี้ทางทีมงานได้ให้อิสระในการออกแบบมากว่าภาคที่แล้วครับ เพราะกว่าจะออกมาเป็นแบบที่เห็นๆกันก็ได้มีการร่างตัวต้นแบบออกมาหลายอันเลยครับ เป็น Batmobile ที่สามารถเห็นเครื่องยนต์ด้านในได้ทำให้รูปร่างดู เซ็กซี่ขึ้นมาหน่อย แต่พิศดารตรงที่ รถคันนี้ไต่กำแพงได้(!) ใช้เวลาสร้าง 4 เดือนและสร้างมา 3 คันด้วยกันเพื่อใช้ในการถ่ายทำ 1. เอาไว้ให้สตันท์ขับมีการปรับแต่งตัวเบรก ซึ่งจะมองไม่เห็นเครื่องยนต์ด้านใน 2. เอาไว้เข้าฉากต่างๆอย่างเช่นไต่กำแพง 3. คันนี้เอาไว้เพื่อโชว์รูปร่างเครื่องยนต์ภายใน ข้อมูลทางเทคนิค สูง : 3.2 m ยาว :  7.62 m เครื่องยนต์ : Chevrolet 350 ZZ3 ที่นั่ง : 2 คน คุณสมบัติพิเศษ - ยิงตะขอ - ไต่กำแพง - ล้อหมุนได้ 90 องศา --------------------------- Batman & Robin เมื่อภาคที่แล้ว Batmobile โดยทำลายภาคนี้เลยต้องมีการสร้างกันใหม่ คนออกแบบยังเป็นเจ้าเดิมจากภาคที่แล้วครับคือ Barbara Ling Batmobile คันนี้ออกแบบมาได้แนว การตูน แฟนตาซีหลุดโลกไปเลย มาด้วยของเล่นมากมาย มีคอมพิวเตอร์ติดต่อกับผู้บัญชาการ Gordon โดยตรงเลยด้วย คันนี้เหมือนคนออกแบบอยากใส่ อะไรก็ใส่เต็บสูบ ไอพ่นไฟจากที่มีท่อเดียว ก็ใส่มันไปเลย 6 ท่อ ปืนกลภาคที่แล้วไม่มีอ่ะงั้นภาคนี้ เอาจรวด Rocket ยัดเข้าไปเลย ข้อมูลทางเทคนิค สูง : 1.5 m ยาว :  10 m เครื่องยนต์ : Chevrolet 350 ZZ3 ความเร็วสูงสุด : 230 mph หลังจากที่ afterburn จะได้ 350 mph (ไมล์ต่อชั่วโมง) ล้อ : Goodyear 55cm ที่นั่ง : 1 คน คุณสมบัติพิเศษ - ท่อไอเเสีย 6 ท่อเอาไว้ใช้ afterburn เร่งความเร็ว - ยิงตะขอได้ทั้งด้านหน้าด้านหลัง - จรวด Rocket - สามารถดีดตัวจากที่นั่งคนขับได้ --------------------------- Batman Begins ภาคนี้แหวกแนวจากภาคที่แล้วจะเน้นออกแบบรถให้คล้ายๆ รถ F1แต่มาในภาคนี้กลายเป็นแนวรถถังไปเลย และคงได้แรงบรรดาลใจจากตอน The Dark Knight Returns ที่ Batman ใช้ Batmobile เป็นรถถังเต็มรูปแบบ ออกแบบโดย Nathan Crowley ทางด้าน Chris Nolan สละเวลามาดูงานช่วงสร้างรถคันนี้ตลอดเวลาด้วยครับ เพราะเขาต้องการให้คันนี้ออกมาบนแผ่นฟิมล์ได้ดีที่สุด รถคันนี้ในหนังออกแบบโดย ลูเชียสฟ๊อก เพื่อเอาไว้ใช้ ในทางทหาร เช่นสร้างสะพาน ซึ่งมันยังคงเป็นรุ่นต้นแบบอยู่ด้วยโค้ดเนม Tumbler สามารถกระโดดได้สูง 6 ฟุตระยะทาง 40 ฟุตโดยต้องทำความเร็ว 220 ไมล์ต่อชั่วโมง มีโหมด Stealth ใช้ในการ เบาเสียงเครื่องยนต์ และ Attack โหมดใช้ในการยิงจรวด เร่งความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.9 วินาที ใช้งบสร้าง 1.7 ล้านดอลลาร์ ข้อมูลทางเทคนิค น้ำหนัก : 2.5 ตัน กว้าง : 2.8448 m ยาว : 4.572 m ล้อ : ล้อหลัง 4 ล้อล้อละ 44 นิ้ว เครื่องยนต์ : 500-HP Chevy 350 V8 (500 แรงม้า) คุณสมบัติพิเศษ - จรวด Rocket - ปืนกลหน้ารถ - กระโดด - Attack Mode เมื่อเข้าสู่โหมดนี้ที่นั่งคนขับจะลงไปอยู่ด้านหน้า - Steath Mode เป็นการเบาเสียงเครื่องยนต์ให้เงียบ - เรดาร์ --------------------------- หมดแล้วครับสำหรับ Batmobile ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านนะครับ คราวหน้าอาจจะเอาข้อมูล Batpod มานำเสนอ Free TextEditor   Create Date : 19 กรกฎาคม 2551     0 comment Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 1:53:18 น.     Counter : 625 Pageviews.   Share Tweet

[The Dark Knight] My Review The Dark Knight ภาคต่อของ Batman Begins ที่ฉายไปในปี 2005 หลังจากเราเห็นไพ่ Joker บนดาดฟ้าตึก Gotham City Police Department เราก็รอเวลาภาคต่อของเรื่องนี้อย่างยาวนานถึง 3 ปี ซึ่งมันก็คุ้มค่ากับการรอมาก การดำเนินเรื่องในภาคนี้ใน ผสมไปด้วย การหักมุมที่ไม่ค่อยมีกันในหนัง "ซุปเปอร์ฮีโร่" ความเศร้า ความกดดัน คำพูดเชิงตลกแทรกปรัญญาของอัลเฟรด แผนการโจรกรรมของโจ๊กเกอร์ แบล๊กเมล์ หรือจะอะไรอีกก็แล้วแต่ ต้องบอกว่าสุดยอดมากๆ ถึงแม้จะฉาก Action จะไม่ได้เยอะเหมือนหนังตลาดทั่วไป แต่แต่ละฉากแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้กับกำและนักแสดงเป็นอย่างดี การแสดงเรื่องนี้ทุกคนแสดงได้ดีมากๆ ส่วนของ Heath Ledger แต่ละฉากที่ต้องเข้ากับนักแสดงคนอื่นก็ขโมยซีน ได้เกือบตลอดคงเป็นเพราะอีกฝ่าย ต้องยืนนิ่งๆโดยไม่มีบทโต้ตอบ ทำให้เขาสามารถดึงความสามารถออกมาได้เต็มที่ ธีมของเมืองดูจะขัดจากภาคแรกไปหน่อยตรงที่ Batman Begins สภาพเมือง จะมืดๆดูสกปรกๆ ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้มันฟ่อนเฟะแค่ไหน คนข้างถนนมีพลุก พล่านไปหมด แต่กลับมาภาคนี้สภาพเมืองกลายเป็นอีกแบบ เราจะไม่ได้เห็นคนข้างถนนเหมือนภาคที่แล้ว สภาพถนนก็ดูสะอาดขึ้น คงเป็นเพราะว่าภาคที่แล้วเหตุการณ์เน้นไปที่ตอนกลางคืน แต่ภาคนี้ผสมกันไป แต่ก็ต้องชมด้วยว่า ทีมงานเลือก Location ในการถ่ายทำได้ดี วิวเมืองสวยมาก ของเล่นภาคนี้ก็มาเต็มไปหมด ที่ผมชอบสุดคงไม่พ้น Batpod แถมฉากนั้นของ Batpod ผมคิดว่าคนที่ได้ดูคงต้องร้อง "ว้าว!" แน่นอน ก่อน จะจากกัน The Dark Knight ก็บอกเราว่า Batman เขาไม่ใช่ฮีโร่ แค่คนธรรมที่ยอมเสียสละตนเอง อดทนสู้กับสิ่งต่างๆ อดกลั้นความรู้สึก เพื่อให้เมืองที่เขารักยังคงมีแสงสว่างแห่งความหวังต่อไป เพราะความเสียสละคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าการกระทำใดๆ 5 / 5   Create Date : 18 กรกฎาคม 2551     2 comment Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 14:44:29 น.     Counter : 389 Pageviews.   Share Tweet

รูปงาน Premiere Of "The Dark Knight" at New York อีก 2 วัน! ขอบคุณรูปจาก Gettyimages ครับ   Create Date : 15 กรกฎาคม 2551     0 comment Last Update : 15 กรกฎาคม 2551 15:05:14 น.     Counter : 343 Pageviews.   Share Tweet