' ขอบคุณทุกท่านที่คอมเม้นท์ ^^ '
 

The Island : พาเพลิน แต่ไม่ชวนอิน



ลินคอล์น ซิกซ์-เอ็กโค และ จอร์แดน ทู-เดลต้า นั้นอยู่ในบรรดาผู้อยู่อาศัยหลายร้อยคนในที่จำกัด พร้อมสิ่งอำนวย ความสะดวกในช่วงกลางศตวรรษที่ 21 ทั้งสอง ก็เช่นเดียวกับผู้ร่วม ชะตากรรมที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมอย่างระมัดระวังทุกสิ่งที่เกี่ยวกับชีวิต ประจำวันของพวกเขาถูกเฝ้าสังเกตุ หากมองผิวเผินแล้วดูดีต่อพวกเขาเอง หนทางและความหวังเดียวที่พวกเขามี ร่วมกัน คือการได้รับเลือกให้ไป The Island – สถานที่สุดท้ายที่ยังบริสุทธิ์ในโลกจากภัยพิบัติทางระบบนิเวศ ที่มีรายงานว่าทำลายล้างทุกๆ สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายบนโลก ยกเว้นพวกเขา

เมื่อถูกรบกวนจากฝันร้ายที่อธิบายไม่ได้ ลินคอล์นหงุดหงิด และมีคำถามต่อสถานที่ที่โดนจำกัดในชีวิตเขาเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่ได้ ตระเตรียมสำหรับความจริงเมื่อความอยากรู้อยากเห็นที่มากขึ้นของเขา ได้นำไปสู่การเปิดเผยที่น่ากลัวว่าทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการมีชีวิตของเขาเป็น การหลอกลวง The Island คือการหลอกลวงที่แสนโหดร้าย ... และที่นั่นซึ่งเขา จอร์แดนและทุกๆคนรู้จัก ที่จริงแล้วพวกเขา มีประโยชน์เมื่อตายไปแล้วมากกว่าการมีชีวิต เมื่อเวลาใกล้จะหมดลง ลินคอล์นและจอร์แดนได้หลบหนีอย่างกล้าหาญสู่โลกภายนอกที่พวกเขา ไม่เคยรู้จักเลย ก่อนที่พวกเขาออกมาอยู่ภายนอกและออกมาจากสายตา ที่สอดส่องของสถาบัน ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนอันบริสุทธิ์ที่พวกเขามีให้กัน เริ่มแน่นแฟ้นไปสู่บางอย่างมากขึ้น แต่ด้วยกองกำลังของศูนย์อำนวยการ ที่ตามล่าพวกเขาอย่างไม่ละเว้น ลินคอล์นและจอร์แดนมีภาระกิจที่สำคัญ การมีชีวิตอยู่



สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องก็คงเป็นสองดารานำ Ewan McGregor และ Scarlett Johansson เพราะว่าดูดีกันมากในเรื่องโดยเฉพาะ Scarlett แต่ Ewan เค้าดูดีทุกเรื่องอยู่แล้ว แม่สาว Scarlett ก็ดูสวย น่ารัก ๆ ( พึ่งได้ The Nanny Diaries มา เรื่องนี้นังนี่ผมน้ำตาลสวยคูณ2 )

และสิ่งที่ไม่ชอบที่สุดในเรื่องก็คือ มุมกล้อง เป็นอะไรชวนหัวอย่างร้ายแรงมากที่สุด แบบพรึบ ๆ มองอะไรก็ไม่ทัน ผิดหวังกับการถ่ายทำของ Michael Bay มาก นึกว่าจะออกมาดีกว่านี้ และอย่างที่บอกไปในหัวข้อ ' พาเพลิน แต่ไม่ชวนอิน ' นั่นก็คือตัวหนังทำให้เราสนุก แต่ไม่มีเวทมนตร์ที่จะดึงเราเข้าไปอินกับตัวหนังได้เลย กับดูโดด ๆ ยังไงไม่รู้



คะแนน
ความสนุก : 8 / 10
การแสดง : 8 / 10
บทของภาพยนตร์ : 7 / 10
การดำเนินเรื่อง : 7 / 10
การถ่ายทำ : 6 / 10
โดยรวม : 36 / 50




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 16:09:23 น.
Counter : 348 Pageviews.  

Legally Blondes : ภาคที่ 3 กับสาวหัวทอง



อิซซี่ และ แอนนี่ สองสาวแฝดผมบลอนด์ ผู้เป็นญาติห่างๆเของตัวแม่สาวบลอนด์-แอล วู้ดส์ ย้ายถิ่นฐานจากลอนดอนมายังแอลเอ ที่นี่เธอทั้งคู่ต้องรับมือกับเพื่อนขี้อิจฉา อาจารย์ใหญ่จอมเฮี้ยวและ.บรรดาชายหนุ่มที่ต่างขยันขายขนมจีบแก่เธอทั้งคู่ งานนี้เสน่ห์สาวบลอนด์จะเอาชนะใจทุกคนได้หรือไม่...ต้องลุ้น

งานนี้เอาใจคอหนังกุ๊กกิ๊กน่ารักแฝงข้อคิดด้านกฎหมายอย่าง Legally Blondes 3 ภาคต่อของภาพยนตร์สุดเริ่ดที่เคยเข้าไปอยู่ในใจของหลายๆ คนมาแล้ว

ซึ่งภาคนี้ รีส วิเธอร์สพูน นำเสนอ มิลลี่ และ เบ็คกี้ รอสโซ่ และ คริสโตเฟอร์ เคาซินส์ กับเรื่องราววุ่นๆ ของ 2 สาวบลอนด์ญาติผู้น้องของ แอล วู้ดส์ ที่ย้ายจากอังกฤษมาผจญโลกใบใหม่กับโรงเรียนแห่งใหม่ในแคลิฟอร์เนีย ที่ๆมีเรื่องไม่ธรรมดาน่าสนุกเกิดขึ้นตลอดเรื่อง ตั้งแต่สองสาวบลอนด์ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่ติดใจกับเรื่อง Legally Blondes ทั้ง 2 ภาคมาแล้วห้ามพลาด!!! เพราะมีให้ได้ดูกันรอบเดียว ที่เดียวเท่านั้น!!!



คำถามแรกเลยที่ต้องมีคนถามนั่นก็คือภาคไหนสนุกที่สุด 3 ภาค ต้องขอบอกว่าส่วนตัวแล้วชอบหมดทุกภาค และเปรียบเทียบ กันไม่ได้เพราะว่าแต่ละภาคนั้นแตกต่างกันไป แต่ที่มีคล้าย ๆ เหมือน ๆ กันนั่นก็คือ การว่าความ โดยสาวผมบลอนด์ ในภาค 2 นั้นก็มีการว่าความสิทธิสุนัข ถ้าจำได้ และในภาค 3 ก็ว่าความ เรื่องแฝดอิซซี่จะโดนไล่ออกจากโรงเรียน

ถ้ายังอยากดูสีสันต์ หรรษาของสาวผมบลอนด์ เอาเป็นว่าห้ามพลาดภาคที่ 3 เด็ดขาดเพราะว่าไม่ได้แย่ อย่างที่หลาย ๆ คนมองเผิน ยังมีเรื่องราวสนุก ๆ อยู่เสมอ ควบคู่กับชีวิตไฮสคูลในอเมริกา ถ้าดูดีดี จะรู้ว่า Wild Child และ Legally Blondes นั้นคล้ายกัน ในตอนว่าความ หรือมันเป็นกฏของทุกโรงเรียนก็ไม่รู้ที่มี ศาลตัดสินในโรงเรียน ก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าประเทศไทยมีหรือปล่าว

แต่สีของภาพบอกเลยว่าไม่ชอบอย่างมาก มันไม่น่าชมเชยเอาเลย ก็เข้าใจนะว่าฉายทางทีวี ไม่ได้ลงจอใหญ่เหมือน สองภาคก่อน และก็ไม่ชอบตรงที่ สองสาวบลอนด์เป็นผิวแทน มันดูขัด ๆ ยังไงไม่รู้อยากได้ผิวขาวผมบลอนด์ แบบ Reese มากกว่า



คะแนน
ความสนุก : 8 / 10
การแสดง : 7.5 / 10
บทของภาพยนตร์ : 7 / 10
การดำเนินเรื่อง : 7 / 10
โดยรวม : 29.5 / 40




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 14:54:58 น.
Counter : 4036 Pageviews.  

Wild Child : มิตรภาพ กับโรงเรียนประจำ



ป็อปปี้ สาวน้อยวัย 16 (เอ็มมา โรเบิร์ตส์จาก Nancy Drew) เป็นเด็กสาวเอาแต่ใจตัวเองที่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องราวของตัวเอง เธอใช้ชีวิตแสนสุขอยู่ในแอลเอ แม้ว่าเธอจะจับจ่ายใช้สอยด้วยบัตรเครดิตที่มีวงเงินไม่จำกัดและห้อมล้อมไปด้วยเสื้อผ้าสวยๆ นับไม่ถ้วน ป็อปปี้ก็อดหงุดหงิดไม่ได้กับสถานการณ์ของครอบครัวเธอ และเธอก็ทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะรู้ถึงความรู้สึกนี้ หลังจากการล้อเล่นแผลงๆ ทำให้พ่อของเธอ (เอเดน ควินน์) ทนไม่ไหว ป็อปปี้จึงถูกส่งตัวไปโรงเรียนประจำในอังกฤษ หลังจากที่พบตัวเองอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีการเคอร์ฟิวช่วงหัวค่ำ คุณแม่อธิการที่เข้มงวดและลาครอส ซึ่งกลายเป็นกีฬาบังคับ เจ้าหญิงชาวอเมริกันผู้นี้ก็ได้พบคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ นั่นคือโรงเรียนของเด็กสาวชาวอังกฤษ ที่จะไม่ยอมทนรับนิสัยเสียของเธอเด็ดขาด ภายใต้การจับตามองของครูใหญ่ (นาตาชา ริชาร์ดสัน) และห้อมล้อมด้วยเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ ป็อปปี้ก็ต้องทำใจยอมรับว่า นิสัยเสียของเธอคงพาเธอไปไม่ได้ไกลนักหรอก แต่เพียงเพราะเธอจะต้องเติบโตกลายเป็นกุลสตรีไม่ได้หมายความว่า เด็กแสบคนนี้จะไม่ได้ใช้เวลาที่ตื่นอยู่ทุกชั่วขณะในการสั่นคลอนระบบที่ดีงามอยู่แล้วหรอกนะ…



ภาพยนตร์น่ารัก ๆ ที่หลายท่านมองผ่านเพราะว่าน่าจะเป็นหนัง ปัญญาอ่อนจ๋า วัยรุ่นจ๋า ผู้หญิงจ๋า ซึ่งความจริงมีบางอย่างซ่อนอยู่ในภาพยนตร์ที่คุณหลาย ๆ คนว่า ปัญญาอ่อน ไร้สาระ พวกนี้ ก็คือ สิ่งที่มนุษย์ทุกคนไขว่ขว้า นั่นก็คือ มิตรภาพ นั่นเอง มีใครไหมไม่อยากมีเพื่อนแท้ ?

สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นมิตรภาพนี่แหละ น่าประทับใจที่สุดถึงตัวหนังจะธรรมดา ไม่ได้น่าติดตามอะไรมาก แต่สิ่งที่ทำให้คนดูประทับใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือมิตรภาพ และฉากที่ทำให้คนดูขนลุกสุด ๆ น่าจะเป็นฉากที่ พ่อเห็นลูกสาวตัวเองเล่นกีฬา แล้วมองย้อนไปอดีตนึกถึง ภรรยา ตัวเองที่ตายจากไป ทั้งมุมกล้อง การถ่ายทำ ฉากนั้นทำออกมาได้ดีอย่างที่สุด

และที่ชอบอีกอย่างนึงก็คือ การแสดงอันน่ารักของ Emma Roberts เอาเป็นว่าหลังจากดูหนังจบ ฟันธง! ได้เลยว่าคุณชอบสาว Emma แน่นอน น่ารัก จมูกสวย ยิ้มหวาน ซะขนาดนั้น แล้วยิ่งตอนทำผมสีช็อคโกแลต น่ารักมาก น่ารักกว่าผมบลอนด์เยอ เล่นเอา เจ้าของบล็อก ชอบผมดำมากขึ้นเยอะ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนชอบผมสีบลอนด์



คะแนน
ความสนุก : 7 / 10
การแสดง : 8.5 / 10
บทของภาพยนตร์ : 7 / 10
การดำเนินเรื่อง : 6.5 / 10
โดยรวม : 29 / 40

( แต่ส่วนตัวชอบ(เกือบ)มาก เพราะว่าชอบหนังที่มีเนื้อหาแบบนี้ โดยเฉพาะเนื้อหาด้านมิตรภาพยิ่งชอบเลย เอาเป็นว่าถ้าชอบหนังวัยรุ่นมิตรภาพ เรื่องนี้แหละ โดนใจมาก )




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 22:19:01 น.
Counter : 601 Pageviews.  

Priceless : ความรัก & ความรวย



ไอรีน หญิงสาวที่ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าด้วยการหาคนรักที่ร่ำรวย แต่สุดท้ายก็พบว่า ผู้ชายที่รักเธอหมดหัวใจไม่ใช่ชายหนุ่มที่ร่ำรวยล้นฟ้าอย่างที่เธอคิด เขาเป็นเพียงแค่พนักงานโรงแรมที่พยายามทำตัวเป็นเศรษฐีเพื่อให้เธอหันมามองเขา



ภาพยนตร์โรแมนติกสัญชาติฝรั่งเศสเมืองสวย ในอีกชื่อหนึ่งก็คือ Hors de prix ภาพยนตร์โรแมนติกเรื่องนี้ยังได้ Audrey Tautou สาวสวยในแบบของตนเองที่ผ่านผลงานภาพยนตร์มามากมายอย่างเช่น The Da Vin Chi Code หรือ Amelie ที่ได้รับคำชมรอบโลกจากนักวิจารณ์มากหน้า หลายฝีมือ

และวันนี้เราจะชมเธอบนภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าสไตล์ฝรั่งเศสกัน ถ้าคนไม่เคยดูหนังสไตล์ฝรั่งเศสมาก่อนจะไม่ชอบเลย แล้วจะบอกว่าน่าเบื่อ เพราะว่ามันจะเรียบแบบระดับ ไม่ได้โผดโผนเหมือนภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องของ อเมริกา

การดำเนินเรื่องให้อยู่ในขั้น ปานกลาง ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ถ้าเทียบกับ Amelie ชอบ Amelie มากกว่าทั้งการถ่ายทำ และการดำเนินเรื่อง แต่ที่ชอบในเรื่องนี้ก็คือ เสื้อผ้า นักแสดง สังเกตุได้ว่า ชุดของ Audrey Tautou แต่ละชุดนั้นสวย ๆ ทั้งนั้น สวย เซ็กซี่ ทั้ง ๆ ที่ใน Amelie เป็นสาวเอ๋อๆ เนิร์ดๆ ในเรื่องนี้ฉีกแนวสุดๆ

ส่วนพระเอกก็หล่อแบบมีสไตล์ของตัวเอง หล่อสไตล์ หนุ่มฝรั่งเศส ( แอบเจอหนุ่มฝรั่งเศสหล่อกว่านี้ก็มี แหะๆ ) ตาพระเอกสวยมาก สีเขียว มีสเน่ห์ดี และการแสดงก็ถือว่าโอเค แต่ถ้าเทียบกับนางเอก มันแน่นอนอยู่แล้วที่นางเอกต้องแสดงเก่งกว่า ผ่านผลงานมาโชกโชนซะขนาดนั้น

และสำหรับแฟน ๆ Audrey Tautou อย่าลืมไปชม Coco avant Chanel ด้วยล่ะครั้งนี้เธอรับบทเป็น Gabrielle 'Coco' Chanel เจ้าแม่แฟชั่นแห่งฝรั่งเศสนั่นเอง

ส่วนในเรื่องนั้นสอนเกี่ยวกับชีวิตความรัก กับชีวิตความรวย เค้าสอนว่าไม่จำเป็นว่า คู่ครองของเราต้องรวยเท่านั้นแล้วเราจะรักเค้าได้ และแอบเสียดสีสังคมทุก ๆ ประเทศเลย เพราะว่า ผู้หญิงต้องการสามี รวยนั้นมีหมด และยิ่งพวกที่ชอบเปิดเผยตัวเอง ผ่านอินเทอร์เน็ตว่า 'รับสมัครแฟน ขอรวยๆ' แบบนี้น่าไม่อายจริง ๆ ขอว่าหน่อยเถอะ

ไม่เข้าใจว่ารักกันที่เงินหรือที่หัวใจ ก็เข้าใจนะว่าถ้าไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้หรอก แต่เงินก็ซื้อความรักไม่ได้อยู่ดี และเงินก็เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตพอ ๆ กับความรัก ฉะนั้นตัดสินไม่ได้ว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน 2 สิ่งนี้เป็นเส้นขนานกันมาก

ยกตัวอย่างเช่นนางเอกพยายามแต่งตัวมาอ่อยเศรษฐีรวย ๆ เพื่อตัวเองจะได้มีเงินใช้ แบบเค้าบ้าง แต่พระเอกของเรากลับไม่ใช่มหาเศรษฐีแบบที่นางเอกต้องการ แล้วเรื่องจะจบลงอย่างไร ขอเชิญติดตามได้ใน Priceless จ้า



คะแนน
ความสนุก : 7.5 / 10
การแสดง : 9 / 10
บทของภาพยนตร์ : 8 / 10
การดำเนินเรื่อง : 7 / 10
โดยรวม : 31.5 / 40




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 13:14:58 น.
Counter : 409 Pageviews.  

The Devil Wear Prada : เยี่ยมที่สุดของ Blunt & Hathaway



ในโลกแฟชั่นนิวยอร์คที่วุ่นวายจนน่าเวียนหัว โลกที่ “ไซส์ 0” กลายเป็นขนาดใหม่ของใครที่เคยใช้ “ไซส์ 2” โลกที่เพรียวลงจน “ไซส์ 6” เป็นเป้าหมายใหม่ของคนที่เคยใส่ “ไซส์ 8” แล้วถ้าวันใดผมเผ้าไม่เข้าที่แม้เพียงกระเบียดอาจจะโดนไล่ออกจากงานได้ และนิตยสาร Runway Magazine ถูกเปรียบราวกับจอกศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า มิแรนด้า พรีสท์ลี่ (เมอริล สตรีพ) เป็นบรรณาธิการของนิตยสารที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ใต้กรงเล็บสวยเนี้ยบ เธอเป็นเจ้าแม่ผู้ทรงอิทธิพลในโลกแฟชั่นและ Runway เป็นปราการด่านสำคัญของทุกคนที่คิดจะก้าวเข้าสู่โลกแฟชั่น แล้วการจะทำให้ Runway ยังคงเป็นคัมภีร์แฟชั่นของนิวยอร์ค และของโลกอยู่ได้นั้น มิแรนด้า จะไม่ยอมให้อะไรมาเป็นอุปสรรคขวางหน้าโดยเด็ดขาด รวมทั้ง “ผู้ช่วย” ที่เรียงรายกันมารับคำบัญชาของเธอคนแล้วคนเล่า มันเป็นงานซึ่งคนที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีมีเกียรติทระนงคงทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่มันก็ยังเป็น ตำแหน่ง ที่หญิงสาวชาวนิวยอร์ค นับล้านคนต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้โอกาสสำคัญนี้

งานผู้ช่วยของมิแรนด้าที่น่าเบื่อนี้อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเด็กจบใหม่อย่าง แอนดี้ แช็ค (แอนน์ แฮ็ททะเวย์) เธอสวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ตามสไตล์นักศึกษามากกว่าจะเป็นแฟชั่นล่าสุดจากดีไซเนอร์ดัง ทำให้เธอยิ่งโดดเดี่ยวท่ามกลางกองกำลัง “แคล็คเกอร์” ที่ทำงานใน Runway ก็พวกสาวสเลนเดอร์ใส่แฟชั่นสุดเดิ้นที่เดินกันให้ควั่กในสำนักงานใหญ่ของนิตยสารฉบับนี้ในแมนฮัตตั้นนั่นแหละ แต่เมื่อแอนดี้เข้ามาทำงานที่นี่ เธอก็รู้ว่าจะแจ้งเกิดในวงการนี้ ต้องใช้มากกว่าแค่เพียงความมุ่งมั่นและการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว



ภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้หญิงถึงผู้หญิงเกินไปหรือปล่าว ? ผู้ชายเหมาะมั้ยหนังแบบนี้ ? แล้วถ้าผู้ชายดูจะถูกมองเป็นเกย์ ตุ๊ด แต๋ว ไฉไล อะไรหรือปล่าว ? คนหลายคนตั้งคำถามอคติกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้พลาดหนังดีดีไป เพราะกับอคติไม่กี่ข้อ และวันนี้จะมาทำให้กระจ่างว่าทำไมไม่ควรพลาดภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่องนี้

- ภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้หญิงถึงผู้หญิงเกินไปหรือปล่าว ?
... ขอบอกเลยว่าใช่ แต่ว่าถ้าผู้ชายดูจะเสียหายตรงไหน เราไม่ได้ต้องการให้ดูตรงส่วนของผู้หญิง จริง ๆ แล้วหนังก็ไม่ได้สื่อมากเกินไปหรอก สิ่งที่หนังโฟกัสมากที่สุดก็คือ ชีวิตการทำงาน วงการแฟชั่น วงการนิตยสาร นี่คือสิ่งที่หนังโฟกัสไปมากที่สุด

- ผู้ชายเหมาะมั้ยหนังแบบนี้ ?
... ไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าไม่เหมาะอย่างคำถามแรก ที่ตอบไป ว่าทำไมถึงต้องดู!

- ถ้าผู้ชายดูจะถูกมองเป็นเกย์ ตุ๊ด แต๋ว ไฉไล อะไรหรือปล่าว ?
... เกี่ยวด้วยเหรอ ความจริงมันไม่น่าเกี่ยวนะ มันเป็นแค่ค่านิยมว่าผู้ชายบ้าแฟชั่นคือเกย์ เป็นแค่ค่านิยม ทำให้เกิดอคติกับภาพยนตร์แฟชั่น หนังสือแฟชั่น ซีรีย์แฟชั่น และทำให้ แฟชั่น ไม่ก้าวไกลในประเทศไทย ดูอย่างหนังสือสิ 'นางมารสวมปราด้า' ที่มติชนนำมาพิมพ์ขายกลับตีพิมพ์แค่ฉบับเดียวเมื่อปี 2546 และไม่มีตามมาอีกเลย ( ถ้ามีขายที่ไหนช่วยบอก เราด้วยนะ อยากอ่านมาก ๆ มือสองก็ได้ เอาเว็บมาเลย อิอิ ) หรือเพราะว่าคนไทยอ่านแต่นิยายจาก สนพ.แจ่มใส คือนิยายรักหวานดวงใจ ทั้งหลาย นี่แหละเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้วงการหนังสือไทยไม่ก้าวไกลมากเท่าที่ควร สำหรับคนที่อ่านแต่ สนพ.แจ่มใส อยากให้ลองอ่านแนวอื่นบ้าง รู้นะว่าชอบนิยายรัก แต่ก็อะนะ นิยายแบบนี้ ... พูดมากไม่ได้เดี๋ยวจะโดนต่อต้านปล่าวๆ

( เกือบ ) นอกเรื่องไปแล้วกลับมาสู่ประเด็นของภาพยนตร์คอมเมดี้แฟชั่นดราม่า The Devil Wear Prada การดำเนินเรื่องของเรื่อง ส่วนตัวถือว่าออกมาดีพอสมควร แต่ที่ชอบที่สุด มากๆ ที่สุดก็คือการแสดงและการถ่ายทำ มุมกล้องทั้งหลาย ชอบมากเวลาที่ฉายให้เห็นสังคมนิวยอร์ค ตึกรามบ้านช่อง และที่สวยสุด ๆ ก็คือ ปารีส ( อันนี้เคยไปมาแล้ว และชอบมาก สวยมาก งามมาก แต่ไม่ชอบตรงที่เหยียดคนไทย ! )

ส่วนการแสดงก็ไม่ต้องพล่ามมากคงรู้กันอยู่แล้ว Meryl Streep นั้นเทพปานไหน แสดงดูดีหมดทุกแนว เจ๋งหมดทุกแนว มีตัวตนหมดทุกแนว เป็นนักแสดงหญิงที่โลกควรจาลึกคนนึง ตอนสาว ๆ ป้าแกสวยมาก อเมริกันคลาสสิค งามนัก งามหนา แม่สาวนิว เจอร์ซีย์ มาถึง Anne Hathaway สาวตาโตผมดำ หุ่นอวบนิด คนนี้ก็เป็นเจ้าหญิงในดวงใจผู้ชมหลาย ๆ คนอยู่แล้ว เพราะความสวยใส น่ารัก และความสามารถทำให้ครองใจ ผู้ชมไปเต็ม ๆ มาที่ตัวโปรดของเรา Emily Blunt สาวเมืองผู้ดี ตาลึกลับ คนนี้แหละ ชอบมากทั้งนอกจอและในจอ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอตั้งแต่ดูมา แต่ตอนนี้รอชม Sunshine Cleaning ที่เธอเล่น ใครรู้ว่าเข้าโรงเมื่อไหร่ บอกทีจ้า



ส่วนที่บอกว่าชอบมุมกล้อง อะไรนั่นไว้รอชมภาพด้านล่างได้เลยจ้า แต่ตอนนี้ขอบ่นให้ฟังก่อนนะ อิอิ ฟังกันต่อ มาถึงตัวละครบ้าง Miranda Priestly ถูกดัดแปลงมาจาก Anna บรรณาธิการของนิตยสารแฟชั่นระดับโลก VOGUE นั่นเอง ส่วน Andy , Emily ไม่รู้ว่ามีจริงหรือปล่าว ไม่น่าเชื่อว่า Anna จะจู้จี้ จุกจิก เรื่องมาก ขนาดนี้ดูไปแล้วก็นึกเลย ' เออ .. หน้าตาเรียบ ๆ แบบนี้ไม่น่าจะเป็นนางมารได้นะเนี่ย '

ส่วน Emily เธอคือผู้ช่วยสาวที่ติดนิสัยมิแรนด้า ก็คือไม่รู้จักคำว่า 'ขอบคุณ' ถ้าดูจะสังเกตุได้ว่า Miranda และ Emily ไม่เคยพูดว่า 'ขอบคุณ' เลยซักคำ ในกรณีของ Emily นั่นก็คือตอนจบนั่นเอง ที่ Andy จะเอาเสื้อผ้ามาให้ หลังจากเธอบอกรับ เธอก็วางสาย โดยไม่พูดขอบคุณ แต่ดูจากสีหน้าของเธอที่ สาวบลันท์ แสดงออกมา ( มันสุดยอดจริงๆ ซาราห์ -*- ) ก็คือสีหน้าที่ดีใจ อยากขอบคุณ แต่ไม่กล้าพูดเพราะว่ากลัวเสียฟอร์มหรืออะไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

และสิ่งที่ชอบ ( อีกแล้ว ) ในภาพยนตร์ก็คือตอนจบที่ทำให้คนดูยิ้มออกจากโรง หรือยิ้มออกจากที่นอนหลังจากดูจบ มันทำออกมาได้แฮปปี้ ให้กำลังใจแก่บุคคลวัยทำงาน ว่าเวลาท้อแท้ให้นึกว่า ยังมีคนที่ทำงานหนักกว่าเราแน่นอน ดูอย่างตัวละครสิ งานผู้ช่วย ต้องตื่น 6 โมง เช้า ถึงออฟฟิศก่อน บก. 45 นาทีได้ และไหนจะกาแฟสูตรเด็ดอีก 'ลาเต้ไขมันต่ำไม่ตีฟอง เพิ่มพิเศษกาแฟ 3 หยดเผื่อที่ไว้เติมนม ร้อนสุดขีดก็คือร้อน' แทบจะจำไม่ได้เลย ใช่ไหมล่ะ

ตอนนี้เอาสูตรเด็ดมิแรนด้ามาให้อ่านกันจ้า
- ลาเต้ไขมันต่ำไม่ตีฟอง เพิ่มพิเศษกาแฟ 3 หยดเผื่อที่ไว้เติมนม ร้อนสุดขีดก็คือร้อน'
- อาหารเช้าก็ โทร.สั่งจากแมนเจียบริการจัดส่งที่เบอร์ 555-3948 ซอฟต์ชีส เดนิสหนึ่งชิ้น เบคอนสี่ชิ้นและไส้กรอก
- หนังสือพิมพ์ ที่ชั้นวางหนังสือพิมพ์ตรงล็อปปี้จะต้องมีนิวยอร์กไทม์ เดอะวอชิงตันโพสต์ ยูเอสเอทูเดย์ เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล วูแมนส แวร์เดลี่ และเดอะนิวยอร์ก ออบเซิร์ฟเวอร์ในวันพุธ
- นิตยสารรายสัปดาห์ ที่ออกทุกวันจันทร์ได้แก่ไทม์ นิวสวีค ยูเอสนิวส์ เดอะนิวยอร์กเกอร์ ไทม์เอาต์นิวยอร์ก นิวยอร์ก เดอะอีโคโนมิสต์

เห็นงานยุ่งแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่ามีเวลาอ่านนิตยสารกับเค้าด้วยนะเนี่ยยย ...







คะแนน
ความสนุก : 9.5 / 10
การแสดง : 10 / 10
บทของภาพยนตร์ : 10 / 10
การดำเนินเรื่อง : 9.5 / 10
โดยรวม : 39 / 40




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2552 20:33:38 น.
Counter : 852 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 
 

uptownearth
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add uptownearth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com