Update My Friends....
 

ประสบการณ์การตอบแบบสอบถาม... แบบเสี่ยงภัย

เรื่องราวนี้ได้รับเมล์จากเพื่อน ๆ ที่ส่งมาให้อ่านกันเพื่อจะได้ระวังตัวไว้... ส่วนตัวก็เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ (ไม่มากก็น้อย) โดยเฉพาะกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านลึก ๆ และอยู่คนเดียวค่ะ...

**มาเล่าประสบการณ์การตอบแบบสอบถามที่เสี่ยงกับมิจฉาชีพค่ะ**
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน เรื่องที่เราจะเล่าวันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราค่ะ และคิดว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ เพื่อระวังตัวในการตอบแบบสอบถามกันนะคะ เริ่มเรื่องเลยดีกว่าค่ะ

มีอยู่วันนึงเป็นวันเสาร์เราอยู่บ้านคนเดียวทีนี้ เราเกิดหิวขึ้นมาเลยจะเดินไปร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้านระหว่างทางก็เห็นผู้หญิง 2 คนถือแบบสอบถาม และเดินหาคนที่จะตอบแบบสอบถาม เราก็มองเค้านะคะ เพราะเห็นเค้าด้อม ๆ มอง ๆ บ้านแต่ละหลังอยู่ (ตอนนั้นเรานึกว่าเป็นการสำรวจตามบ้าน) แค่นั้นแหละค่ะ
เค้า 2 คนเดินเข้ามาหาเรา แล้วการสนทนาก็เริ่มขึ้น (ขอบรรยายเท่าที่จำได้นะคะ เพราะยาวเหมือนกัน)
ผู้หญิง 2 คน - สวัสดีค่ะ มาจากบริษัท... (สบู่ยี่ห้อดังค่ะ) ขอรบกวนเวลาสอบถามเกี่ยวกับการใช้สบู่หน่อยได้มั๊ยคะ
เรา - เอ่อ.....นานมั๊ยคะ (หิวอ่ะจะไปซื้อของกิน แต่พอดีเราก็เคยทำแบบสอบถามตอนเรียนก็เลยเห็นใจเค้านะ เพราะร้อนก็ร้อน ก็เลยว่าจะช่วยซะหน่อย)
ผู้หญิง 2 คน - ไม่นานค่ะ แป๊บเดียว เป็นสินค้าออกใหม่ มีตัวอย่างให้ลองใช้ค่ะ แต่ต้องสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคก่อน
เรา - (อืม... ก็น่าสนใจนะ)
ผู้หญิง 2 คน - ตัวนี้เป็นสบู่ที่ออกใหม่ เพื่อลูกค้าที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เหมาะกับการพกพาและสะดวก มีสูตรใหม่ด้วยนะคะ
เรา - ค่ะ .... (แปลก ๆ แล้วค่ะ มีด้วยหรอสบู่สำหรับต่างจังหวัด อ่ะแต่ลองฟังก่อนเผื่อแปลกใหม่จริง ๆ)
ผู้หญิง 2 คน - เดี๋ยวรบกวนพี่ช่วยตอบแบบสอบถามก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวทางเรามีสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้
จากนั้นเค้าก็ถามเราโดยไม่ได้ให้เราเขียนเอง แล้วการถามก็ถามแบบเร็ว ๆ แต่ก็คิดว่าเพื่อไม่เสียเวลา (เพราะปกติเราก็ทำแบบนี้)
ผู้หญิง 2 คน - ชื่ออะไรคะ, อายุเท่าไหร่คะ, ทำงานอะไรคะ, รายได้เท่าไหร่คะ, ขอที่อยู่และเบอร์โทรกลับด้วยค่ะ เพื่อที่ทางเราจะได้ส่งสินค้ามาให้
เรา - ต้องกรอกที่อยู่กะเบอร์โทรด้วยหรอคะ .... ( ตอนนั้นแปลก ๆ เพราะเล่นขอที่อยู่ก่อนเลย แต่ก็มองในแง่ดีอยู่ T_T)
ผู้หญิง 2 คน - ค่ะ ต้องระบุค่ะ
ผู้หญิง 2 คน - ปกติใช้สบู่อะไรคะ
ผู้หญิง 2 คน - ใช้สบู่เหลวบ้างหรือเปล่า ฯลฯ ....... และต่อไปนี้เป็นคำถามที่เรางงมาก ๆ และคิดว่าไม่ปกติซะแล้วค่ะ
ผู้หญิง 2 คน - ที่บ้านมีใครทำงานเกี่ยวกับสินค้าประเภทนี้มั๊ยคะ (เป็นการเช็คเหยื่อก่อนค่ะ เพื่อความปลอดภัย)
เรา - ไม่มีค่ะ (ตอบแบบมั่นใจ แต่จริง ๆ เราทำเกี่ยวกับสินค้าที่เป็นอาหารนะคะ เพราะฉะนั้น รูปแบบการทำงานจะคล้าย ๆ กัน แต่ต่างกันที่สินค้า)
ผู้หญิง 2 คน - ที่บ้านอยู่กันกี่คนคะ มีผู้ชายกี่คน หญิงกี่คน
เรา - 5 คน ค่ะ.. ชาย 3 หญิง 2
ผู้หญิง 2 คน - ที่บ้านมีกี่ห้องคะ มีห้องอะไรบ้าง (จริง ๆ ด้วย อ่ะแต่เล่นต่อ เผื่อได้อะไรดี ๆ)
เรา - (นิ่งไปพักนึง....) มี .......ห้องค่ะ มีห้อง ..............บลา ๆ ๆ
ผู้หญิง 2 คน - เดี๋ยวให้พี่วงกลมค่ะว่าที่บ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง
เรา - เอ่อ... มันจำเป็นต้องสำรวจด้วยหรอคะ แล้วเราก็ทำท่าเหมือนจะหยุดตอบคำถาม (ตาจ้องมองที่ผู้หญิง 2 คนแบบสงสัย)
ผู้หญิง 2 คน - อ๋อ... ค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพื่อวัดฐานะพื้นฐานค่ะ เพราะบางครั้งรายได้ของพี่คนเดียวมันวิเคราะห์ได้ไม่ละเอียด (น่าน แถไปเรื่อย)
เรา - เราก็วงกลมไปเรื่อย ๆ ค่ะ โทรทัศน์ ตู้เย็น คอมฯ แอร์ สารพัดทุกอย่าง บอกไปหมดเลย (ไหลตามเค้าไปเรื่อย ^^' อยากรู้ว่ามันจะทำไรต่อ)
ผู้หญิง 2 คน - ปกติพี่ไปต่างจังหวัดบ่อยมั๊ยคะ แล้วภายในเดือนนี้มีไปต่างจังหวัดหรือเปล่า จะได้ส่งสินค้ามาให้ทดลองใช้
เรา - บ่อยค่ะ (ทำท่านึก จริง ๆ อีก 2 สัปดาห์เราถึงจะไปต่างจังหวัด) เดี๋ยววันหยุดนี้มีไปค่ะ
ผู้หญิง 2 คน - ไปวันหยุดยาวสัปดาห์นี้หรอคะ ไปกันทั้งครอบครัวรึเปล่าจะได้ส่งมาให้พอกับจำนวนคน
เรา - ค่ะ (อืม ... เอาละ ๆ ใช่ละ รีบถามใหญ่เชียวนะ)
ผู้หญิง 2 คน - บ้านพี่มีนาฬิกากี่อันคะ แล้วตรงไหนบ้าง (อันนี้เรางงสุด ๆ ไม่รู้ถามไปเพื่ออะไร หรือว่าจะทำให้ดูแปลก ๆ ไปงั้น เหมือนไม่มีอะไร)
หลังจากนั้นก็มีคำถามอีกเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการถามที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับสบู่แล้ว แต่จะคอยย้ำอยู่นั่นแหละว่า ไปต่างจังหวัดจริงเปล่า แล้วจะส่งสินค้ามาให้ (เพราะเราบอกเค้าว่าจะไปสัปดาห์นี้ สงสัยต้องเตรียมแผนขึ้นบ้านอย่างรวดเร็ว) แล้วจากนั้นก็จากกันไป โดยเค้าย้ำว่าจะให้พนักงานส่งสินค้ามาให้ที่บ้านเพื่อให้ทดลองใช้เวลาเดินทาง (เพิ่งรู้ สบู่ต้องแยกต่างจังหวัดด้วย อ่ะนะ)
เดี๋ยวต่อด้านล่างนะคะ รู้สึกว่าเล่าทีไร ตื่นเต้นทุกที...
หลังจากนั้นตอนเย็น เราก็เล่าให้ที่บ้านฟัง ที่บ้านเราก็บอกว่าแปลก ๆ มีถามแบบนี้ด้วยหรอ พ่อเลยพูดติดตลกขึ้นมาว่า 'งั้นเดี๋ยววันหยุดนี้ ถ้าพวกมิจฉาชีพเห็นว่าเราไม่ได้ออกไปต่างจังหวัด ยังอยู่บ้านกันครบ มันคงหงุดหงิดน่าดู' (เราโกหกผู้หญิง 2 คนนั้นไปว่าจะไปต่างจังหวัด)
หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ก็มีเบอร์แปลก ๆ โทรมาหาเราบอกว่า โทรมาจากบริษัท..... (สบู่ชื่อดัง) จะมาสอบถามเพิ่มเติม
ปลายสาย - สวัสดีค่ะ โทรมาจากบริษัท........ นะคะ พอดีพนักงานเรามีการสอบถามคุณเกี่ยวกับสบู่ตัวที่จะออกใหม่ และจะส่งตัวอย่างไปให้
เรา - อ๋อ..... ค่ะ (นิ่งไปพักนึง .... มันกลับมาอีกแล้วค่ะ)
ปลายสาย - ไม่ทราบว่าน้องผู้หญิงหรือผู้ชายที่สัมภาษณ์คะ
เรา - เอ่อ ... ผู้หญิงค่ะ (อย่าบอกนะว่าทั้งบริษัทจ้างพนักงานสำรวจแค่ 2 คน)
ปลายสาย - พอดีทางเราจะส่งตัวอย่างสินค้าไปให้ค่ะ ไม่ทราบว่าข้อมูลกับที่อยู่ที่แจ้งในนี้ถูกต้องหรือเปล่าคะ
เรา - ค่ะ (เสียงแบบไม่พอใจ เหมือนมันใกล้เข้ามา)
ปลายสาย - แล้วไม่ทราบว่าที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดนี่ กำหนดการยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ จะได้ส่งสินค้าไปให้
เรา - ค่ะ เหมือนเดิมค่ะ สัปดาห์นี้ (เน้นเสียง เพื่อสร้างความมั่นใจให้เค้า บ้าไปแล้วค่ะ)
ปลายสาย - งั้นเราจะส่งสินค้าไปให้ทดลองใช้นะคะ ขอบคุณค่ะ
เรา - ค่ะ (อ้างจังเลยส่งสินค้านี่ จริง ๆ จะมาเช็คว่าข้อมูลที่ถามไปถูกต้องหรือเปล่าหรอก)
หลังจากนั้นเราก็เลยเอาเบอร์นี้ไปถามบั๊คดู พบว่าเป็นเบอร์ของห้องพักที่นึงแถว ๆ บางรักค่ะ ก็เลยลองโทรไป ปรากฏว่าติดค่ะ แต่ไม่มีใครรับสาย ซึ่งเราโทรตลอดทั้งวัน แล้วหลายวันด้วย แต่ก็ไม่มีคนรับค่ะ ก็เลยเล่าให้พี่ที่ออฟฟิตฟัง พี่เค้าแนะนำว่าให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เผื่อมันมาจริง ๆ เพราะจะวันหยุดแล้ว
...เดี๋ยวมาต่อนะคะยังไม่จบแค่นี้หรอกค่ะ อิอิ เพราะกลุ่มนี้เค้าตื้อลูกค้าจริง ๆ ...
หลังจากวันนั้นก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจแล้วว่าคงไม่ใช่การตอบแบบสอบถามเพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์แน่ ๆ อาจจะเพราะบังเอิญที่เราจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงนั้นพอดี ทำให้อาการเค้าออกเกินไปหน่อย (แต่เราไม่ได้บอกวันเดินทางจริงนะคะ) แล้วมีการโทรกลับมาอีก ก็ยิ่งทำให้เรากังวล (อืม... ไม่น่าเลยช้าน T_T)
และแล้วก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เข้าจนได้......
หลังจากที่คุยกับที่บ้านก็ตกลงกันว่าเราจะทำทุกอย่างเหมือนปกติ ไม่มีการเดินทางไปไหน แต่จะปิดประตูหน้าบ้านกับเอาผ้าม่านลง เพื่อให้ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่ถ้าดูจริง ๆ จะเห็นว่าเปิดไฟ เปิดโทรทัศน์เสียงดัง เดินไปเดินมาเหมือนปกติ (กะจะเอาให้งงค่ะ หรือว่าคนอ่านงงแล้วคะ ^ ^') จากนั้นก็คอยสอดส่องคน หรือรถที่มาหน้าบ้านค่ะ (วันนั้นนั่งระแวงทั้งวัน) แต่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเวลาประมาณ บ่าย 2-3 มีรถกะบะมาจอดเยื้อง ๆ หน้าบ้าน เราก็ลองสังเกตดู (เพราะเอาม่านลงแล้ว) มีผู้ชาย 2 คน นั่งอยู่ในรถค่ะ นั่งเหมือนมารอใครก็ไม่รู้ เพราะเห็นเค้าจอดนานเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้มีพิรุธอะไรแสดงออกมานะคะ แล้วก็ขับออกไป เอาล่ะค่ะทีนี้เราเครียดมาก ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นพวกนั้นหรือเปล่า แล้วเจ้ากรรมอะไรไม่รู้พอรถคันนั้นออกไป มีรถคันไหนมาจอด หรือมาชะลอผ่านหน้าบ้านเราก็วิตกแล้วค่ะ ได้ แต่ภาวนาให้วันนี้ผ่านไปเร็ว ๆ (คืนนั้นนอนกันดึกค่ะ ทำเป็นเฮฮากันทั้งบ้านทั้งคืน แต่จริง ๆ ก็รู้อยู่นะคะว่าเพราะอะไร อิอิ ^ ^')
แต่หลังจากวันนั้น มันไม่ได้จบแค่นี้ค่ะ.... ประมาณเลยช่วงวันหยุดแล้ว โทรศัพท์เราก็ดังขึ้นค่ะ เป็นเบอร์แปลก ๆ ที่ไม่ใช่เบอร์เดิม....... และแล้วเสียงปลายทางก็เป็นเสียงผู้หญิงคนเดิมที่เคยโทรมา แต่คราวนี้น้ำเสียงของเค้าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ซึ่งต่างจากตอนที่โทรมาครั้งแรก แต่เราก็ไม่สนใจค่ะ เพราะเรากะว่าวันนี้จะทำให้เค้ารู้ว่า เราน่ะรู้นะว่าเค้าไม่ใช่พนักงานจริง ๆ (คือจะคุยเพื่อให้รู้กันไปเลยค่ะ เพราะไม่งั้นเราจะมาระแวงตลอด แต่ก็ไม่ใช่แบบว่าตำรวจจับผู้ร้ายนะคะ เดี๋ยวมันจะมาแก้แค้นเอา อันนี้น่ากลัวกว่า) เริ่มบทสนทนาเท่าที่จำได้เลยนะคะ
ปลายสาย - สวัสดีค่ะ โทรมาจากบริษัท........ นะคะ ไม่ทราบว่าที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงวันหยุดนี้ ไปมาแล้วหรือยังคะ (ตรงไปมั้งคะ)
(อันนี้บอกก่อนนะคะว่าเค้าพูดแบบนี้จริง ๆ แล้วน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจค่ะ เหมือนเราไปให้ความหวังเค้าค่ะแต่ไม่ได้ไปเหมือนที่บอกไว้ แล้วเค้าคงงงกะบ้านเราว่าอยู่หรือไม่อยู่กันแน่)
เรา - เอ่อ ... ยังค่ะ พอดีไม่สะดวกค่ะ ต้องเลื่อนก่อน
ปลายสาย - แล้วจะเลื่อนเป็นประมาณช่วงไหนคะ
เรา - (ขี้เกียจจะคุยแล้ว ก็เลยแกล้งเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็ถามกลับ) ยังไม่ได้สบู่ที่จะให้ทดลองใช้เลยค่ะ หลายวันแล้ว
ปลายสาย - อ้าว หรอคะ ยังไม่ได้หรอคะ (เนียน เชียวนะหล่อน) เดี๋ยวเราจะจัดส่งไปให้ใหม่นะคะ แล้วคุณจะเดินทางไปเมื่อไหร่คะ เพื่อที่จะได้โทรมาสอบถามความพอใจของลูกค้าหลังจากใช้แล้ว
เรา - ยังไม่แน่ใจค่ะ พอดีลองโทรไปเบอร์ที่โชว์คราวที่แล้วค่ะ จะสอบถามข้อมูล ไม่มีคนรับหลายครั้งเลยค่ะ
ปลายสาย - สงสัยพนักงานไม่อยู่ค่ะ (น้ำเสียงไม่พอใจ)
เรา - หรอคะ แต่พอเอาเบอร์ไปหาข้อมูลเค้าบอกว่าเป็นเบอร์อพาร์ทเม้นท์ค่ะ ไม่ใช่ของบริษัท (กะต้อนเข้ามุมค่ะ)
ปลายสาย - คือเราเป็นบริษัทสำหรับสำรวจข้อมูลค่ะ เพื่อส่งข้อมูลให้บริษัทวิเคราะห์อีกที
เรา - หรอคะ (ทำไมไม่บอกแต่แรก)
ปลายสาย - ว่าแต่จะไปต่างจังหวัดหรือเปล่าคะ (น้ำเสียงเข้ม) จะได้ส่งสินค้าให้
เรา - (โมโหแล้วค่ะ ยังจะไปน้ำขุ่นๆอีก) ไม่ต้องแล้วค่ะไม่ไว้ใจเพราะแปลก ๆ แล้วไม่ต้องโทรมาถามอีกแล้วนะคะ ..... (เรากดตัดสายทิ้งค่ะ)

หลังจากวันนั้นก็ไม่มีเบอร์แปลก ๆ มากวนใจเราให้จิตตกเล่นค่ะ สบายใจขึ้นเยอะ แล้วก็บอกเพื่อน ๆ ที่รู้จักให้ระวังไว้ เพราะถ้าเราทิ้งข้อมูลไว้มันอาจจะมาเวลาที่เราไม่อยู่ก็ได้ และสิ่งที่จะบอกต่อไปก็คือ ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เรายังไม่เห็นมีสบู่อะไรส่งมาที่บ้านเราเลยค่ะ และไม่มีวี่แววของสินค้าใหม่ที่เป็นสบู่ สำหรับเดินทางไปต่างจังหวัดออกมาโชว์หน้าตาเลย
ฉะนั้นเวลาที่เพื่อน ๆ ไปกรอกแบบสอบถามกับใครเพื่อส่งสินค้าตัวอย่างมาให้ โปรดระวังให้ดีนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้วิธีการหากินมาแบบแปลก ๆ เรื่อยเลยค่ะ


เอามาลงให้อ่าน ไม่ได้ต้องการให้กลัว หรือวิตกเกินกว่าเหตุนะค่ะ เพียงแต่อยากให้ระวังตัวไว้... ค่ะ

ที่มา: Mail forward




 

Create Date : 22 มกราคม 2552    
Last Update : 22 มกราคม 2552 16:01:03 น.
Counter : 413 Pageviews.  

วิธีลักรถและขโมยรถ

มาดูว่าโจร เข้าไปในรถเราได้อย่างไร โจรต้องหาวิธีเข้าไปภายในรถยนต์ของเราให้ได้ก่อน ปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายวิธีได้แก่
1. กุญแจปลอม
ถ้าคนร้ายมีกุญแจเหมือนกับเรา ก็เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของรถนั่นเอง วิธีการที่ผู้ร้ายจะได้กุญแจปลอมนั้นได้แก่ การแอบปั้มกุญแจเช่นเวลาที่เรานำรถไปจอดซ่อม ล้างอัดฉีด ซื้อรถจากโชว์รูม เต็นท์ขายรถมือสอง จากเจ้าของเก่าที่ไว้ใจไม่ได้ หรือที่นิยมสมัยนี้คือการติดต่อซื้อรถทางอินเตอร์เน็ต แล้วแอบมาปั้มลูกกุญแจเวลาเจ้าของเผลอ ซึ่งคนร้ายจะติดตามมาถึงบ้าน และที่จอดรถประจำเพื่อขโมย
2. เหล็กแข็งแทนกุญแจ
คนร้ายจะใช้เหล็กขนาดเท่ากุญแจรถแต่เป็นเหล็กแข็ง ส่วนมากจะดัดแปลงมาจากประแจหกเหลี่ยมมุมฉากสแตนเลสที่มีความแข็ง ตีเข้าที่รูกุญแจแล้วใช้แรงบิดจนชุดฟันเฟืองเสียหาย และหมุนจนตัวล็อคเปิดออก เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนร้ายชอบใช้กัน
3. ใช้ลวดแข็งเกี่ยวตัวล็อคประตู
ถ้าใครเคยลืมกุญแจไว้ในรถแล้วเรียกช่างมาปลดล็อคกุญแจจะเคยเห็นว่า ช่างจะใช้ลวดเชื่อมยาวๆเบอร์แข็งๆ ดัดทำเป็นตัวยู งัดยางรีดน้ำประตูออก และใช้ลวดแยงเข้าไปให้ตะขอเกี่ยวกับปุ่มกดล็อคให้เด้งขึ้น เสมือนมีคนอยู่ในรถแล้วดึงปุ่มเปิดประตูขึ้น หรือใช้ฟุตเหล็กแยงให้ตรงกับคันชักกลอนประตูให้เด้งลง หรือใช้ลดแยงทางมือเปิดประตูเพื่อมาดันตัวกดล็อกให้เด้งขึ้น วิธีนี้ถ้าช่างที่มีความชำนาญจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
4. งัดประตูหูช้าง
พวกรถกระบะแค็บที่มีประตูหูช้าง โจรจะใช้ลวดแข็งมาก ๆ งอเป็นตัวยู สอดเข้าไประหว่างกระจกแค็ปแล้วงัดแรง ๆ กระจกจะเปิดออก แล้วจะงัดตัวล็อคให้หัก ใช้มือเอื้อมมาเปิดตัวล็อคประตู บางคนคิดว่ากระจกบานนี้น่าจะแข็งแรงแต่ถ้าคุณลองงัดดู จะต้องเปลี่ยนใจว่า มันไม่ยากอย่างที่คิด
5.ใช้น้ำกรด
โจรจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยา หยดไปตามรูกุญแจเพื่อทำลายชุดฟันเฟือง และสปริงเล็กๆในแม่กุญแจ แบบนี้ยังนำมาใช้ภายในรถพวกล็อคพวงมาลัย ล็อคเกียร และล็อคครัชได้อีกด้วย
6. ทุบกระจกประตูหรือกระจกหูช้าง
โจร จะใช้เหล็กแหลมคม ค่อย ๆ กะเทาะกระจกจนเกิดรอยร้าว ใช้ผ้าปิดป้องกันเสียง จนกระจกแตกออกทั้งบาน ใช้มือล้วงเปิดตัวล็อคกุญแจออก คราวนี้ก็ถือเป็นการง่ายแล้วถ้าจะเข้าไปในรถของท่าน
7. ช็อตวงจรไฟฟ้า
บางท่านคิดว่าใช้กุญแจรีโมตแล้วปลอดภัยแน่ แต่จริง ๆ แล้วกลับง่ายต่อการต่อรัดวงจรไฟฟ้า เช่นวงจรไฟเลี้ยว ในชุดรีโมตแบบธรรมดา หรือถ้าเป็นรถยุโรปด้วยแล้วกลับเป็นเรื่องง่าย ตัวล็อคจะเด้งหลุดทันที
8. จูนสัญญาณจากรีโมต
เวลาจอดรถในห้างสรรพสินค้าพอเรากดรีโมตล็อคปุ๊ป คนร้ายก็จะมีเครื่องมือมาจับความถี่สัญญาณ แล้วหาก็อปปี้ความถี่มาใช้ยิงเปิดประตูได้เลย แบบนี้ถือว่าเป็นระบบที่อันตรายมาก
9. ยกรถ
บางครั้งแล้วคนร้ายอาจใช้วิธีเอารถยกมายกไปเลย แบบนี้อย่าคิดว่าขำครับ เป็นวิธีที่โจรบางพวกนิยมใช้กัน เมื่อยกรถแล้วจะหาทางเข้าที่เปลี่ยว ๆ แล้วปลดล็อคต่าง ๆ กันต่อไป
10. จี้หรือปล้น
อย่างที่เคยได้ยินกันตามหน้าหนังสือพิมพ์นี่หละครับ เช่นการวางเรือใบ ดักซุ่มในที่เปลี่ยว ล่อลวงต่าง ๆ แต่ที่เห็นเป็นประเด็นร้อนอย่างการลวงซื้อรถทางอินเตอร์เน็ต แล้วขอนัดดูในที่เปลี่ยว แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มาขอซื้อรถหรอกครับ แต่อาจจะขอไปใช้กันฟรี ๆ เลยก็ได้

เมื่อเข้ารถได้แล้วโจรมักจะทำอย่างไร
1. งัดคอพวงมาลัย เพื่อเป็นการปลดล็อคระบบบังคับเลี้ยว โจรจะถอดคอพวงมาลัยแล้วใช้อุปกรณ์งัดหูล็อคคอกุญแจหรือตัดกุญแจล็อคคอที่เป็นตะกั่วให้หลุดออกจากแกนพวงมาลัย แค่นี้ระบบล็อคคอก็จะหลุดออกอย่างรวดเร็ว
2. ใช้เลื่อยตัด ถ้าเรามีกุญแจล็อคคันเกียร หรือล็อคพวงมาลัย อย่าพึ่งหลงคิดว่าโจรจะใช้เวลามากเพราะล็อคเกียร หรือล็อคพวงมาลัยราคาถูก ก็เปรียบเสมือนเครื่องประดับรถสำหรับโจรแค่นั้นเอง อย่างในรูปล็อคเกียรนั้นจับเวลาในการตัดได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น
3. ใช้น้ำกรด โจรจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้น หยอดไปตามรูกุญแจต่างๆจนเสียหาย และหลุดออก
4. ช็อตวงจรไฟฟ้า และต่อสายตรง คนร้ายส่วนมากจะมีการฝึกฝนและศึกษาวงจรกันขโมยของแต่ยี่ห้อแต่ระรุ่นมาเป็นอย่างดี คนร้ายอาจใช้เวลาไม่นานในการต่อสายตรงแล้วสตาร์ทเครื่องหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว

ขโมยแล้วเอาไปไหน
1. ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
แนวทางของคนร้ายถ้าเป็นรถใหม่ก็จะนำส่งประเทศเพื่อนบ้าน แรกๆก็แปลกใจว่าถ้าจะข้ามตะเข็บชาย แดนก็มีทหาร ตำรวจสกัดด่านไว้หมด แล้วมันเอาไปได้ไง ที่เคยเห็นก็เป็นวิธีเอาลงแพ แล้วใช้ไม่ลวกถ่อข้ามแม่น้ำไป ราคาขายในประเทศเพื่อนบ้านไม่เกินหลักแสนบาท
2. แยกขายเป็นอะไหล่มือสอง
ถ้าเป็นรถเก่าหน่อยคนร้าย ก็จะนิยมเอามาแยกขายอะไหล่แบบเชียงกงบ้านเรา ถ้าสังเกตกันดีๆมีหลายร้านที่มีอะไหล่ทั้งนอกและในบ้านเราผสมอยู่ก็ไม่น้อย หรือนำไปซ่อมขาย ลักษณะพวกนี้จะทำงานเป็นออเดอร์สั่งมาเลย อยากได้รุ่นไหน สีอะไรเป็นต้องได้ พวกนี้จะนำมาแยกชิ้นส่วนแล้วนำมาซ่อมรวมกับรถที่เกิดอุบัติเหตุแบบสาหัส ที่ต้องการอะไหล่แบบครึ่งคันหรือใช้เกือบทั้งคันเลยก็มี
3. สวมทะเบียน
อีกแบบก็นำมาสวมกับทะเบียนรถอุบัติเหตุแบบซ่อมไม่ได้แล้ว ใช้แค่ทะเบียนกับหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องเดิมนำมา ต่อใส่แล้วเก็บสีให้สวยก็ขายได้แล้ว สมัยนี้ช่างฝีมือ และเทคนิคใหม่ๆมีเยอะ ขนส่งยากที่จะจับได้
4. ทำทะเบียนปลอม
แบบสุดท้ายใช้รถแบบนั้นเลยแล้วทำทะเบียนปลอมขึ้นมา (จากขนส่ง) สามารถต่อทะเบียนวิ่งได้ทุกปี จนถึงปีที่ 6 ต้องตรวจ ต.ร.อ. ก็ไม่สามารถทำได้เพราะกลัวตรวจสอบเจอ ก็นำไปแยกขายอะไหล่อีกที

แล้วเรามีวิธีป้องกันรถหายกันได้อย่างไร
ใช้อุปกรณ์ป้องกันขโมย ในปัจจุบันมีคนพัฒนาอุปกรณ์เพื่อมาหยุดยั้งการโจรกรรมรถยนต์ออกมาขายมากมายไปหมด มาดูตัวอย่างระบบกันขโมยที่นิยมใช้กันในปัจุบัน
1. ล็อคเกียร แทบเป็นอุปกรณ์ที่แถมมากับโรงงานเลย แนะนำให้ใช้ยี่ห้อที่มีเชื่อเสียง วัสดุเป็นสแตนเลส หรือเหล็กกล้าอย่างดี ถ้าเป็นแบบของแถมราคาถูกต้องขอบอกตรงๆครับว่าเหมือนของประดับรถมากกว่า
2.ล็อคพวงมาลัย เป็นอุปกรณ์ที่ดีโจรต้องใช้เวลาในการปลดล็อคเพิ่มขึ้น โจรอาจใช้วิธีขันพวงมาลัยออกมาปลดล็อค หรือตัดพวงมาลัยออกแบบพวงมาลัยเครื่องบินแล้วขับหนีกันไปแบบนั้นเลย
3. ล็อคเบรคครัช เป็นแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ผลิตกันมามากมายหลายยี่ห้อ การล็อคแบบนี้จริงๆแล้วถือเป็นการป้องกันแบบทีมีประสิทธิภาพมาก บางรุ่นคนร้ายอาจต้องใช้แก็สตัดเพื่อปลดล็อคเลยก็ได้

เทคโนโลยีล่าสุดในการป้องกันขโมยรถยนต์แบบต่าง ๆ
1.ระบบ ควบคุมการล็อคประตูแบบไร้สาย (Wireless Door-lock Remote Control System)
เป็นระบบที่ใช้รีโมตควบคุมระยะไกล ใช้คลื่นความถี่สูงระดับ FM ส่งรหัส ID Lock จากตัวแม่ Master เข้าสู่กล่องควบคุม ECU ระบบนี้จะใช้รหัสโค้ด 10 ตัว เพื่อเข้ารหัสในการปลดล็อคกุญแจ ถ้ารหัสผิดกล่องจะทำการตัดสัญญาณ ต้องใช้กุญแจไขเท่านั้น และยังคอยรับอาการผิดปกติที่เกิดกับรถยนต์ทุกรูปแบบ
2. ระบบป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ (Engine Immobilizer System)
ระบบนี้จะอาศัยแผ่นโค๊ด (Tran sponder Chip) ที่ฝังอยู่ในลูกกุญแจ เมื่อนำลูกกุญแจเสียบเข้าสู่แม่กุญแจ จะมีการส่งสนามแม่เหล็กจากตัวแม่ มาสู่ตัวลูก เพื่อเปรียบเทียบโค๊ด ถ้ารหัสผิดกล่องคอมพิวเตอร์จะตัดสัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที และไม่สามารถสตาร์ทอีกใหม่อีกได้ ระบบนี้ถ้าเจ้าของรถบางคันคาดไม่ถึง เอาลูกกุญแจสำรองที่ทำปั้มเองมาไข จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้ ต้องลากรถกลับเข้าไปแก้โค๊ดที่ศูนย์ทุกรายครับ
3 ระบบ TDS หรือระบบส่งสัญญาณด้วยเสียง
ระบบนี้จะทำงานเมื่อมีการกดรีโมตล็อคประตู ซึ่งระบบจะมีเซนเซอร์จับสัญญาณ เสียงสั่นสะเทือน เพื่อป้องกันการทุบกระจกรถ การเปิดประตูโดยไม่ใช้รีโมต การถอดขั้วแบตเตอร์รี่ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงทันที ด้วยตัวกำเนิดสัญญาณเสียงแบบมีแบตเตอร์รี่ในตัว หรือบางรุ่นใช้ต่อพ่วงกับแตรรถยนต์ให้เกิดเสียงดัง ซึ่งต้องใช้รีโมตเป็นตัวหยุดการทำงานเท่านั้น
4. แบบอื่น ๆ
เทคโนโลยีการป้องกันรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เช่น ระบบติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม ด้วยเรดาร์นำทาง GPRS ที่จะมีตัวส่งสัญญาณให้ทราบได้เลยว่า ขณะนี้รถที่ถูกขโมยวิ่งอยู่ที่ไหน ระบบจะประสานงานกับ GPRS ของตำรวจเพื่อติดตาม หรือจะเป็นระบบที่ปล่อยควันหมอกออกมาให้โจรตกใจ และรีบหลบหนีไป และระบบที่เมื่อรถถูกขโมย ระบบจะส่งสัญญาณมายังโทรศัพท์มือถือของเจ้าของรถ ว่ารถกำลังถูกขโมย เพื่อให้เจ้าของรีบโทรแจ้งตำรวจมาสกัดจับได้ต่อไป

การดูแลและป้องกัน
1.การหาที่จอดรถ ไม่ควรจอดในที่เปลี่ยว ลับตาคน หรือจอดค้างคืนไว้เป็นเวลานานจนคนร้ายขโมยได้ง่าย
2.ป้องกันการถูกปั้มกุญแจ เช่นเวลานำรถไปซ่อมตามอู่ที่ไม่น่าเชื่อถือ ล้างอัดฉีด ขอดูรถซื้อขาย และวิธีอื่นๆที่โจรอาจจะใช้เวลาที่เราเผลอแอบปั้มลูกกุญแจและสะกดรอยตาม เวลานำรถไปซ่อม หรือล้าง ควรทิ้งไว้เฉพาะกุญแจรถเท่านั้น กุญแจล็อคแบบอื่นๆ ต้องเก็บไว้ให้หมด
3. ป้องกันการถูกล่อลวง เช่นการขอซื้อรถยนต์ หรือการนัดพบในที่เปลี่ยว หรือในที่ที่ก่อให้เกิดอันตราย
4. เป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ ถ้าพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรม หรือกำลังโจรกรรมให้รีบแจ้งเพื่อจับกุม

เมื่อรถหายแล้วควรทำอย่างไร
1.แจ้ง จส.100 สายด่วนรถหายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-7119160 เพื่อออกอากาศในสถานีวิทยุเพื่อมีผู้ที่เห็นรถที่หายขับอยู่บนท้องถนน
2. โทรแจ้ง ศปร.ตร ที่เบอร์ 1192 เพื่อความรวดเร็วในการกระจายข่าวไปในทุกหน่วยงานในพื้นที่
3. แจ้งความที่โรงพัก และสถานีตำรวจใกล้บ้านให้รวดเร็วที่สุด เพื่อตำรวจได้รีบออกติดตามคนร้าย
4. บอกต่อเพื่อนฝูง คนสนิทที่รู้จักทั้งหมด ให้รีบกระจายข่าวเพื่อไล่ออกติดตาม
5. ติดตาม และสอดส่องในจุดที่สันนิฐานว่าคนร้ายใช้เส้นทางใดหลบหนี หรือพบเห็นบุคคลต้องสงสัย ให้รีบแจ้งความดำเนินคดี

ที่มา : Mail forward




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2551    
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 11:57:30 น.
Counter : 395 Pageviews.  

 
 

Greating
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





เชิญชวนทุกคนมา update ข้อมูลและเทคนิคต่าง ๆ ทั้งที่มีสาระและไม่มีสาระกันตรงนี้ค่ะ

อ้อ... นิดนึงนะค่ะ... ข้อมูลที่นำมาลงตรงนี้เป็นข้อมูลที่ได้รับจาก Forward Mail ที่เพื่อน ๆ ส่งมาให้อ่านกันค่ะ...
ช่วยกันทำมาหากินนิดนึงนะค่ะ แค่คลิกโฆษณาข้างล่างคนละคลิกก็พอค่ะ... ขอบคุณค่ะ
(จะโดนสั่งปิดมั้ยเนี่ย... อิอิอิ)
[Add Greating's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com